ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
กรกฏาคม 2561
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 กรกฏาคม 2561
 
 
ก็ว่าจะไม่รัก Just You บทที่ ๖ (Yuri)



หลังเรียนเสร็จ กรองแก้วจำใจไปชมรมอาสาพัฒนา พร้อมกับเสาวรสและศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่ใจจริงอยากไปทำงานพิเศษมากกว่า ก่อนเข้าประชุมเธอโทรไปขอลางานกับศักดา บิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างเกรงใจโดยแจ้งว่าจะมีรุ่นพี่สองคนไปทำงานแทน ซึ่งอีกฝ่ายอนุญาตอย่างใจดี และบอกว่าลูกชายบอกแล้วสาวแว่นกล่าวขอบคุณ แล้วก่อนกดวางสาย เก็บมือถือรุ่นเก่าสมัยพระเจ้าเหาใส่กระเป๋าถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก

ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย

“บอกแล้วไงว่า โทรไปบอกพ่อแล้วก็ไม่เชื่อ” ศักดิ์สิทธิ์บ่นพึมพำ

“ฉันอยากโทรไปบอกเองมากกว่านี่ฉันไม่อยากเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ” กรองแก้วตอบเสียงเรียบ

“รู้สึกผิดจังที่ชวนพวกเธออยู่ประชุม”เสาวรสที่ได้ยินบทสนทนาพูดแทรกขึ้น

“อย่าคิดมากสิไม่ใช่ความผิดของเสาหรอก” สาวแว่นรีบอธิบายไม่อยากให้เพื่อนเข้าใจผิด “อาทิตย์แรกควรคุยเรื่องโครงการให้เสร็จไม่งั้นชมรมก็ทำกิจกรรมอะไรไม่ได้”

“ใช่ๆ” ชายหนุ่มรีบพูดเสริม“ว่าแต่เทอมนี้เทอมสุดท้ายแล้ว เสาวางแผนหรือยังว่าจะไปไหน?”

“ก็มีทะเลกับภูเขา อยากไปไหนก็โหวตมาแล้วกัน”เสาวรสตอบ

“ว้าว! เยี่ยมไปเลย” เขาทำตาโตกว้างดีใจออกนอกหน้า ด้วยการออกค่ายแท้จริงคือการไปเที่ยวกลายๆ

“ใช่ น่าสนใจสุดๆ” กรองแก้วยิ้มบางๆ

“เลือกที่เที่ยวไม่น่าสนใจเดี๋ยวประธานโดนโหวตออก” ประธานสาวพูดขำๆ ทั้งที่จริงไม่เคยมีเรื่องการไล่ใครออกจากตำแหน่งมาก่อน

“ใครกล้าบอกฉัน เดี๋ยวไปจัดการให้”ศักดิ์สิทธิ์แกล้งพูดรับมุก

ทั้งสามคนหัวเราะคิกคัก คุยกันไปเดินกันไปเรื่อยๆจนก้าวเข้าไปในห้องชมรมอาสาพัฒนา มีสมาชิกหน้าเก่าหลายคนนั่งอยู่ก่อนเกือบทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายกันอย่างอารมณ์ดี

เมื่อถึงเวลานัดอาจารย์ที่ปรึกษาเอ่ยทักทาย และเล่าถึงนโยบายของชมรมอาสาพัฒนาว่าก่อตั้งมาเพื่ออะไร แล้วให้คณะกรรมการขึ้นมาพูดต่อ กินเวลาไปเกือบชั่วโมง...แบบไร้สาระล้วนๆ

เมื่อไหร่จะเสร็จล่ะเนี่ย?

กรองแก้วเริ่มกระวนกระวายใจ หลังการประชุมกินเวลาช้ากว่าที่คิดอยากจะปลีกตัวออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หันสบตากับศักดิ์สิทธิ์ซึ่งพยักหน้าตอบ...เหมือนรู้กัน

