LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton
LVMH ย่อมาจาก Moët Hennessy Louis Vuitton ได้เริ่มก่อตั้งในปี 1987 (ก็ 20 ปีได้แล้ว) ... เป็นการรวมตัวกันของ ผู้ผลิต Champagne ยี่ห้อ Moet et Chandon และ Cognac ชื่อดัง นั่นคือ Hennessy และต่อมาในปี 1987 ก็รวมตัวเข้ากับ Louis Vuitton จัดตั้งเป็น LVMH ขึ้นมาLVMH มีนาย Bernard Arnault เป็น CEO ของ LVMH ... แล้วนาย นาย Bernard Arnault ก็ยังเป็น CEO ของ Christan Dior ด้วย และแนะนอน ... กลุ่ม Christian Dior ก็เป็นเจ้าของ LVMH ส่วนหนึ่งด้วย ... ก็ไม่แปลกใจเลยว่า ... นาย Bernard Arnault เป็น 1 ใน 7 คนที่รวยที่สุดในโลก ... และก็เป็นคนที่รวยที่สุดใน France ด้วย
ตอนนี้ก็คงจะไม่มีใครเถียงว่า ไม่รู้จักสินค้าจากกลุ่มนี้ ... คงจะรู้กันดีว่า LVMH เป็นผู้นำอันดับหนึ่งแห่งสินค้าหรูหราระดับโลกก็ว่าได้ สินค้าของ LVHM มีมากกว่า 60 ยี่ห้อทั่วโลก ... ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลักๆ ด้วยกัน1. Wines & Spirits2. Fashion & Leather Goods3. Perfumes & Cosmetics4. Watches & Jewelry5. Selective Retailing
Wines & Spiritsเป็นกลุ่มของพวกของมึนเมาทั้งหลาย ... ยี่ห้อที่เราซื้อเมื่อไหร่ ... เงินก็ไปเข้ากระเป๋านาย Bernard ก็มี
Fashion & Leather Goods Louis Vuitton / Loewe / Celine Berluti / Kenzo / Givenchy Marc Jacobs / Fendi / StefanoBi Emilio Pucci / Thomas Pink / Donna Karan / eLuxury
Perfumes & Cosmeticsกลุ่มนี้ ... หลายๆ คนคงมีส่วนค้ำจุนอุ้มชูให้นาน Bernard กลายเป็น 1 ใน 7 คนที่รวยทีสุดในโลก Parfums Christian Dior / Guerlain / Parfums Givenchy Kenzo Parfums / La Brosse et Dupont / Benefit Cosmetics Fresh / Make Up For Ever / Acqua di Parma / Parfums Loewe
Watches & Jewelry TAG Heuer / Zenith / Dior Watches Fred / Chaumet / Omas / De Beers
Selective Retailing DFS Galleria / Miami Cruiseline Services Sephora / //www.sephora.com Le Bon Marché / Samaritaine
ก็รู้ๆ กันว่า ของจาก LVMH ถูกขายไปทั่วโลก ... ทำให้นายเบอร์นาดและพรรคพวก รวมไปถึงประเทศฝรั่งเศส รวย ขึ้นไปเรื่อยๆ ... ลองดูกันมั๊ยว่า ... คนฝรั่งเศสเอง เค้าใช้ของพวกนี้กันรึเปล่า ... นอกจากคนในประเทศเองแล้ว ... ใครบ้าและนิยมของแพงๆ พวกนี้กันบ้าง
Wine & Spirits (revenue = 2,994 million Euros)นี่เป็น Revenue ที่ LVMH ได้ จากการขายสินค้ากลุ่มนี้ ... คนอเมริกันกลับบ้าดื่มไวน์ฝรั่งเศส มากกว่าคนประเทศเค้าเองอีกแน่ะ ... เราเองเป็นคนนึง ที่ไม่คิดว่าไวน์จากฝรั่งเศสอร่อย ... หวาน ฝาด สู้ทางอิตาลี่ก็ไม่ได้ ... แต่ก็ไม่เคยลองของโฮโซของ LVMH นะ ... ไม่รู้ว่าจะได้ลองแล้วจะเปลี่ยนทัศนคติรึเปล่า
Fashion & Leather Goods(revenue = 5,222 million Euros)กลุ่มนี้ ... เห็นแล้วอย่าตกใจ ... แต่ก็ไม่แปลกใจเรานัก ... จำได้ตอนไปเที่ยวฝรั่งเศส ... ร้าน LV เนี่ย ... มีแต่พวกคนเอเชียซื้อกันทั้งนั้น ... ญี่ปุ่นถูกดูดเงินไปมากถึง 26% ของรายได้ทั้งหมดที่ LVMH ขายได้ ... ทางอเมริกันก็ไม่ยอมแพ้ ... ตามมาเป็นที่สอง ... แล้วคนเอเชียเราไม่ยอมเหมือนกัน ... ตามมาเป็นที่สาม ... บางคนทำงานงกๆๆ เก็บเงินแทบตาย กระเบียดกระเสียน ... เพื่อจะให้ LVMH มาครอบครอง ... ดูจากกราฟวงกลม ก็ไม่แปลกใจเลย ... แต่ที่แปลกคือ ... สินค้ากลุ่มนี้กลับไม่เป็นทีนิยมนักในกลุ่มคนฝรั่งเศสเองนี่หมายความว่า ... คนญี่ปุ่นจ่ายเงินค่ากระเป๋า Louis ไปประมาณ 1,000 ล้าน ยูโร ... หรือ 50,000 ล้าน บาท O_O (ไม่ได้ check อัตราแลกเปลี่ยนนะ ... คร่าวๆ) ... ส่วนคนเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) เราก็จ่ายค่ากระเป๋าหลุย (อย่างอื่นด้วยแหล่ะ) ก็เฉียดๆ ห้าหมื่นล้านบาท ... นั้นหมายความว่าคนเอเชีย (รวมญี่ปุ่น) จ่ายเงินค่ากระเป๋าหลุยไป หนึ่ง แสน ล้าน บาท ... O M G !!! ... เราพุดไม่ออก ... อึ้ง !!!
