ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
สิงหาคม 2561
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 สิงหาคม 2561
 
 

ก็ว่าจะไม่รัก Just You บทที่ ๑๖ (Yuri)





๑๖


เช้าวันอาทิตย์ สุธาสินีในชุดเดรส ไปถึงหน้าบ้านกรองแก้วก่อนเวลานัดเล็กน้อย หลังชะเง้อชะแง้ไม่เห็นใคร จึงตัดสินใจกดกริ่งหน้าบ้าน

ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง!

ฉันคงไม่มาเร็วเกินไปหรอกนะ

หล่อนคิดในใจ ขณะยืนคู่กับน้องสาวหน้ารั้ว

“ใครมา กวินไปดูสิลูก” เกริกที่นั่งทำบัญชีร้านอยู่ เงยหน้าขึ้นไปสั่งลูกชาย ทั้งที่รู้ว่าแขกเป็นใคร

“ครับพ่อ” เด็กหนุ่มรับคำเสียงยาว ก้าวออกมาจากตัวบ้าน แล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าคนคุ้นเคย จึงรีบเดินมาที่รั้ว “อ้าว! พี่สุ มาแต่วันเลยวันนี้”

“สวัสดีกวิน พี่มีนัดกับน้องแก้วน่ะค่ะ” หล่อนทักตอบ

“เข้ามาก่อนสิครับ พี่แก้วซักผ้าอยู่หลังบ้าน เดี๋ยวผมเรียกให้... แล้วพี่คนนี้?” กวินเหลียวมองผู้หญิงข้างกายสาวรุ่นพี่อย่างงงๆ หลังเห็นแขกถือถุงใบใหญ่คนละใบ

“น้องสาวพี่ค่ะ พี่เสาเรียนห้องเดียวกับน้องแก้ว” สุธาสินีแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน “นี่กวินน้องของน้องแก้ว”

“สวัสดีครับ” / “สวัสดีค่ะ” ทั้งคู่ทักทายและยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร

เด็กหนุ่มนำแขกสาวสองคนเข้าไปพบกับบิดา

“สวัสดีค่ะคุณอา” สองพี่น้องรีบยกมือทำความเคารพเขา

เกริกรับไหว้และส่งยิ้มให้

“นี่คุณพ่อน้องแก้ว” หล่อนเอ่ยแนะนำ “ส่วนนี่เสาน้องของหนูค่ะ เป็นเพื่อนร่วมห้องของน้องแก้วด้วย”

ที่แท้ก็พี่สาวของเพื่อนนี่เอง

“ยินดีที่ได้รู้จักนะหนู” ชายสูงวัยกล่าวอย่างอ่อนโยน หันไปสั่งลูกชาย “กวินไปตามพี่แก้วมาทีสิ”

“ครับ” เด็กหนุ่มหายไปไม่นาน ก็ออกมาพร้อมกับพี่สาว

เอาจริงหรือเนี่ย?

ร่างเล็กคิดในใจ จ้องสุธาสินีที่แต่งตัวในชุดสวย ก่อนหันไปมองเสาวรสอย่างงงงวยว่ามาทำไม?

“เสา มีอะไรเหรอ?”

เสาวรสยื่นมือรับถุงอีกใบจากพี่สาว ยกมือรั้งข้อศอกเพื่อนเอาไว้

“ไปแก้ว เดี๋ยวไม่ทัน”

ร่างเล็กทำหน้าไม่เข้าใจ

“ไปไหน?”

“ไปแต่งตัวกันน่ะสิ” อีกสาวตอบ “ห้องนอนอยู่ทางไหน?”