ทั้งคู่ไม่ทันขยับตัวลุกจากเก้าอี้ เสาวรสในฐานะประธานชมรมก็รีบกล่าวขึ้นเสียก่อน

“ปกติชมรมของเราจะจัดกิจกรรม ออกต่างจังหวัดไปค้างคืนหนึ่งครั้งหรือแบบไปเช้าเย็นกลับ อาทิตย์หน้ารบกวนช่วยตอบแบบสอบถามด้วยว่า เสียงส่วนใหญ่อยากไปที่ไหนสถานที่ตอนนี้มีสองตัวเลือก คือ ใกล้ภูเขาหรือใกล้ทะเล ขอให้สมาชิกช่วยกันเลือกด้วยนะคะส่วนวันเวลาที่จะไปนั้น ทางคณะกรรมการจะแจ้งอีกครั้ง วันนี้มีเรื่องจะแจ้งเพียงแค่นี้ขอปิดการประชุมค่ะ ขอบคุณค่ะ”   

“เฮ!” ทุกคนในห้องช่วยกันปรบมือเสียงดังลั่น

กรองแก้วกับศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าให้กับเสาวรสเป็นเชิงขอตัวแล้วรีบเผ่นพรวดออกนอกประตูไปเป็นคนแรกๆ เพื่อไปทำงานพิเศษต่อ

หวังว่าพี่ฉันคงไม่ทำอะไรประหลาดๆที่ร้านอาหารหรอกนะ

เสาวรสอดนึกเป็นห่วงพี่สาวของตัวเองไม่ได้

ยี่สิบนาทีต่อมา ทั้งสองจอดสองล้อคันเก่งของตนริมฟุตบาทเยื้องหน้าร้านสเต็กสาวแว่นมาช้ากว่าที่บอกเอาไว้สิบกว่านาที รู้สึกผิดและเกรงใจไปพร้อมๆ กันที่ต้องรบกวนให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน ทั้งที่ไม่ได้สนิทสนม แถมเธอยังแสดงท่าทีไม่ดีใส่หล่อนตั้งหลายครั้ง

หวังว่าทุกอย่างคงเรียบร้อย

กรองแก้วเดินนำศักดิ์สิทธิ์ ผลักประตูร้านเข้าไปแล้วได้ยินเสียงเอ่ยทักทายของพนักงานต้อนรับคนใหม่ที่ใส่เอี๊ยมของร้านทับเสื้อเชิ้ต ดูแปลกตาไปกว่าที่เคยเห็น

“ยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงหวานๆ ของสุธาสินีเอ่ยขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มสวยให้คนที่เพิ่งเข้ามา

กรองแก้วเดินไปหยุดตรงหน้าสาวรุ่นพี่ก้มหัวเล็กน้อย

“ขอโทษค่ะที่ฉันมาช้า”

พูดเพราะๆ ก็เป็นนี่

ร่างสูงโปร่งทำหน้าประหลาดใจ ที่อีกคนพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงชวนฟังกว่าทุกครั้งจึงอมยิ้มในหน้า

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้องแก้ว” หล่อนกล่าวน้ำเสียงนุ่มนวล “จริงๆทำงานที่นี่ก็สนุกเหมือนกันนะ”

หืม!

ร่างเล็กกระพริบตาถี่ๆ ไม่เข้าใจว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่

ไก่พนักงานในร้านเดินมาสมทบ แล้วเอ่ยชมขึ้น

“น้องสุมาช่วยงานแป๊บเดียวลูกค้าสาวๆ ติดใจกันตรึม บางคนขอเบอร์บางคนขอไลน์ เซลฟี่ด้วยก็หลายคน”

โห! อะไรจะป๊อบขนาดนั้น

ศักดิ์สิทธิ์มองเป็นเรื่องดีกับธุรกิจ จึงเอ่ยปากชวนออกมา

“ถ้าพี่สุชอบวันไหนว่างอยากมาช่วยงานที่นี่ ก็แวะมาได้นะครับ”

สุธาสินีมองเห็นโอกาสบางอย่าง โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ

“ได้เหรอคะศักดิ์

“ค่าจ้างเท่ากับแก้วนะครับผมแค่ร้านเล็กๆ แพงเกินคงสู้ไม่ไหว” เขารีบออกตัว

“พี่ไม่มีปัญหาเรื่องค่าจ้างค่ะ”สาวร่างสูงตอบอย่างไม่คิดมาก

ที่บ้านรวยจะตายไป จะมาทำทำไมให้เหนื่อย?

