ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
เมษายน 2562
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
26 เมษายน 2562
 
 

จุมพิตรัตติกาล My Sweet Vampire บทที่ 12 (Yuri)

๑๒
 
แก้แค้นแทนคนรัก...เฮ้อ!
เกวลินนอนลืมตาโพลงมองเพดานห้อง สมองวนเวียนถึงแต่เรื่องของผีดูดเลือดสาว
ภายนอกอารียาเป็นสาวฝรั่ง ที่อายุอานามไม่น่าเกิน ๒๕ ปี แต่ใครจะรู้ว่าหล่อนอยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่เท่าไหร่ อายุร้อยปี สองร้อยปี ห้าร้อยปี หรือมากกว่านั้น
พอคิดเปรียบเทียบเรื่องนี้ พลันนึกถึงคำว่า ‘อมตชน’ ขึ้นมาทันที ชีวิตที่หลายคนอยากได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งฮ่องเต้ หรือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ ที่ส่งคนออกไปเสาะแสวงหาของวิเศษ เช่น บัวหิมะ หมายจะปรุงยาอายุวัฒนะ แต่ก็ไม่มีหมอคนใดทำได้สำเร็จ   
คนธรรมดาแค่แปดสิบก็แทบจะคลานแล้ว ขืนอายุขึ้นหลักร้อยคงนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่บนเตียงแน่...อยู่แบบไร้ประโยชน์ จะอยู่ไปทำไมกัน
เธอถอนใจยาว ก่อนเปลี่ยนไปคิดอีกเรื่องที่ชวนประหลาดใจสุดๆ เรื่องที่ผีดิบสาวมีคนรักเป็นมนุษย์ ขนาดคนโง่ยังเดาได้ว่า ต้องเป็นความรักที่มีความสุขหวานชื่นในช่วงต้น และทุกข์สาหัสในบั้นปลาย         
คงรักกันมากสินะ ถึงได้ตัดใจไม่ลง ฉันอยากได้คนรักจริงใจแบบนี้บ้างจัง เฮ้ย! คิดอะไรบ้าๆ เกวลิน
หญิงสาวสะบัดหน้า เพื่อให้ความฟุ้งซ่านหลุดออกจากสมอง  
เป็นครั้งแรกที่รู้ว่าแวมไพร์มีความรู้สึกรัก แค้น โกรธ เกลียด  ไม่ต่างจากมนุษย์ อดประหลาดใจไม่ได้ ดูท่าหลายเรื่องที่บรรพบุรุษบันทึกไว้ คงต้องชำระใหม่ให้มีความถูกต้องกว่าเดิม
เธออยากรู้เรื่องราวในอดีตของอารียา แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ประกอบกับเพิ่งรู้จักไม่นาน จึงไม่สะดวกเอ่ยปาก
...ทุกคนล้วนมีความลับ หล่อนก็คงไม่ต่างกัน
เฮ้อ! อยากรู้ไปก็เท่านั้น ไอคงยอมบอกหรอก นอนดีกว่า
นึกตัดใจ ปิดเปลือกตาลง แล้วหลับไปในที่สุด
 