“ทางโน่น” กรองแก้วชี้นิ้วไปยังห้องตัวเอง แล้วเธอก็โดนเสาวรสดึงตัวหายเข้าห้องนอนไป

“นั่งก่อนสิครับ สงสัยจะอีกนาน” กวินเอ่ยเชิญแขกรุ่นพี่

“ขอบคุณค่ะ” สาวสวยทรุดตัวลงนั่งโซฟา ตรงข้ามเจ้าของบ้านด้วยท่าทีสุภาพเรียบร้อย

“แน่ใจเหรอครับ ว่าคุณจะชวนแก้วไปปาร์ตี้จริงๆ?” เกริกอดถามขึ้นไม่ได้ เขากลัวจะทำให้สุธาสินีเสียหน้า ด้วยเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ดูหรูหราสวยแพง ในขณะที่ลูกสาวของเขานอกจากชุดนักศึกษา ก็มีแต่เสื้อยืดเสื้อเชิ้ต กับกางเกงยีนเท่านั้น ดูเหลื่อมล้ำกันเกินไปจริงๆ เหมือนอยู่กันคนละโลก จนเขารู้สึกละอายใจที่ไม่เอาใจใส่ลูกสาวมากพอ

ฉันนี่ไม่ไหวเลย...พ่อประสาอะไร

“แน่ใจค่ะ” สาวร่างสูงตอบอย่างไม่ลังเล “คุณอาไม่ต้องห่วงนะคะ รับรองว่าน้องของหนู จะแปลงร่างให้น้องแก้วเป็นเจ้าหญิงที่สวยสุดๆ”

หืม! / เจ้าหญิง!

สองพ่อลูกทำหน้าประหลาดใจระคนฉงนฉงาย

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” เด็กหนุ่มอดพูดออกมาไม่ได้

“รอดูก็แล้วกันค่ะ” สุธาสินีกล่าวอย่างมั่นใจ

เกริกนิ่งเงียบ หรี่ตามองหญิงสาวคนสวย ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยที่ผุดขึ้นเต็มไปหมด

ผู้หญิงคนนี้ทำเพื่ออะไร?


เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้สามคนที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกหันขวับ ทุกคนตะลึงอึ้งกับภาพคนตรงหน้า ไม่เว้นแม้แต่พ่อกับน้องชายของกรองแก้ว ที่เห็นหญิงสาวอยู่ทุกวี่วันจนชินตา

ยามนี้สาวร่างเล็กปราศจากแว่นสายตาหนาเทอะทะ เปลี่ยนเป็นคอนแทคเลนส์ ทรงผมที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ถูกเสาวรสใช้กรรไกรเล็มเป็นทรงบ๊อบ รับกับใบหน้ารูปไข่ จากนั้นแต่งแต้มด้วยรองพื้นพร้อมทาลิปสติกสีหวาน สวมชุดเดรสเกาะอกสีโอรสบางเบาสวยงาม บนไหล่มีผ้าคลุมสีส้มเข้ม...ดูแล้วงดงามราวกับหลุดมาจากนิตยสารเลยทีเดียว

“เอ่อ พอดูได้ไหมคะ?” เสียงของเธอเอ่ยถามอ้อมแอ้มลังเล ไม่แน่ใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตน

“สวยครับพี่” กวินโพล่งตอบขึ้นก่อน

ขณะที่เกริกเหม่อมองลูกสาวอย่างตะลึงลาน หลุดพึมพำ

“เหมือนมาก...เหมือนจริงๆ”

“หนูเหมือนแม่ใช่ไหมคะ?” ลูกสาวถามขึ้น

“อือ” คนเป็นพ่อขานรับเสียงต่ำ ก่อนเอ่ยชมออกมาอย่างจริงใจ “สวยมากเลยลูกพ่อ”

“ต้องขอบคุณเสาจริงๆ” เธอหันมากล่าวกับเพื่อนที่เดินตามมา

“ด้วยความยินดี” เสาวรสยิ้มกว้างกับฝีมือของตน ปรายตามองไปยังพี่สาวที่ยืนตัวแข็งทื่อไม่ต่างจากรูปสลัก แล้วอดขำไม่ได้

