จุมพิตรัตติกาล My Sweet Vampire บทที่ 4 (Yuri)
๔ เช้ามืดวันเสาร์ เกวลินในชุดวอร์มรองเท้าผ้าใบคู่โปรด ออกไปวิ่งรอบๆ บ้าน เพื่อเรียกเหงื่อให้ร่างกายแข็งแรง คล่องแคล่ว เผาผลาญพลังงาน และยังช่วยไม่ให้อ้วนอีกด้วย โดยใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง หญิงสาววิ่งผ่านไปข้างถนนเป็นที่ดินรกร้าง มีต้นไม้สูงเรียงรายริมทางเป็นระยะ เหงื่อออกท่วมร่างบอบบาง จึงยกชายผ้าที่คล้องคอขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาเป็นระยะ ท้องฟ้ายังคงมืดมิด หลังดวงตะวันยังไม่โผล่ขึ้นมาเสียที “เมี้ยว!” หืม?เธอชะลอฝีเท้าลง หลังได้ยินเสียงร้องของสิ่งมีชีวิต แล้วหยุดมองหาต้นเสียง“อ้าว! ทำไมขึ้นไปอยู่บนนั้นล่ะ” สาวหน้าคมกล่าวกับลูกแมวลายเสือที่อายุไม่กี่เดือน ที่คาดว่าซุกซนปีนขึ้นไป แล้วหาทางลงมาไม่ได้“เมี้ยว!” มันร้องตอบด้วยคำเดิมให้ตายสิ! ถอนใจเบาๆ นึกใจอ่อนและอ่อนใจ ก่อนตัดสินใจเข้าไปช่วยมัน ด้วยการปีนต้นไม้ ทั้งที่ตนก็ไม่ได้เชี่ยวชาญทักษะการปีนป่ายสักเท่าไหร่“รอก่อนนะ ฉันจะขึ้นไปช่วย” เธอร้องบอกกับมัน โดยหวังว่ามันจะเข้าใจ ค่อยๆ ใช้สองมือสองเท้ารั้งตัวขึ้นไปบนต้นไม้อย่างระมัดระวัง จนเกือบจะเข้าใกล้ลูกแมวใจเย็นไว้ลิน...อีกนิดเดียวนึกปลุกปลอบใจตัวเอง ก่อนยื่นมือไปหาเจ้าตัวน้อยที่ห่างไม่มาก แต่แล้วเกิดทรงตัวไม่อยู่“เฮ้ย!”อุทานออกมา หลับตาปี๋ หลังตัวร่วงลงจากกิ่งไม้ ทว่าเกวลินกลับไม่รู้สึกเจ็บจากการกระแทกแม้แต่น้อย เหมือนมีอะไรมารับร่างของตนไว้ จึงค่อยๆ หรี่ตาขึ้นอย่างช้าๆสาวร่างเล็กชะงักเมื่อเห็นสายตาสีฟ้าคู่หนึ่งจ้องอยู่ก่อนสวย...สวยมากเป็นคำอธิบายแรกๆ ที่ผุดขึ้นในสมอง หลังเห็นใบหน้าสวยหวานชัดๆ ในระยะห่างคืบเศษ หลายวินาทีต่อมาสติจึงกลับเข้าร่าง รับรู้ว่าตนถูกสาวฝรั่งแปลกหน้าอุ้มอยู่ ความกระดากอายจึงบังเกิดขึ้น“ขะ ขอบคุณค่ะ”“อืม” อารียาขานรับเสียงต่ำๆ ในลำคอ ค่อยๆ วางร่างคนในวงแขนลงอย่างนุ่มนวล เมื่อยืนเทียบกัน เกวลินสูงแค่ใบหูของอีกคนเท่านั้น จ้องหน้าเธอเขม็ง ด้วยใบหน้าสวยคมตรงหน้า ช่างคลับคล้ายกับคนรักเก่าที่ตายไปไลล่า...ครางชื่อผู้หญิงแสนคิดถึงในใจ ผู้ที่หล่อนไม่อาจลืมเลือนไปจากความทรงจำ แม้จะผ่านมานานมากแล้วก็ตามผู้หญิงคนนี้แข็งแรงมาก...แข็งแรงเกินไปเกวลินอดคิดแบบนั้นไม่ได้ แล้วใจหายวาบหลังสังเกตพบความผิดปกติบางอย่าง สาวฝรั่งไม่กระพริบตาเลย แถมวงแขนบอบบางที่อุ้มตนเมื่อกี้ ไม่มีไออุ่น แต่เย็นมากเหมือนท่อนไม้หรือว่าจะเป็น...