Perfumes & Cosmetics(revenue = 2,519 million Euros)กลุ่มนี้ ... ดูแตกต่างไปจากลุ่มอื่นเลย ... เราคงต้องยอมรับกันแล้วนะว่าคนยุโรปบ้าน้ำหอมขนาดไหน ... เพราะ LVMH โกยเงินเข้ากระเป๋าจากการขายน้ำหอมและเครื่องสำอางไปถึง 41% แล้ว แล้วก็ขายให้กับคนในประเทศถึง 17% แน่ะ ... ส่วนทาง Asia ... คงเพราะเรามี Shiseido คานอำนาจอยู่ ... แล้วทาง USA ก็มี Estee Lauder ... บริษัทยักษ์ใหญ่อยู่ ... ก็เลยทำให้ LVMH ยังไม่สามารถเข้ามาโกยเงินได้มากพอ ... ทางญี่ปุ่นดูเหมือนจะไม่สนใจ cosmetics จากทาง LVMH เลยแต่เราว่าไม่นานทาง USA อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ... เพราะ Sephora ได้เข้ามาเจาะตลาด และขยายตัวขึ้นไปเรื่อยๆ
Watches & Jewelry(revenue = 737 million Euros)ต่อมา ... ก็เป็นพวกนาฬิกาและ jewelry ... กลุ่มนี้ดูจะค่อนข้างจะกระจายเฉลี่ยพอๆ กันนะ ... LVMH โกยเงินจาก USA และ Europe มากถึง 50% ... ส่วนทางญี่ปุ่นก็ดูจะไม่บ้าเท่าไหร่นัก (แต่ก็ไม่น้อย) ... ประเทศทางเอเชียก็ไม่น้อยหน้า ขอแอบหรูด้วย ... โดยขอมีเอี่ยว 14% (ไม่รู้คนไทยเอาไปกี่ % ... ยี่งถ้าเน้นไปที่ TAG Heuer ด้วยละก้อ >_< ... แต่เราเป็นคนนึงที่ไม่มี เพราะเราคิดว่ามันแพงเว่อร์ไป ^^)
Selective Retailing(revenue = 3,891 million Euros)ในส่วนของร้านค้า และบริการต่างๆ ... LVMH ก็โกยเงินจาก USA เกือบครึ่งนึงของรายได้รวมจากกลุ่มนี้ ... เบอร์นาดก็นั่งนับเงินไปเหอะนะ ... ทางฝรั่งเศสเองก็ 24% ก็ไม่แปลกนะ ก็ร้านเค้า อยู่ในประเทศเค้าเอง ... แต่ทางเอเชียเราก้ไม่ยอมแพ้นะ ... มีเอี่ยวถึง 20% ... ส่วนอื่นๆ ของยุโรปดูจะไม่ค่อยไปตีตลาดเท่าไหร่ ... ที่น่าสนใจคือ ... ญี่ปุ่นเราว่าทางรัฐเค้าคุมได้ดีนะ ... คือไม่ปล่อยให้ร้านค้าจากนอกประเทศเข้ามาโกยเงินโดยตรง (คือเปิดร้านเป็นล่ำเป็นสัน) ... ไม่เหมือนประเทศไทยนะ ... ไม่รู้ว่ามีอะไรเหลือเป็นของคนไทยเราเองบ้าง
ดีนะ ... ผลิตสินค้าฟุ่มเฟือย ออกมาให้คนนอกประเทศใช้ โกยเงินเข้าประเทศ ... ฉลาดเป็นบ้านั่งอ่านแล้วก็ถอนหายใจไปหลายเฮือกนะ (เราน่ะ) ... แต่ก็ช่วยยับยั้งต่อมอยากซื้อของแพงๆ ขึ้นมาได้นะ ... ของแพงๆ คุณภาพมันก็ดีอะนะ ... แต่ถ้าต้นทุนมันแพง (ตามป้ายราคา) ... LVMH คงไม่รวยขนาดนี้อ่ะนะ ... เราขอเก็บเงินไปทำอย่างอื่นๆ บ้างดีกว่าระบบ capitalism แบบนี้ (เราเรียกระบบนี้ว่า "มือใครยาวสาวได้สาวเอา") เราว่าอีกมไม่นาน ... คนรวยในโลกนี้ก็จะมีไม่กี่คน ... คนที่เหลือก็ทำงานถวายเงินให้คนพวกนี้หมดฝากไว้อ่านกันเล่นๆ นะ ... เราเอามาจาก www.lvmh.fr นะจ๊ะ