วันรุ่งขึ้น เกวลินฟังปู่กับย่าคุยเรื่องการประชุมของกลุ่มกริช ซึ่งผลสรุปไม่ผิดจากที่คาดไว้นัก ที่ประชุมมุ่งความสนใจไปที่ผีดิบในพัทยาเป็นอันดับแรก
แต่ที่เดาผิดคือ เชนสั่งให้จับเป็น แทนที่จะกำจัดทิ้งเหมือนก่อนหน้า จุดประสงค์เพื่อเค้นเอาข้อมูลของกลุ่มวิจัยสัตว์กลายพันธุ์ ที่ออกอาละวาดอยู่
ที่แท้ก็อยากรู้เรื่องปีศาจพวกนั้น แต่ไม่มีปัญญาหาเอง เลยคิดยืมจมูกผีดูดเลือด...ฉลาดมากค่ะ
นึกประชดประชันในใจ
เริ่มรู้ซึ้งถึงศักยภาพของกลุ่มกริชว่า ‘บ่มิไก๊’ หรือแปลว่า ‘ไม่มีน้ำ ยา’ อย่างมาก จึงไม่แปลกใจเลยที่หล่อนจะสบประมาทว่า ‘ฮันเตอร์ไม่มีทางเอาชนะสัตว์ดัดแปลงพวกนั้นได้’
ถ้าพวกนั้นไม่ฉลาดจริง คงสร้างสัตว์ร้ายขึ้นมาไม่ได้ รวมทั้งซ่อนตัวมาได้ตั้งนาน    
พอเธอคิดถึงเรื่องจับเป็นแวมไพร์สาวก็ส่ายหัวกับโจทย์ยาก  ส่งคนไปล่า คงไม่ต่างจากส่งอาหารไปให้หล่อนมากกว่า
จับเป็นไอ...ง่ายตายล่ะ   
แม้ไม่อยากให้สองฝั่งปะทะกัน แต่ก็ไม่รู้จะยกแม่น้ำทั้งห้า จากไหนมาอธิบาย ได้แต่นั่งกลอกตาไปมา
ขืนบอกว่าฉันรู้จักผีดูดเลือด พวกนั้นต้องเอาฉันเป็นเหยื่อล่อไอให้ออกมา...บอกไม่ได้เด็ดขาด!
นึกเดากลยุทธ์ชั้นต่ำที่นิยมใช้บ่อยๆ แบบในภาพยนตร์ แม้ไม่ใช่วิธีที่สง่างามแต่มันก็ได้ผลเสมอ แน่นอนว่า เธอตั้งใจจะปกป้องอารียา จึงรูดซิปปากสนิท ได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายเชื่อคำเตือนของตน และออกจากพัทยาโดยเร็ว
ตายแล้ว!
เกวลินรีบปิดประตูห้องนอน หลังเปิดสวิตช์ไฟ เหลือบเห็นแขกไม่ได้รับเชิญนั่งเล่นอยู่บนเตียงนอนของตน เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาได้อย่างไร ทั้งที่บ้านนี้เป็นที่อยู่ของอดีตวีรบุรุษนักล่า ซึ่งจัดการกับพวกอมนุษย์มานับไม่ถ้วน
แต่แวมไพร์สาวกลับเดินเข้าออก ประหนึ่งเป็นสถานที่สาธารณะ
ช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย บ้าหรือเปล่า!
หญิงสาวตรงรี่เข้าไปหาแขกสาว พูดเอ็ดแบบดุๆ  
“ทำไมยังอยู่ที่นี่อีก?”
อารียาเงยหน้าจากหนังสือภาษาอังกฤษ
“ไม่ยักรู้ว่า ลินชอบอ่านแบบนี้ด้วย”
“ยุ่งอะไรด้วย เอาคืนมา”
เธอทำหน้าไม่พอใจ ที่หล่อนถือวิสาสะเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของตน ทำประหนึ่งว่าสนิทสนมกันมาแสนนาน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันเท่านั้น
สาวผมทองอมยิ้มคืนหนังสือให้โดยดี นัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายที่เห็นมนุษย์สาวทำหน้างอเง้า
ขี้โมโหเหมือนกันนะเนี่ย
เกวลินวางหนังสือบนโต๊ะ ก่อนหันกลับมามอง
“มีธุระอะไร?”
“ไม่มีธุระ มาไม่ได้เหรอ?”
“ตกลงว่าง เลยมากวนประสาทสินะ” เธอพึมพำอย่างอ่อนใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับหล่อนดี ยกมือขึ้นนวดขมับ “รู้ใช่ไหมว่า ตอนนี้ฮันเตอร์ตามหาตัวไอจ้าละหวั่น”
“ก็พอรู้” อีกฝ่ายตอบ สีหน้าไม่ยินดียินร้าย