หัวใจดวงน้อยเต้นแรงผิดจังหวะทันที ความกลัวถาโถมเข้าเกาะกุม จนไม่กล้าขยับตัว...กลัวเหลือเกินว่าตนจะเดาถูกแวมไพร์สาวยกมือขึ้น หมายจะสัมผัสแก้มเนียนของคนตรงหน้า แต่ยั้งมือไว้กลางอากาศ ก่อนลดมือลงข้างกายตามเดิมมะ ไม่ใช่ไลล่า...ไลล่าตายไปแล้วเฮ้ย! คิดจะบีบคอฉันเหรอ...แย่แล้ว! ไม่ได้เอาลิ่มติดมือมาด้วยนึกในใจ เมื่อเห็นมือขาวซีดยืดออกมาตรงหน้า เข้าใจว่าจะบีบคอตน แต่พออีกฝ่ายลดมือลง หญิงสาวจึงถอนใจโล่งอก ประดุจตายแล้วเกิดใหม่ตะ ตกลง ยายนี่เป็นคนหรือผีดูดเลือด?เธอสับสนกับท่าทางที่สาวสวยแสดงออก ความหวาดกลัวค่อยๆ ลดน้อยถอยลงไปพอสมควร เพราะหากเป็นผีดิบจริงๆ คงกัดคอดื่มเลือดตนไปแล้ว ไม่มาช่วยกันแบบนี้แน่ยังไม่ทันหายตกใจ เกวลินเห็นหล่อนหมุนตัว คล้ายจะจากไปจึงรีบเอ่ยเรียกไว้เป็นภาษาอังกฤษที่ไม่ถึงกับแข็งแรงนัก“คุณ เดี๋ยวก่อน”อารียาชะงักเท้า เหลียวหน้ามองคนเรียกผ่านหางตา“ช่วย ช่วยลูกแมวตัวนั้นได้ไหมคะ?” เกวลินทำใจดีสู้ผี อยากทดสอบว่า สาวร่างโปร่งเป็นคนธรรมดาหรือเปล่า? หวังว่าเจ้าเหมียวคงไม่โดนดูดเลือดหรอกนะในใจอดเสียวไส้แทนเจ้าตัวน้อยไม่ได้อีกฝ่ายไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เหลือบมองแมวน้อยและแล้วเกวลินก็ต้องตาค้าง เมื่อเห็นสาวฝรั่งตาน้ำข้าวกระโดดลอยขึ้นกลางอากาศเหมือนมีปีก เอื้อมมือคว้าเจ้าสัตว์สี่ขา แล้วร่อนลงยืนที่พื้นอย่างนุ่มนวลกว่านักยิมนาสติกทีมชาติเสียอีกผีดูดเลือดตัวเป็นๆ...แม่เจ้า!เธอมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์แล้วว่า หล่อนเป็นตัวอะไรแต่น่าแปลกที่ความหวาดผวาตอนนี้มีไม่มากเท่าตอนแรก ตาคู่คมมองสาวฝรั่งลูบหัวแมวตัวน้อยเบาๆ อย่างเอ็นดู ไม่ได้มีรังสีของความโหดเหี้ยมแม้แต่น้อยแถมเจ้านั่นก็ร้องเมี้ยวๆ อ้อนผีดูดเลือดอีกต่างหากเจ้าแมวนั่นเพี้ยนเกิน ไม่กลัวตายเลยรึไงขณะสาวผมยาวตะลึงงันอยู่นั้น ลูกแมวถูกยื่นมาตรงหน้า เธอจึงหลุดจากภวังค์ความคิด เอื้อมมือไปรับมันมาอุ้มไว้“ฉันชื่อลิน คะ คุณชื่ออะไร?” หลุดปากถามออกไปแวมไพร์สาวสบสายตาด้วย ขยับปากจะตอบ แต่แล้วเปลี่ยนใจ หลบฉากจากไปโดยไม่พูดอะไร“อ้าว! ไปซะแล้ว” เธอมองตามการเคลื่อนไหว ที่ว่องไวเหนือคนหายลับสายตาไปในไม่กี่วินาทีฉันเจอแวมไพร์ตัวจริง แต่รอดมาได้...