ต้องมนตร์สะกดของเจ้าหญิงล่ะสิ

สุธาสินีแทบลืมหายใจไปหลายวินาทีเลยทีเดียว

นั่นเธอจริงๆ เหรอ...กรองแก้ว

“แก้วดูเป็นยังไงบ้างคะพี่สุ?” น้องสาวกระซิบถามข้างหู

หล่อนหลุดจากภวังค์ เอียงคอไปมองคนถาม

“สวย สวยมากทีเดียว” พูดเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย

แม้เสียงที่ตอบจะแผ่วเบา ทว่าสาวหน้าคมก็ได้ยิน อดที่จะอมยิ้มแบบเขินอายไม่ได้ รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นกะทันหัน

คุณชมฉันเหรอเนี่ย

“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น” เสาวรสยิ้มล้อๆ หลังแอบสังเกตเห็นท่าทีสองสาว…เหมือนเคอะเขิน

เกริกขมวดคิ้วหนา เพิ่งเคยเห็นลูกสาวแสดงท่าทีเขิน กับคำชื่นชมของแขกสาว สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล

ทำไมลูกฉันต้องหน้าแดงเวลาผู้หญิงชมด้วย?

“ทุกอย่างเรียบร้อย ไปได้แล้วมั้งคะ เดี๋ยวจะสาย” น้องสาวหล่อนเตือนขึ้น

ทั้งสามสาวจึงเอ่ยลากับพ่อลูก

“หนูจะมาส่งน้องแก้วประมาณหกโมงเย็นนะคะ” สาวสวยพูดย้ำ

“ครับ” เขารับคำ ก่อนหันไปอวยพรลูกสาว “ขอให้สนุกนะลูก”

“ค่ะพ่อ” กรองแก้วรับคำเบาๆ อย่างไม่มั่นใจนัก

หวังว่าฉันจะไม่ซุ่มซ่าม สะดุดล้มเสียก่อน


หลังออกจากบ้านกรองแก้ว เสาวรสซึ่งขับรถมาอีกคันขอตัวไปทำธุระต่อ ปล่อยให้สองสาวนั่งรถคันงามไปปาร์ตี้ตามลำพัง

สุธาสินีชำเลืองมองคู่เดทของตนเป็นระยะ อมยิ้มกรุ้มกริ่มในหน้า หลังค้นพบความงดงามของร่างเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ ภูมิใจเหลือเกินที่ขุดเจอเพชรงามเม็ดนี้ ซึ่งแน่นอนว่า หล่อนไม่คิดจะยอมยกให้ใครง่ายๆ

กรองแก้วนั่งตัวเกร็งอยู่เบาะข้างคนขับ หายใจไม่ทั่วท้อง เผลอเม้มริมฝีปากบ่อยครั้ง ไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองนัก

ถ้าต้องแต่งแบบนี้บ่อยๆ คงแย่แน่...ไม่ชินเลยจริงๆ

“น้องแก้วคะ อย่าเม้มริมฝีปากสิคะ ลิปสติกจะเลอะค่ะ” สาวสวยเตือนขึ้น

“ก็ฉันไม่ชินนี่” อีกคนตอบตามความรู้สึก “พอไม่มีแว่นตาด้วยยิ่งโล่งหน้า เหมือนขาดอะไรไป”

คนขับรถหัวเราะเบาๆ นึกเอ็นดู

“ค่อยๆ หัดเดี๋ยวก็ชินเองค่ะ”

เธอถอนหายใจยาวเหยียดอย่างขัดใจ ก่อนเอียงหน้าจ้องอีกฝ่าย

“ทำไมคุณต้องชวนฉันด้วย? ชวนคนอื่นก็ได้นี่ มีคนอยากไปกับคุณเยอะไป”

“เพราะน้องแก้วเป็นคนที่น่าสนใจที่สุดค่ะ”

พูดตลกอีกแล้ว

คนฟังส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“ถ้าคุณรู้จักฉันจริงๆ คุณจะไม่มีวันพูดแบบนี้เด็ดขาด”

ถ่อมตัวเกินไปหรือเปล่า?