“ที่นี่อันตราย ไอไม่ควรมาเลยนะ”  
“ลินเป็นห่วงฉัน?” สุ้มเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล
ทำไมฉันต้องเป็นห่วงด้วย บ้าสิ   
เธอเบนสายตามองไปทางอื่น ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
“ก็…”
สาวผมทองยืนเต็มความสูงด้วยท่วงท่าสง่างาม เดินไปหาสาวผมยาว เชยคางมนให้หันกลับมาสบตาด้วย
“ก็อะไร?” น้ำเสียงอ่อนโยนชวนฟัง
เกวลินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ระยะห่างของใบหน้าของเราใกล้กันกว่าทุกครั้ง ใกล้จนเห็นนัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยชัดเจน จึงเผลอจ้องอย่างหลงลืมตัว
จะใกล้เกินไปแล้ว
อารียาขมวดคิ้ว แล้วคลี่ยิ้มบางเบา ได้กลิ่นหอมโชยจากร่างคนตรงหน้า และได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวแรงกว่าปกติ    
“ถามแค่นี้ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย”
รู้ดีเกิน
มนุษย์สาวค้อนน้อยๆ ให้ ปัดมือที่เชยคางตนออก
น่ารักอ่ะ
สาวฝรั่งไม่คิดเลิกรา สองมือคว้าเอวคอดตรงหน้า รั้งให้ร่างบอบบางแนบชิดกับร่างของตน 
เฮ้ย!
เธอแตกตื่นกับสัมผัสชิดใกล้ที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย มีแค่คนในครอบครัวที่เคยกอดบ้าง หอมแก้มบ้าง...แต่ไม่ใช่แบบนี้
“จะ จะทำอะไร?” เสียงถามประหม่าสั่นไหว
“อยากรู้?” หล่อนแกล้งย้อนถาม
“อือ...”   
อารียาอมยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มใบหน้าต่ำครอบครองริมฝีปากตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
สาวหน้าคมเบิกตากว้าง ตกใจจนลืมหายใจไปหลายวินาที รับรู้ได้ถึงความเย็นของริมฝีปากสวยที่ทาบทับ เย็นกว่าทว่าเนียนนุ่มไม่ต่างจากเนื้อมนุษย์   
เกวลินไม่ได้กลัว แต่ตกใจมากกว่า
หล่อนจุมพิตแผ่วเบาอ่อนโยน ไม่กี่วินาทีก็ผละออกห่าง โดยไม่ยอมปล่อยมือที่เกาะเอวคอดออก อยากอยู่ใกล้ชิดนานๆ
อะ ไอ จะ จูบฉัน
เธอยกมือแตะริมฝีปากตัวเอง ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าคมร้อนผ่าว จ้องหน้าโจรสาวที่เพิ่งขโมยจูบแรกของตนไป  
“ทะ ทำอะไร...” ถามตะกุกตะกัก  
“ก็แค่ขอรางวัล” แวมไพร์สาวเอ่ยเสียงหยอกยั่ว จ้องใบหน้าอีกคนเหมือนรอคำตอบ  
เอาจูบเป็นรางวัลเนี่ยนะ คิดได้ยังไง บ้ามาก!
เกวลินนึกหงุดหงิดกับท่าทางยียวนกวนประสาท ต่างจากหล่อนที่เคยเจอหลายครั้งก่อน  
“ปล่อย!” พูดเสียงเข้มไม่ชอบที่โดนเอาเปรียบ  
แวมไพร์สาวยอมปล่อยสองมือทิ้งไว้ข้างลำตัว มองหญิงสาวถอยห่างออกไป ดูขวยเขินมากกว่าหวาดกลัว จึงเบาใจ
“คนฉวยโอกาส” มนุษย์สาวพึมพำเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเอง รู้ดีว่าหล่อนได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ
“ขอรางวัลแค่นี้นับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ” อารียาตอบเสียงเรียบ ราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