ไปเล่าให้คนอื่นฟัง ใครจะเชื่อบ้างเนี่ยนึกในใจแบบขำๆ ลูบหัวเจ้าสี่ขาตัวน้อย ก่อนวางมันลงกับพื้น“อย่าไปติดบนต้นไม้อีกล่ะ คราวหน้าฉันไม่มาช่วยแกแล้วนะเจ้าเหมียว” เกวลินตะโกนตามหลังเจ้าแมวที่วิ่งซุกซอนไปตามประสาของมัน ยิ้มบางๆ เงยหน้ามองแสงทองที่โผล่ขึ้นที่ปลายขอบฟ้า แล้วออกวิ่งต่อเพื่อกลับบ้าน จู่ๆ คำถามแปลกๆ ก็ลอยขึ้นในสมองผีดูดเลือดที่ไม่ทำร้ายคนมีด้วยหรือ? น่าแปลกที่หลังรู้ว่า สาวฝรั่งไม่ใช่คนธรรมดา แต่ไม่คิดจะปริปากบอกเรื่องนี้กับปู่ย่าหรือพี่ชาย ตั้งใจจะเก็บเอาไว้เป็นความลับทำไมฉันถึงได้คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้จังเกวลินนึกไม่ออกว่า เคยเจอหน้าสวยๆ ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า แล้วสะบัดความฟุ้งซ่านออกจากหัว หยุดเมื่อถึงหน้าบ้าน ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เหงื่อไหลท่วม ก่อนเปิดประตูเข้าไป“กลับมาแล้วค่ะ” อารียาซึ่งคิดจะหาที่ซ่อน หลังใกล้สว่างเต็มทน นึกเปลี่ยนใจอยากรู้เรื่องผู้หญิงหน้าคมผมยาวที่เพิ่งเจอ จึงวิ่งย้อนกลับไปทางเก่าแล้วตามเกวลินไปห่างๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายเข้าบ้านที่นี่เหรอนัยน์ตาสีฟ้าสงบนิ่ง แม้จะหลบอยู่ใต้ต้นไม้ห่างไปเกือบยี่สิบเมตร แต่ก็ยังสังเกตเห็นสัญลักษณ์ของกลุ่มฮันเตอร์ บนกล่องรับไปรษณีย์ที่รั้วบ้าน...Kris ที่เขียนด้วยอักษรโบราณฝรั่งสาวจึงตัดสินใจล่าถอย ก่อนที่แสงแดดจะแผดเผาร่างให้เป็นเถ้าถ่าน วิ่งออกไปสุดกำลังยังจุดหมายปลายทาง โกดังเก็บข้าวสารร้างซึ่งห่างออกไปหลายกิโลเมตร มีห้องใต้ดินเล็กๆ ในห้องนั้นมีหีบที่มีขนาดใหญ่พอให้เข้าไปนอนได้อย่างสบาย อารียาก้าวเข้าไปนอนโดยไม่ลืมปิดฝาให้สนิท จนไม่มีแสงเล็ดรอดเข้ามาเป็นลูกสาวตระกูลฮันเตอร์ หัวใจเต้นแรงขนาดนั้น ต้องรู้แล้วว่าฉันเป็นอะไร...แล้วทำไมถึงไม่ลงมือ ไม่โวยวาย? อดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ ผีดูดเลือดไม่มีโทรจิตในการอ่านใจ แต่อาศัยการฟังเสียงหัวใจเต้นที่เปลี่ยนไป ใช้ในการคาดเดาความรู้สึก กับความคิดของมนุษย์และแล้วภาพไลล่าคนรักในอดีตก็ผุดขึ้น ตามด้วยภาพของหญิงที่เพิ่งเจอเมื่อกี้ทับซ้อนกันได้เกือบสมบูรณ์ มีเพียงสีผมและสีตาเท่านั้นที่แตกต่าง ทั้งคู่เหมือนกันมาก หากไม่พินิจพิจารณาอย่างละเอียดก็ยากจะแยกออก“ไลล่า...” ครางชื่อคนรักที่ไม่เคยหลุดปากออกมาแสนนาน ก่อนสะบัดหัวทิ้งความคิดสับสนให้หลุดจากสมอง “ไลล่าตายไปแล้ว...”แม้หัวใจดวงน้อยจะหยุดเต้นไปนานนับศตวรรษ แต่ความรักยังไม่จางหายไป หล่อนแอบหวังว่าสักวันจะได้เจอกับไลล่าอีก เรื่องที่ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นไปได้...