สุธาสินีผุดยิ้มสวยกว้างออกมา

“ถ้างั้นขอให้พี่รู้จักน้องแก้วจริงๆ ก่อน แล้วพี่ค่อยตัดสินใจเองว่า น้องแก้วน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจ ดีกว่าไหมคะ?”

หมายความว่าอะไร?

กรองแก้วอึ้งงัน สายตาจับจ้องหน้าสวยเขม็ง ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่า อีกฝ่ายกำลังเกี้ยวพาราสีตนแบบนั้น เป็นความฝันที่ไกลเกินเอื้อมที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด คนธรรมดาไม่คู่ควรกับนางฟ้านางสวรรค์

สาวหน้าคมนิ่งเงียบเป็นนาที ก่อนปริปากออกมา

“ฉันไม่เข้าใจ”

“ไม่เข้าใจอะไรคะ?” หล่อนถาม ปรายตามองคนข้างตัว ก่อนหันไปจ้องถนน แล้วขับอย่างระมัดระวัง

“ช่วยพูดให้ชัดๆ ได้ไหม ว่าคุณต้องการอะไรจากฉัน?” สาวร่างเล็กถามเสียงเรียบจริงจัง

เธอไม่เคยมีความคิดว่า ตัวเองน่าสนใจ ก็แค่ผู้หญิงเชยเฉิ่มคนหนึ่งเท่านั้น จึงอดเคลือบแคลงใจไม่ได้ ที่อีกฝ่ายมาก้อร่อก้อติกวนเวียนใกล้ตนมาหลายสัปดาห์ ทั้งที่ในมหา’ ลัยมีนักศึกษาหญิงหน้าตาดีเป็นร้อย ที่พร้อมเสนอตัวเป็นคนรักของหล่อน ประกอบกับรูปร่างหน้าตาตนไม่น่าสอบผ่านสเปคของอีกฝ่าย จึงคิดในแง่ลบสุดๆ ไม่อยากมีความหวังลมๆ แล้งๆ เลื่อนลอย...ไม่อยากเสียใจภายหลัง

ที่คุณทำเหมือนจีบฉัน มันก็แค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นเอง...ฉันมันก็แค่ของเล่นแก้เบื่อแก้เซ็ง พรุ่งนี้คุณอาจจะไม่สนใจฉันแล้วก็ได้

แม้ว่ากรองแก้วจะไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องชาวบ้านเท่าไหร่ แต่รู้เรื่องผู้หญิงคนนี้ดีว่า ตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรีหล่อนมีแฟนหลายคน และผู้ที่คบหานานที่สุดก็คือ รัศมีแขที่เพิ่งเลิกรากันไป

คบเกือบปี เวลาเลิกก็น่าจะมีเยื่อใยกันอยู่มาก ไม่น่าตัดอกตัดใจได้เร็วนัก

สาวร่างเล็กตั้งสมมติฐานแบบนั้น และคิดว่าหล่อนจีบตนเป็นแค่การฆ่าเวลามากกว่าที่จะคิดจริงจัง

“น้องแก้วสงสัยว่า พี่ไม่จริงจังกับน้องแก้วเหรอคะ?” สุธาสินีย้อนถามกลับ

น้องแก้วลังเลอะไร?

“ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดา ที่คุณไม่ควรจะใส่ใจเลยด้วยซ้ำ”

“อย่าดูถูกตัวเองสิคะ พี่ว่าน้องแก้วมีดีมากกว่าที่คิด” สาวสวยพูดค้านเสียงเรียบ “พี่ขอโอกาสรู้จักน้องแก้วได้ไหมคะ?”

ขอโอกาส?

เธอเลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อย พยายามตีความหมายที่อีกคนส่งมา

“คุณต้องการคบกับฉัน?”

