ให้กำลังใจ ผู้ต้องขัง เรือนจำสงขลา
ถึงแม้จะเป็นนักโทษแต่ก็มีคุณค่า ชีวิตในเรือนจำ ถือว่าเป็นชีวิตที่หดหู่ก็จริง แต่ก็ยังดีที่มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทำ เช่น ทำความสะอาดเรือนจำบ้าง รับประทานอาหารที่เอร็ดอร่อยบ้าง เป็นต้น หากเราคิดว่า อยู่ในห้องขังไปวัน ๆ สุดแสนจะน่าเบื่อ ความจริงแล้ว ถ้าเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง คือ เราอยู่ในห้องขังเพื่อจะได้เป็นบทเรียน เพราะ เมื่อเราทำอะไรผิด เราก็ต้องถูกจำคุก ซึ่งจะนานหรือไม่นานก็ขึ้นอยู่กับความผิดนั้น ๆ แล้วเราก็ได้รู้จักเพื่อนด้วยกัน ทำให้เราไม่เงียบเหงา คุณลุงทั้งหลายคะ หนูเป็นคนที่พิการทางสายตา แต่หนูตั้งใจจะพิมพ์บทความนี้ เพื่อมอบให้แก่คุณลุงนักโทษ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจที่จะต้องจากครอบครัวมานาน คนเราไม่มีใครหรอกค่ะที่ไม่เคยทำความผิด แต่เมื่อทำแล้วก็ไม่ควรทำอีก เราถูกลงโทษครั้งนี้แล้ว หากเราออกจากห้องขัง เราก็กลับไปพบหน้าครอบครัวได้อีกครั้ง
คุณลุงทั้งหลายคะ อย่าเพิ่งท้อแท้ใจนะคะ ถึงเราจะ เป็นนักโทษ เพราะทำความผิดอย่างมหันต์ แต่เราก็ยังมีประโยชน์อนันต์เช่นกัน ขอให้สังคมจงเข้าใจเมื่อคุณลุงเหล่านี้ออกจากห้องขังไปแล้ว พร้อมที่จะให้โอกาสคุณลุงนักโทษเหล่านี้ได้ทำปะโยชน์ให้กับสังคมนะคะ อย่ารังเกียจและดูหมิ่นคุณลุงเหล่านี้เลยค่ะ ชีวิตของหนูนั้นถึงจะพิการทางสายตาก็จริง แต่ก็ไม่ได้ย่อท้อต่อโชคชะตาแต่อย่างใด ถ้าหากหนูได้ไปที่เรือนจำกลางเมื่อไหร่ หนูจะยินดีรับฟังความทุกข์ และความเครียดของคุณลุงทั้งหลายค่ะ ถ้าเราทำความผิดแล้วเราสำนึกผิด ก็เป็นสิ่งที่ดีอย่างมากมายมหาศาลนะคะ แต่ถ้าเราทำผิดแล้วคิดว่า ช่างมันเถอะ ปล่อยไป มันไม่ผิดอะไรนักหรอก ความคิดเหล่านั้นแหละค่ะที่ผิดมาก ๆ หนูเชื่อแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะว่า คุณลุงก็มีความสำนึกผิด และอยากจะกลับไปหาครอบครัวเต็มทีแล้ว แต่หนูขอให้คุณลุงอดทนอีกนิดหนึ่งนะคะ หนูเชื่อค่ะว่า สักวันหนึ่ง คุณลุงต้องได้กลับไปสู่อ้อมกอดของพ่อแม่ที่แก่ชราแน่นอนค่ะ
หนูขอเล่าชีวิตของหนูอย่างคร่าว ๆ นะคะ หนูชื่อ นางสาว นุ่นนิจ นามสกุล ถาวรรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 ณ โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร สาเหตุที่หนูตาพิการนั้น เกิดจากออกซิเจนที่ทำลายเส้นประสาทตาของหนู ทำให้ตาของหนูนั้นบอดสนิทไปหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างยังพอมองเห็นเลือนราง แยกสีได้แต่กระนั้นก็ยังเห็นไม่ชัดเท่ากับคนตาปกติ หนูเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ณ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และพักที่โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดธรรมสากลหาดใหญ่ หนูต้องอยู่หอ 5 วัน คือ วันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี แล้วกลับมานอนที่บ้านกับครอบครัวเป็นเวลา 2 วัน คือ วันศุกร์และวันเสาร์เท่านั้นค่ะ แต่ครอบครัวของหนูแสนอบอุ่นมาก เพราะแม่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ อยู่ที่โรงพยาบาลสงขลา ท่านเป็นคนที่อ่อนโยน เป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ใช้อารมณ์ในการดูแลหรือเลี้ยงลูก ตลกขำขัน
นี่คือชีวิตโดยคร่าว ๆ ของหนูนะคะ คุณลุงลองอ่านดู หนูคิดว่า คนเราไม่มีใครที่ทำอะไรถูกต้องเสมอไปหรอกค่ะ แต่ถ้าเราทำผิดแล้วรู้ว่าผิด เราก็ไม่ควรทำอีกนะคะ หนูขอเป็นกำลังใจให้คุณลุงทุก ๆ คนค่ะ