เรื่องการกลับชาติมาเกิดทว่าเมื่อเจอกับหญิงสาวที่เหมือนคนรักเก่า ราวกับหลุดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน แวมไพร์สาวกลับทำอะไรไม่ถูก...เป็นไม่กี่ครั้งที่หล่อนรู้สึกกังวลและคิดหนักในรอบหลายสิบปีฉันควรจะทำยังไงดี?เมื่อคิดอะไรไม่ออก อารียาจึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อน โดยหวังว่าหลังตื่นขึ้นจะคิดวิธีดีๆ ออก เหงากาลผ่านพ้นมิลืมเลือนคิดถึงเหมือนเธอยังอยู่ร้อยปีล่วงคล้ายชั่วครู่อดีตกู่ไม่กลับ...เหงาหัวใจ. หลังทานมื้อเช้าเสร็จ เกวลินถูกดิเรกขยิบตา ชวนไปคุยที่ห้องของเขาชั้นสอง “มีอะไรคะ?” เธอขมวดคิ้ว หลังพี่ชายทำอะไรลับๆ ล่อๆ “มีข่าวจากกลุ่มนักล่า” เขากระซิบ“ว่าไง?” หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น เพราะปู่ไม่ค่อยยอมปริปากเล่า กว่าจะรู้เรื่องทุกอย่างก็จบแล้ว“เมื่อคืนหัวหน้าเชนสั่งให้อาแซมตั้งหน่วยลาดตระเวน เพื่อหาที่ซ่อนของพวกมัน”“ก็ดีนี่” น้องสาวพยักหน้าเห็นด้วย อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่ยังไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไรกับตน “แล้วไงอีก?”“พี่ว่าพี่จะไปร่วมด้วย” ดิเรกบอกความตั้งใจออกมา“อะไรนะ!” คนฟังทำหน้าแตกตื่น “แต่ปู่-”“หยุดเลย” พี่ชายโบกมือห้ามไม่อยากได้ยินเสียงคัดค้าน “แล้วก็อย่าบอกปู่ย่าด้วย” เอาไงดี?สาวผมยาวนึกลังเล ไม่กล้ารับปาก ด้วยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปู่ย่าสั่งห้ามนักหนา...ไม่อยากให้หลานทั้งสองคนเป็นฮันเตอร์หากเธอเป็นชายคงดื้อรั้นทำแบบเดียวกับดิเรกแน่ ความจริงแล้วเกวลินยิงหน้าไม้และปืนได้แม่นกว่าพี่ชายเสียอีก แข่งกันทีไรเธอชนะเขามากกว่าแพ้ แต่ใจไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายใดๆ หลังโดนขู่มาเยอะว่า ปีศาจเหล่านั้นหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าซากศพ มีน้ำเลือดน้ำเหลืองไหลเยิ้ม ชวนสะอิดสะเอียน โดยเฉพาะยามแยกเขี้ยวยิงฟันแค่เพียงจินตนาการ เธอก็แทบหมดความอยากเป็นคิลเลอร์ ไม่มั่นใจว่า ถ้าตนเผชิญหน้าจะช็อคตาย หรือเป็นลมล้มพับ ก่อนจะทันต่อสู้กับพวกมันหรือเปล่าหญิงสาวรู้จุดอ่อนตัวเองดี และไม่คิดฝืนทำสิ่งที่ตนไม่สามารถ...