“ใช่ค่ะ”

“ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?” ถามหน้าตาย ไม่อยากดูง่ายเหมือนหลายคน

ประธานสาวยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“พี่ก็จะตามตื๊อไปเรื่อยๆ พี่ไม่เชื่อหรอก ว่าน้องแก้วจะใจแข็งกับพี่ได้นานนัก”

“หลงตัวเองไปหรือเปล่าคะคุณสุธาสินี” สาวร่างเล็กกล่าวประชดประชัน กับคำท้าทายกลายๆ นั้น แต่ไม่คิดจะรับคำท้าออกไปส่งเดช

“ก็ไม่เชิงค่ะ พี่ก็แค่มีคนหลงเป็นร้อยเอง” คนขับรถพูดขำๆ รู้สึกสนุกที่มีคนโต้เถียงด้วยแบบทันกัน

“คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง” เธอแค่นหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ รู้อยู่แก่ใจว่า อีกคนพูดเรื่องจริง ถอนหายใจยาว ยังไม่มีแผนจะรับมือในเวลานี้

ว่างนักรึไง ถึงได้มาตามกวนประสาทกัน...เฮ้อ!

สาวสวยอมยิ้มบางๆ

พี่ไม่ปล่อยมือจากน้องแก้วง่ายๆ หรอก ดูซิจะหนียังไง?

บรรยากาศในรถเงียบงันลง หลังทั้งคู่จมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่วนเวียนเกี่ยวข้องกับคนที่นั่งข้างกาย จนกระทั่งรถไปจ่อที่หน้าประตูรั้วอัลลอยสีทองภายในหมู่บ้านหลังหนึ่ง คนขับกดแตรรถยนต์หนึ่งครั้ง

ปริ๊น!

ประตูรั้วอัตโนมัติเลื่อน เผยให้เห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งมีรถยนต์ราคาแพงจอดเรียงอยู่หลายสิบคัน

โหย บ้านใหญ่ชะมัด

ร่างเล็กบางนึกครางในใจ รู้สึกคิดผิดอย่างที่สุดที่ตกลงรับปากมาปาร์ตี้ครั้งนี้ด้วย ไม่ชินกับการร่วมกิจกรรมกับพวกไฮโซเอาเสียเลย หลังมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีกับพวกเพื่อนฐานะดีในตอนเรียนปีหนึ่ง

ขอกลับตอนนี้เลยจะได้ไหม?

นึกอยากถามหล่อนแบบนั้น แต่ความเกรงใจจึงพูดไม่ออก ได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

สุธาสินีจอดรถข้างรถของพรรณราย ก่อนดับเครื่องยนต์ แล้วหันไปมองคู่เดทที่ใบหน้าดูไม่มีความสุข

“น้องแก้วไม่สบายหรือเปล่าคะ?” เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“ไม่สบายใจมากกว่าค่ะ” สาวรุ่นน้องพูดไม่เต็มเสียงนัก

“ไม่สบายใจเรื่องอะไรคะ บอกพี่ได้ไหม เผื่อว่าพี่จะช่วยอะไรได้” พยายามตะล่อมถามเสียงนุ่มนวล

จะทำให้ยุ่งกว่าเดิมล่ะสิไม่ว่า

คนฟังกัดริมฝีปากตัวเอง หากแต่ต้องชะงักตกใจแทบอ้าปากค้าง เมื่อมือเรียวยื่นออกมาประคองแก้มของตนอย่างถือวิสาสะ

“พี่เคยบอกแล้วไงว่า อย่าเม้มปาก แบบนี้ปากจะเลอะมาก เดี๋ยวจะไม่สวย” นัยน์ตาคู่สวยจ้องแบบดุๆ

ตาดุชะมัด!

เธอกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างลำบาก

“เอ่อ ขอโทษค่ะ” พึมพำเบาๆ ไม่กล้าขยับตัวหลังสบตากับหล่อนในระยะใกล้เกินไป ใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอบอุ่น รวมถึงได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยโชยมาจากกายของอีกฝ่าย

“อยู่เฉยๆ นะคะ เดี๋ยวพี่ทาปากให้ใหม่”

กรองแก้วนั่งตัวแข็ง ปล่อยให้สุธาสินีใช้ลิปสติกสีสวยหวานป้ายทับเรียวปากของตน ไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวมากนัก เกร็งไปหมด หลังระยะห่างใบหน้าทั้งสองไม่เยอะ ไม่ถึงคืบเลยด้วยซ้ำ เป็นอีกครั้งที่เธออยู่ใกล้ชิดกับหล่อนมากเกิน...หลังจากถูกจูบเมื่อหลายวันก่อน

ตึกตัก! ตึกตัก!

ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นเต้นแรงรัวจนกลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน

จะเต้นแรงทำไมนักหนา

นึกเอ็ดตัวเอง ไม่อยากยอมรับว่า ตนรู้สึกอย่างไรกับหล่อนเลยสักนิด เกรงจะต้องอกหักเสียใจภายหลัง จึงพยายามย้ำกับตัวเอง ให้รู้จักเจียมตัวเจียมใจ

ผู้หญิงเชยเฉิ่มอย่างเธอ ไม่คู่ควรกับคุณเขาหรอก...กรองแก้ว

“ลองเม้มริมฝีปากนิดสิคะ” สาวรุ่นพี่บอก มองเรียวปากบางได้รูปอย่างชื่นชม ก่อนบรรจงป้ายตามรูปปากทั้งคู่ เมื่อเรียบร้อยก็เอ่ยแนะนำขึ้น “เวลาจะดื่มน้ำกับทานอะไร ก็ระวังนิดนึงนะคะ มันอาจจะเลอะบ้าง”

ริมฝีปากสวยน่าจูบ...คิดอะไรบ้าๆ สุธาสินี

นึกดุตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน กลัวหักห้ามใจไม่อยู่ แล้วจูบอีกคนแบบคราวก่อนอีก แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม แต่สุธาสินียังคงประทับใจริมฝีปากแสนสวยตรงหน้า รวมถึงหิวโหยอยากเชยชิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า...จูบเท่าไหร่ก็คงไม่พอ

“ไม่สัญญา แต่จะพยายามก็แล้วกัน” เธอไม่กล้ารับปาก รู้สึกอึดอัดไม่ชินกับเสื้อผ้าสวยๆ ที่เบาบางจนเกือบเหมือนไม่ใส่อะไรเลย รวมถึงใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ ดูแล้วไม่เป็นตัวเองนัก

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่จะอยู่ข้างๆ น้องแก้วตลอดเวลา รับรองว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” ประธานสาวยืนยันหนักแน่น เพื่อให้สาวรุ่นน้องคลายความกังวล หากการเดทวันนี้ผ่านไปด้วยดี โอกาสครั้งที่สอง และครั้งต่อไปก็จะง่ายขึ้น

จริงจังเกินไปไหม

นึกขำคนตรงหน้าที่ดูจะเอาใจใส่ตนมากเกินกว่าเหตุ เหมือนเป็นพี่เลี้ยงอย่างไรอย่างนั้น

“คุณทำอย่างกับฉันเป็นเด็กๆ ที่ต้องมีคนคอยดูแล ตกลงเรามางานนี้เพื่ออะไร?”

“ช่วยไม่ได้ค่ะ ก็พี่อยากดูแลน้องแก้วนี่คะ” หล่อนพูดตามที่รู้สึก

คงพูดแบบนี้บ่อยสินะ

“คำพูดหวานๆ ของคุณ เก็บไว้ใช้กับคนอื่นเถอะ ใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก” ร่างเล็กประชด ไม่รู้ทำไมถึงหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล

โมโหอะไรฉันอีกละเนี่ย

สุธาสินีนึกสงสัย แต่ไม่กล้าถามออกไป เกรงจะทำให้บรรยากาศแย่กว่าเดิม จึงเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอื่นแทน