ผีดูดเลือดลามกน่ะสิ   
คนฟังค้อนวงโต พูดไม่ออก จึงเลือกที่จะนิ่งเสีย
“ว่าแต่ทำไมลินถึงอยากไล่ฉันนัก รำคาญฉันเหรอ?” สาวผมทองถามเสียงจริงจัง
“ไม่ได้ไล่ แค่อยากให้หลบไปสักพัก”
ฝรั่งสาวเลิกคิ้ว
“ทำไมต้องหลบ?”
เธอนวดขมับ นึกหาคำอธิบาย
“ฉันไม่อยากให้ไอถูกทำร้ายน่ะ”
เป็นห่วงฉันขนาดนั้นเชียว
หล่อนเดาความหมายที่แฝงในประโยคเรียบง่ายนั้น อดใจไม่ไหว โน้มตัวไปหอมแก้มนุ่มเนียนเบาๆ อีกฟอด
“เอ๊ะ!” สาวหน้าคมดุที่โดนฉวยโอกาสเป็นครั้งที่สอง ยกมือดันไหล่ไม่ให้อีกฝ่ายยื่นหน้ามาใกล้  
“ขอบคุณนะ แต่ฉันเป็นห่วงลินมากกว่า” แวมไพร์สาวกล่าวเสียงนุ่ม “ไว้ให้แน่ใจก่อนว่า อสุรกายพวกนั้นไม่อยู่ในเมืองนี้ ฉันถึงจะไป”
“แต่-”
เกวลินพูดไม่ทันจบประโยค ปลายนิ้วชี้เย็นเยียบก็สัมผัสที่เรียวปากเบาๆ จึงไม่กล้าขยับ
“ไม่มีแต่” อารียาปฏิเสธ  
แวมไพร์สาวไม่เชื่อฝีมือของฮันเตอร์ เท่าที่ประเมินจากการต่อสู้คราวก่อน สัตว์กลายพันธุ์มีพละกำลังและว่องไว เกือบทัดเทียมกับผีดูดเลือดแท้ๆ เลยทีเดียว มนุษย์ทั่วไปย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนั้น ขืนเสนอหน้าไปทักทาย ไม่ต่างจากส่งตัวเองไปหาที่ตายนัก   
ทำไมหัวใจถึงได้เต้นแรงแบบนี้นะ!
เกวลินรู้สึกแปลกๆ กับความใกล้ชิดที่มีกับผีดูดเลือดสาว เบนหน้าหลบปลายนิ้วของอีกฝ่าย หลับตาลงเพื่อตั้งสติ
“ถ้าคิดแบบนั้นก็ตามใจ ฉันง่วงแล้ว ไอกลับไปเถอะ” เอ่ยปากไล่ตรงๆ แบบไม่ถนอมน้ำใจนัก
เธอนึกน้อยใจเจ็บใจ ไม่อยากให้หล่อนเห็นตนเป็นภาระ เป็นตัวถ่วง ที่ต้องมาคอยปกป้องดูแล  
ทำไมต้องทำเหมือนฉันเป็นเด็กๆ ด้วย
ทุกอากัปกิริยาของเกวลิน ไม่พ้นสายตาช่างสังเกตของหล่อน
“โกรธฉันเหรอ?”
คนถูกถามลืมตาขึ้น จ้องหน้าหล่อนเขม็ง สายตาดุดันมุ่งมั่น
“ฉันไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องให้ใครมาเป็นห่วง ฉันดูแลตัวเองได้” เอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ไอไปจากที่นี่ซะ อย่าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีก เข้าใจไหม?”
หล่อนจ้องหน้าคนพูด นัยน์ตาคู่สีฟ้าฉายแววหม่นหมอง
“ก็ได้ ถ้าลินต้องการแบบนั้น” น้ำเสียงรับปากราบเรียบ พูดจบก็ปล่อยมือแล้วก้าวจากไป
ขอโทษนะไอ แต่ฉันไม่อยากให้คุณตาย
เกวลินมองตามแผ่นหลังสาวผมทอง เดินออกจากห้องเพื่อขึ้นไปดาดฟ้า ด้วยหัวใจหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก
การรั้งหล่อนไว้ อาจทำให้อีกฝ่ายต้องกลายเป็นเหยื่อ ถูกตามล่าไม่สิ้นสุด สุดท้ายอาจจะหายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ในฐานะเพื่อน...ก็ควรเป็นห่วงไม่ใช่หรือ?
พอคิดถึงคำว่า ‘เพื่อน’ เธอยกมือแตะริมฝีปากตัวเอง ใบหน้าอดร้อนผะผ่าวไม่ได้
เพื่อนที่ไหน เขาจูบกันล่ะ?
หัวใจดวงน้อยก็สั่นไหวขึ้นมาอีกครา  
 