ในสนามรบถ้าดูแลตนเองไม่ได้ ก็ไม่ควรเป็นภาระของคนอื่น เพราะอาจจะทำให้เพื่อนในทีมลำบากหรือตายได้ พลันคิดถึงแวมไพร์สาวที่เจอเมื่อเช้า ไม่รู้ทำไมเกวลินถึงได้มั่นอกมั่นใจนักว่า หล่อนไม่ทำร้ายตนแน่ ใบหน้าสวยหวานงดงามที่ดูนิ่งเฉยราวรูปสลักของเทพีวีนัส แววตาคู่สีฟ้าที่จ้องเธอนั้นดูอบอุ่นห่วงใย ไม่แข็งกระด้างเหมือนผีดูดเลือดที่เคยได้ยินเลยสักนิดทำไมหล่อนต้องเป็นแวมไพร์ด้วยนะ? เป็นมานานเท่าไหร่แล้ว? แวมไพร์มีความรู้สึกบ้างหรือเปล่า?ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในหัว ก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงยิ้มกับตัวเองที่คิดอะไรเพี้ยนๆ บ้าจริง! ทำไมฉันต้องไปอยากรู้เรื่องพวกนั้นด้วย“แล้วอาแซมเรียกรวมพลเมื่อไหร่?” น้องสาวเปลี่ยนไปถามเรื่องของเขาต่อ“เที่ยงวันนี้” พี่ชายบอก ก่อนย้อนถามบ้าง “ว่าแต่วันนี้ว่างไหม?”“ก็ไม่ได้ไปไหน” เธอตั้งใจจะอยู่บ้าน เพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบย่อย และสอบกลางภาค“งั้นช่วยอะไรพี่หน่อยสิ ได้ไหม?” ดิเรกลากเสียงอ่อนเสียงหวานขอร้องหืม พูดเสียงหวานแบบนี้ ผิดปกติ“อะไรล่ะ?”“วันนี้ช่วยเฝ้าร้านแทนหน่อยสิ ได้ไหมคุณน้องสาวผู้น่ารักสุดๆ”“มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม?” “ได้ทุกอย่างครับคุณน้อง”“งั้นแบ่งค่าแรงวันนี้ 60 : 40 เหมือนเดิม” เธอยื่นข้อแลกเปลี่ยน ที่สมน้ำสมเนื้อ “ไม่มีปัญหาครับ” ดิเรกผงกหัว ไม่ว่าน้องสาวจะขออะไรเขายอมทุกอย่าง กระเหี้ยนกระหือรือที่จะไปออกศึกกับสัตว์ร้ายเต็มแก่“งั้นก็ตกลง” หญิงสาวรับคำที่จริงแล้ว เกวลินชอบช่วยงานที่ร้าน ‘วีแอนติค’ โดยเอาบันทึกหรือหนังสือเก่าๆ มาเปิดอ่าน บางเล่มเป็นภาษาเก่าที่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เธอก็มีความสุขมากกว่าการออกไปเที่ยว หรือเดินร่อนทั่วห้างฯ แบบที่สาวๆ ส่วนใหญ่ทำกัน “แท๊งกิ้วคุณน้อง อีกชั่วโมงเจอกันที่ร้าน” พี่ชายนัดเวลา เพื่อไปเตรียมตัวอีกหลายเรื่องสำหรับการออกศึกครั้งแรกในชีวิต “รับทราบค่ะ” สาวหน้าคมยิ้ม พลันนึกถึงสาวฝรั่งขึ้นมา จึงอดเลียบๆ เคียงๆ ถามไม่ได้ “ว่าแต่พี่ต้องไปตรวจแถวไหน?”“ภากรบอกว่า จะตรวจแถวโรงงานร้างทางเหนือก่อน เพราะแถวนั้นน่าสงสัยที่สุด”“เหรอ” คนฟังโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ที่พวกนักล่าไม่ได้ไปค้นหาใกล้กับจุดที่ตนเจอหล่อนไปคนละทาง คงไม่เจอคนเมื่อเช้าแน่“อย่าเลทล่ะ เกือบถึงเวลาเปิดร้านแล้ว” เขาย้ำกับน้องสาว หลังมองเวลาใกล้จะต้องไปเปิดร้านแล้ว“เจ้าค่ะ” เธอรับคำ แล้วเดินขึ้นบันไดไปห้องนอนตัวเอง เพื่ออาบน้ำแต่งตัวใหม่ ก่อนออกไปเฝ้าร้านแทนพี่ชายทำไมฉันต้องไปห่วงแวมไพร์ตัวนั้นด้วย...บ้าหรือเปล่าเกวลิน OoXoO