“ไปค่ะ ไปหาเจ้าภาพกันก่อน”

สองสาวลงจากรถคันงาม เดินเคียงคู่ไปยังหน้าคฤหาสน์ ซึ่งมีซุ้มดอกไม้ขนาดใหญ่ ที่มีแขกหลายคนกำลังถ่ายรูปเซลฟี่อยู่ จึงเดินอ้อมไปเข้าอีกทาง เพื่อจะได้ไม่ไปขวางทางคนอื่น

ไม่เห็นคุ้นหน้าสักคน

ร่างเล็กสอดส่ายสายตาหาคนรู้จัก แต่ก็ต้องผิดหวัง

“สุ มาช้าจังเลยนะ ฉันกับไอ้คุณพรรณมาถึงตั้งนานแล้วนะ นึกว่าแกจะไม่มาซะอีก” โชติโรจน์เดินตรงรี่เข้ามาโวยวายเพื่อนรัก

“โทษที” หล่อนยอมรับผิดโดยดี

“สวัสดีค่ะพี่โรจน์” กรองแก้วพูดทักทายหนุ่มรุ่นพี่

รองประธานหนุ่มหันไปมองตามเสียง แล้วแสดงอาการประหลาดใจ ก่อนรำพึงรำพันออกมาแบบเพ้อๆ

“โห! น้องแก้วสวยหยาดฟ้ามาดินขนาดนี้เชียวเหรอ”

แปลงโฉมได้ถึงขนาดนี้เชียว แปลงนางซินเป็นเจ้าหญิง...สุดยอด

“ขอบคุณค่ะ” สาวร่างเล็กรู้สึกเคอะเขินที่โดนทักแบบนั้น ไม่ชินกับการถูกชื่นชม จึงอดหน้าขึ้นสีไม่ได้

เวลาเขินน่ารักดีเหมือนกัน

สาวสวยปรายตามองสาวรุ่นน้อง พร้อมยกยิ้มมุมปาก

“รู้งี้พี่ไปชวนน้องแก้วมาเป็นคู่เดทก็ดีหรอก” หนุ่มหล่อบ่นพึมพำอย่างเสียดาย

“แล้วแกมากับใคร?” สุธาสินีอดสงสัยไม่ได้

“มาคนเดียวน่ะสิ ก็แกไม่ยอมให้ยืมเสา แล้วฉันจะไปหาคู่ที่ไหน” บุ้ยใบ้โยนความผิดให้เพื่อน

“เสาไม่ว่างมีนัด”

“ฉายเดี่ยวก็ได้ สบายมาก ไปหาเจ้าของบ้านกัน” เขาเอื้อมคว้าแขนของกรองแก้วไปควงอย่างถือวิสาสะ แล้วแกล้งหันมาพูดยั่วเพื่อนรัก “งั้นวันนี้ฉันขอยืมคู่เดทแกควงแทนแล้วกัน”

“เฮ้ย! ได้ไง คนนี้ของฉัน” หล่อนโวยวาย รีบเดินไปควงแขนอีกข้างของสาวรุ่นน้องไว้ เหมือนแสดงความเป็นเจ้าของ

“ทรีซัมก็ได้ ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ” โชติโรจน์แกล้งพูดกำกวมแบบทะลึ่งตึงตัง

“พูดบ้าๆ” ร่างสูงต่อว่า รู้ทันว่าชายหนุ่มคิดเรื่องลามกอยู่ เรื่องที่หล่อนไม่เคยมีในหัว...ใครจะไปยอมให้คนที่ตนชอบทำแบบนั้นกัน

“เผื่อลองแล้วจะติดใจ” ชายหนุ่มยังไม่ยอมหยุด

“เงียบไปเลย!” สุธาสินีเอ็ดเพื่อนที่พูดจาสองแง่สามง่าม

“ดุชะมัด” เขาพึมพำต่อว่า ก่อนหุบปากหลังเห็นสายตาดุๆ

แม้จะอยู่ตรงกลาง ได้ยินคำสนทนาตอบโต้ถนัดชัดเจนทุกคำ แต่กรองแก้วทำหน้ายุ่งไม่เข้าใจแม้แต่น้อย