หลายวันต่อมา เกวลินกับนิจรินทร์อยู่ที่ห้องสมุด เพื่อทำรายงานส่งอาจารย์ กว่าจะออกจากมหา’ลัยก็เกือบหกโมงเย็น ทั้งคู่โบกมือลากันที่หน้าประตูแล้วซิ่งสองล้อไปคนละทาง โดยสาวหน้าคมจะแวะซื้อขนมให้ย่าลิเลียน ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านก่อนกลับบ้าน  
“โชคดีจังที่วันนี้ยังมี วันก่อนลินมาไม่ทัน” เธอคุยกับเจ้าของร้านที่ซื้อมานาน พร้อมวางถาดที่มีกล่องเอแคลร์ เค้กกาแฟ แล้วก็เค้กหม้อแกงกล่องใหญ่ที่เคาน์เตอร์
“วันหลังจะแวะมา ลินโทรบอกพี่ก่อนสิ พี่จะเก็บไว้ให้” นภาคนรักของแซมเอ่ยอย่างอัธยาศัยดี คุ้นเคยและเอ็นดูอีกฝ่ายเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง หยิบสินค้ามาคิดเงินในราคาที่มีส่วนลด “สำหรับลูกค้าคนพิเศษ ร้อยนึงค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” สาวหน้าคมยื่นค่าเสียหายให้ รับถุงขนมพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่าย
“ไว้มาอุดหนุนอีกนะคะ ฝากทักทายปู่ย่าด้วยนะลิน” เจ้าของร้านเอ่ยเสียงอ่อนหวาน  
“ได้ค่ะ ลินจะบอกให้”
เกวลินออกจากร้าน แล้วแวะซื้อของอีกนิดหน่อย ขณะเดินผ่านหน้าร้านทองเพื่อกลับไปยังมอเตอร์ไซด์ ก็มีใครบางคนเรียกชื่อ
“ลิน!”
หญิงสาวหันไปมอง หรี่ตาคู่คมลงเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของภากรที่ตามจีบตนมานาน แต่เธอไม่เคยคิดอะไรกับเขา
“พี่ภากร สวัสดีค่ะ” เอ่ยทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับลิน ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ”
พัทยาแคบเกินจริงๆ
สาวหน้าคมฝืนยิ้ม ครั้งล่าสุดที่เจอเขาคือ สามสัปดาห์ก่อน เขาเอาของฝากจากต่างประเทศไปให้ที่บ้าน ดอนกับลิเลียนรับรู้ แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆ ขณะที่ดิเรกทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเพื่อนที่ดีเกินจนหญิงสาวหมั่นไส้ ภากรพยายามชวนคุยจนเธอรำคาญ สุดท้ายจึงตัดบทด้วยการบอกว่า จะอ่านหนังสือเตรียมสอบ ชายหนุ่มทำหน้าจ๋อย และยอมล่าถอยกลับไป    
“ค่ะ”
“มาซื้อของเหรอ?”
“ค่ะ” เธอยังคงตอบสั้นๆ ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกา “เย็นมากแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
“ไปทานไอศกรีมเป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ ร้านนั้นเพิ่งเปิดใหม่” เขาเอ่ยชวนเสียงอ่อนหวาน ชี้นิ้วไปยังร้านฝั่งตรงข้าม