ถ้าเรามองห้องขังในเชิงบวก คือ ห้องขังเป็นบ้านหลังหนึ่ง มีทั้งเพื่อนฝูงมากมาย มีทั้งอาหารการกิน คุณลุงทั้งหลายยังโชคดีนะคะที่ได้กินอาหารที่เอร็ดอร่อย แต่ก็ยังมีอีกหลายคนถึงจะไม่ได้อยู่ในห้องขังก็จริง แต่เขาก็มีปัญหามากกว่าคุณลุงหลายเท่านะคะ เช่น ไร้ญาติขาดมิตร พ่อแม่เสียชีวิต เป็นขอทานตามสะพานลอย เป็นต้น แต่คุณลุงถึงจะอยู่ในห้องขัง คุณลุงก็ยังมีที่พักอาศัย มีอาหาร เครื่องดื่ม และกิจกรรมสนุกสนานอยู่เป็นนิจ สู้ต่อไปนะคะ สักวัน คุณลุงต้องได้ออกจากห้องขัง และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างของคนดี ทำประโยชน์อย่างมากมายเหลือคณานับแก่สังคมได้อย่างแน่นอนค่ะ
บทความนี้ถึงจะไม่ไพเราะเท่าไร แต่ก็อาจเป็นกำลังใจให้กับคุณลุงนักโทษได้บ้างนะคะ อย่าลืมนำไปอ่านเพื่อช่วยให้กำลังใจของคุณลุงมีมากขึ้น อย่าคิดว่าห้องขังเป็นสถานที่ที่ทำให้เราหดหู่ แต่ควรคิดว่า หากเราทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แต่ห้องขังคือบทเรียนบทเรียนหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ว่า หากเราทำความผิดก็ต้องมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยนักโทษมากมาย และควรจะสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พูดคุยปลอบใจซึ่งกันและกันไว้นะคะ รับรองได้เลยค่ะว่า จากการที่ตนต้องเป็นที่หดหู่นั้น ก็จะกลับกลายเป็นที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และจิตใจดีอย่างแน่นอนค่ะ เหมือนกับกับรถยนต์ที่เสียแล้วสามารถซ่อมแซมให้ดี และสะอาดใหม่เอี่ยมอ่องอย่างไรล่ะคะ ครอบครัวของคุณลุงคงชื่นใจและมีความสุขนะคะ ที่คุณลุงได้ออกมาจากห้องขังและเป็นคนดี คนที่ทำประโยชน์แก่ครอบครัวและสังคมอย่างมากมาย คนเรานั้นมีทั้งข้อดีและขอเสีย ไม่มีดีครบถ้วนสมบูรณ์แบบ และไม่มีใครที่มีแต่ข้อเสีย แต่ถ้าเรารู้ว่า เรามีข้อเสียตรงไหน เราก็ควรที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น และในที่สุด ความดีนั้นก็จะมีมากมายค่ะ
สุดท้ายนี้ หนูขอให้คุณลุงอ่านกลอนบทนี้ก่อนนะคะ และถ้าหากคุณลุงได้ออกจากห้องขังเมื่อไร หนูก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ หนูเชื่อว่า สักวันหนึ่ง คุณลุงทั้งหลายต้องได้ออกไปเผชิญโลกกว้าง และกลับไปสู่บ้านเกิดเมืองนอนแน่นอนค่ะ
เป็นนักโทษนั้นแสนจะหดหู่ แต่ต้องสู้อย่าท้อและเศร้าหมอง จงไปตามความฝันที่หมายปอง เมื่อได้ออกจากห้องที่มืดมน จงเร่งรุดผุดลุกและก้าวเดิน จงบินเหินบนฟ้าที่แจ่มใส สังคมนั้นพร้อมที่จะให้อภัย พร้อมจะให้โอกาสให้ทำดี จงคิดว่าแม้เรานั้นเป็นนักโทษ แต่ก็มีประโยชน์มหาศาล จงทำจิตและใจให้ชื่นบาน อีกไม่นานจะพานพบความสุขเอย
ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณลุงอีกครั้งนะคะ
พิมพ์โดย นางสาว นุ่นนิจ ถาวรรัตน์ หรือ ( น้องโรส ผู้พิการทางสายตาคนหนึ่ง )
อัลบั้มรูป ของโรส และครอบครัว ที่นี่ค่ะ //family.webshots.com/album/548334238BxXDzg
Note น้องโรส มีญาติ ทำงานเป็นผู้คุม และภรรยาเป็นนักสังคมสงเคราะห์ของเรือนจำ เมื่อพบกัน ญาติมักจะเล่าเรื่องต่างๆของนักโทษให้ฟัง น้องโรสจึงมีแรงบันดาลใจ ที่จะเขียนบทความ เพื่อให้กำลังใจนักโทษที่นั่น บทความนี้ ญาติได้นำไปถ่ายสำเนา และแจกจ่ายให้กับนักโทษที่สนใจ หลายคน
ทวีศักดิ์ ถาวรรัตน์ - พ่อของ คนตาพิการ
Create Date : 30 ตุลาคม 2549 |
|
3 comments |
Last Update : 30 ตุลาคม 2549 10:46:29 น. |
Counter : 6017 Pageviews. |
|
|
|