พูดอะไรกันไม่เห็นรู้เรื่องเลย

ทั้งสามเดินเรียงแถวหน้ากระดานเข้าไปภายในงาน โดยไม่สนใจสายตาของแขกคนอื่น ซึ่งมองอย่างสงสัยใคร่รู้ แม้จะเรียนอยู่ต่างมหา’ ลัย แต่หญิงสาวส่วนใหญ่รู้จักหน้าค่าตาของประธานสาว จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ผู้หญิงผมสั้นในชุดเดรสสีโอรสที่สาวสวยควงแขนเป็นใคร รวมถึงเจ้าของงาน ซึ่งเคยเห็นคนรักของหล่อนก่อนหน้านี้หลายครั้ง

คนนี้ใคร แล้วรัศมีแขล่ะ?

“พี่พรรณคะ” กันตาเรียกชื่อคนรัก ที่กำลังตักขนมใส่จาน

สาวเท่เอียงหน้าไปมองคนเรียก

“ว่าไงคะน้องตา?”

“ผู้หญิงที่มากับพี่สุ ใครเหรอคะ?”

คนถูกถามมองไปตามทิศทางที่กันตาบุ้ยใบ้ เห็นเพื่อนรักสองคนเดินตรงมา โดยควงแขนสาวคนหนึ่งไว้คนละข้าง แล้วต้องตกตะลึงลานเมื่อเห็นร่างแปลงของกรองแก้ว

แม่เจ้าโว้ย!

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตามนะคะ ...ขอบคุณสำหรับห้วใจและคอมเม้นท์มากมาย ดีใจจนแก้มปริทุกวัน

เรื่องนี้จะลงแค่จบตอนนี้นะคะ สนใจตามต่อได้สองทาง โหลดซื้อ E-book ผ่าน MEB หรือสั่งหนังสือที่เพจนิ้วนางค่ะ

ไว้พบกันเรื่องหน้านะคะ...

นาง ^^

ตัวอย่างในเรื่อง ก็ว่าจะไม่รัก Just You

...

“เมื่อเช้าพี่เห็นน้องแก้วคุยกับน้องผู้ชายคนหนึ่ง” หล่อนเริ่มเล่า

“อ๋อ สุกิจ” เอ่ยชื่อของเด็กปีสามออกมา “แล้ว?”

“พี่เห็นน้องแก้ว รับของจากน้องคนนั้น...”

“คุณก็เลยเข้าใจว่า ฉันรับรักน้องเขา”

“ค่ะ” สุธาสินีพยักหน้าน้อยๆ

...

“พี่มาขอโทษเรื่องเมื่อวานค่ะ” หล่อนพูดตรงๆ

“ฉันลืมไปแล้ว” ร่างเล็กตอบอย่างไม่มีเยื่อใย หันไปสนใจงานที่ทำค้างไว้

ยังไม่หายโกรธสินะ...จะง้อยังไงละเนี่ย?

สาวสวยถอนใจเฮือกใหญ่ จนปัญญาที่จะง้องอนสาวเจ้า ทักษะนี้หล่อนไม่เชี่ยวชาญเท่าพรรณราย

“จะให้พี่ทำยังไง น้องแก้วถึงจะหายโกรธคะ?” เอ่ยถามเสียงอ่อย

“ไม่ต้องทำอะไร แค่อยู่ห่างๆ ฉันก็พอ” สาวแว่นกล่าวเสียงเย็นเยือกกว่าเดิม โดยไม่เงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนาด้วยซ้ำ

OoXoO




 

Create Date : 30 สิงหาคม 2561
0 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2561 15:29:51 น.
Counter : 1494 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com