“คงไม่ได้ค่ะ” ปฏิเสธอย่างเร็ว ไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์กับอีกฝ่าย
“ทำไมล่ะ ลินรังเกียจพี่เหรอ?” ถามเสียงเศร้าเหมือนตัดพ้อ
อยากให้ตอบตรงๆ ไหมคะ?
เกวลินคิด แต่ไม่กล้าพูด กลัวเขาดีใจจนหักคอตนคามือ บางครั้งการโป้ปดก็จำเป็นต้องงัดมาใช้
“ลินไม่เคยพูด ขอโทษนะคะ ลินต้องรีบกลับบ้าน”
“แหม จะรีบไปไหนกัน นานๆ เจอกันทีอยู่คุยกับพี่ก่อนสิ” ภากรยังคงตื้อไม่เลิก
ผู้ชายอะไรน่ารำคาญชะมัด
บ่นในใจ แต่ใบหน้าคมยังคงมีรอยยิ้มน้อยๆ เคลือบไว้ นึกอยากรู้ว่า เขาจะคุยอะไร นอกจากแจกขนมจีบ ชวนกินโน่นกินนี่ ส่วนไม้ตายคือ เอาความลับของกลุ่มฮันเตอร์กริชมาเล่าให้ฟัง
สาวหน้าคมไม่เคยคิดว่า ภากรน่าสนใจ หน้าตาอาจหล่อเหลาพอ จะสูสีกับพระเอกหนังเกาหลี มีสาวหลายคนปลื้มเขาไม่น้อย แต่บังเอิญว่า เกวลินเป็นผู้หญิงส่วนน้อย ซึ่งชอบคบคนที่มีสมองและนิสัยดี
หากไม่ติดว่าภากรเป็นลูกชายคนเดียวของเชน ผู้นำของกลุ่มนักล่า ชายหนุ่มคงโดนเธอปฏิเสธตรงๆ ไม่ต่างจากหลายคนก่อนหน้าที่มาวุ่นวายวอแว
“เอ่อ-” สาวหน้าคมขยับปากเพื่อจะเซย์โน แต่ว่าช้ากว่าอีกคน
“ลินอยากได้สร้อยข้อมือไหม? อยากได้เส้นไหนชี้เลย พี่ยกให้เป็นของขวัญ” เขาคิดใช้ของราคาแพงมาล่อ หวังให้สาวเจ้าประทับใจ
แค่ทองไม่กี่บาท ขนหน้าแข้งไม่ร่วงอยู่แล้ว  
ภากรยิ้มกว้าง ในฐานะลูกชายคนเดียวของเจ้าของร้านทอง หากทำให้เธอสนใจได้ ทองคำไม่กี่บาทถือว่าไม่แพงเลย
คิดเอาทองฟาดหัว ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว ลืมไปแล้วรึไงว่า ฉันเป็นหลานเจ้าของร้านขายของเก่า  
คนฟังหรี่ตาวาวจ้องหน้าคนพูด ที่แสดงอาการ ‘ป๋าขา’ ประหนึ่งว่า เธอเป็นผู้ที่ใช้เงินซื้อได้   
“ขอบคุณนะคะ” เกวลินยกยิ้ม แต่นัยน์ตาไม่ยิ้มแม้แต่น้อย “ถ้าอยากได้ ลินซื้อเองได้ค่ะ”
หืม! ทำไมต้องทำตาดุขนาดนั้นด้วย
ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจว่า พูดอะไรผิดหู อีกฝ่ายถึงทำท่าไม่พอใจเขา
“โกรธอะไรพี่?”
เฮ้อ!
หญิงในชุดนักศึกษาถอนใจ คร้านจะอธิบายกับผู้ชายไร้สมอง จึงส่ายหน้าน้อยๆ
“เปล่าค่ะ ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว...” ภากรไม่พูดเปล่า ดึงแขนของสาวเจ้าเอาไว้แน่น โดยไม่คิดสนใจสายตาของผู้คนรอบๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ขาย ที่มีวิสัยเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น จุดประสงค์เดียวคือ เอาไปเล่าต่ออย่างสนุกปาก
“ปล่อยค่ะ!” เธอกล่าวเสียงดัง ทำหน้าบึ้งที่อีกฝ่ายคิดใช้กำลังบีบบังคับ ไม่ชอบคนไม่เป็นสุภาพบุรุษ
“ไม่ปล่อย” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ กวาดตามองไปยังฝูงชนที่หันมาสอดรู้สอดเห็น จึงหุบยิ้ม รีบเอ่ยกลบเกลื่อน “ผัวเมียทะเลาะกัน ยุ่งอะไรด้วย”
พ่อค้าแม่ค้าหลายคนได้ยินแบบนั้น จึงเลิกให้ความสนใจ ซุบซิบกันเล็กน้อย ก่อนหันไปสนใจธุระของตน  
ใครผัวเมีย บ้ารึเปล่า!
“พูดอะไร!” เกวลินฉุนขาดกับโกหกคำโต ที่ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อ เสียง พยายามดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระ แต่กำลังหญิงหรือจะสู้แรงชายได้
ภากรฝืนแรงเต็มที่ ฉุดกระชากให้เธอก้าวไปยังหน้าร้านทอง  
“อย่าดิ้นสิ เข้าไปคุยในร้านก่อน”
“ไม่ ปล่อยฉัน!” หญิงสาวปฏิเสธ กวาดตามองหาความช่วยเหลือ แต่ไม่มีคนรู้จักแถวนั้นเลย
ทันใดนั้นความช่วยเหลือก็มา
“ปล่อยลิน!” เสียงหวานๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง
ใครเสือกวะ!
ชายหนุ่มหันขวับไปมองต้นเสียง ที่ทะลึ่งมายุ่งเรื่องของเขา เห็นเป็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวซีด ผมสีทอง สวมฮู้ดสีดำ บนใบหน้ามีแว่นตาดำ แม้จะมองเห็นหน้าไม่ถนัดเพราะมีฮู้ดคลุมหัว แต่เดาได้ว่า คนตรงหน้าคงสวยไม่น้อย
“ไอ!”
หญิงในชุดนักศึกษาเรียกชื่อของเพื่อนใหม่ออกมา ใจเต้นแรงขึ้น ยินดีเหลือเกินที่ได้เห็นใบหน้าสวยของแวมไพร์สาว หลังคิดว่าหล่อนอาจโกรธที่โดนเธอไล่ จนไม่ยอมมาให้เห็นอีก   
“ไม่ปล่อย ลินเป็นผู้หญิงของฉัน มายุ่งอะไรด้วย” ภากรพูดแสดงความเป็นเจ้าของ
“ผู้หญิงของนาย?” อารียากล่าวน้ำเสียงเย็นเยือก ปรายตามองคนกลาง “จริงเหรอ?”
ทำไมไอถึงได้ดุนักนะ?
เกวลินรู้สึกกลัวสุดหัวใจ ไม่เคยเห็นหล่อนในด้านนี้มาก่อน   
“มะ ไม่จริง...ฉันไม่ได้คบกับเขา”

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตามค่ะ เรื่องนี้โหลดซื้อ E-book ได้แล้วนะคะ ลิงค์บนด้านขวามือ 

ส่วนหนังสือ จองได้ที่หน้า สินค้า หรือ เพจนิ้วนาง ค่ะ

เล่ม 2 น่าจะเรียบร้อยก่อนกลางเดือนพฤษภาคม 62 ฝากติดตามด้วยนะคะ

นาง ^^

OoXoO

 




 

Create Date : 26 เมษายน 2562
0 comments
Last Update : 26 เมษายน 2562 16:36:45 น.
Counter : 588 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com