กรองแก้วขมวดคิ้ว ก่อนมองหาใครอีกคนซึ่งเป็นผู้เสนอแผนการครั้งนี้...แต่ไม่เห็นแม้แต่เงา

“แล้วพี่ผู้ชายล่ะคะ

“โรจน์อยู่ในครัว รายนั้นชอบทำกับข้าวตอนนี้คงสนุกใหญ่” สาวสวยพูดเสียงนุ่มพอชำเลืองเห็นลูกค้าโบกมือ จึงเอ่ยขอตัว “เดี๋ยวค่อยคุยกันนะลูกค้าเรียกแล้ว”

“บอกเลยถ้าจ้างคนนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้มรับรองลูกค้าแน่นร้านแน่” ไก่เอ่ยเสียงเบากว่าปกติ แต่ดังพอที่อีกสองคนจะได้ยิน

“ผมก็ว่างั้นแหละ” ศักดิ์สิทธิ์เห็นพ้องด้วย

ทำให้วุ่นวายละสิไม่ว่า

กรองแก้วไม่เห็นด้วย แต่ไม่กล้าพูดออกมา

“ยังไงฝากขอบคุณคุณด้วยนะถ้าหากคุณเขาจะกลับก่อน ก็ให้กลับได้เลย ฉันจะเข้าครัว”

ทำเกินไปไหมแก้ว?

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นึกตำหนิเพื่อนสาวที่แสดงท่าทีปั้นปึ่งเกินไปจึงพูดโพล่งออกมา

“แล้วทำไมแกไม่บอกพี่ด้วยตัวเองล่ะ พี่เขาอุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วยโดยที่เราไม่ได้ขอร้องสักคำ จะเย็นชาเกินไปหรือเปล่า?”

ฉึก!

เธอสะอึกไม่น้อยที่โดนเพื่อนต่อว่าซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ส่วนใหญ่กรองแก้วจะเป็นฝ่ายเล่นงานชายหนุ่มมากกว่า

“แค่คำขอบคุณ แล้วสุภาพกับพี่เขา ไม่ยากเท่าไหร่นักหรอกจริงไหม?” ศักดิ์สิทธิ์เอ่ยเสียงเย็น แล้วเดินผ่านอีกฝ่ายไปเฉยๆ

ไม่สวยแล้วยังเล่นตัวอีก...ถ้าพี่เขาไม่สนขึ้นมาจริงๆแกนั่นแหละจะเสียใจ

พนักงานสาวของร้านที่ยืนอยู่ใกล้ๆมองตามลูกชายเจ้าของร้านก่อนนึกในใจ

นานๆจะเห็นศักดิ์หงุดหงิดใส่แก้ว...คงเหลืออดล่ะสิท่า

“น้องสุน่ารักจะตายไป ไม่เห็นมีตรงไหนที่ไม่น่ารักสักกะนิดถ้าน้องสุมาเอาใจพี่นะ รับรองพี่รักตายเลย” ไก่กล่าวทีเล่นทีจริงจงใจสะกิดต่อมความรู้สึกของอีกสาวที่ยืนเป็นรูปปั้นอยู่

น่ารักเหรอ?

เธอนึกทวนคำเหลียวหน้าไปมองสุธาสินีที่กำลังคุยกับลูกค้าสาวอย่างเป็นกันเองแล้วอดที่จะตั้งคำถามขึ้นมาไม่ได้

หรือฉันจะมองคุณในแง่ร้ายเกินไป

กรองแก้วยืนมองสาวรุ่นพี่จนกระทั่งอีกฝ่ายรับเงินจากลูกค้า ไปส่งให้แคชเชียร์ แล้วเดินกลับมา

“ขอบคุณที่มาช่วยนะคะ ถ้าคุณจะกลับเลยก็-”แต่ว่าไม่ทันพูดจบประโยคก็โดนอีกคนพูดแทรกขึ้น

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วอยู่ช่วยให้จบเลยดีกว่า” สุธาสินีเอ่ยแบบไม่เสียเวลาคิด“เลิกกี่โมงคะ

“สามทุ่มค่ะ” สาวหน้าคมตอบคำถาม“ถ้าอยากอยู่ก็ตามสบายนะ ฉันเข้าไปช่วยในครัวก่อน”

“ค่ะ” หล่อนรับคำเบาๆทำหน้าเศร้า หลังคิดว่า อีกคนต้องเข้าไปทำงานข้างหลังร้าน คงหมดโอกาสที่จะได้คุยหรือเห็นหน้าเธอ

แย่ชะมัด!

“น้องสุทานอะไรรองท้องบ้างหรือยังหิวไหมคะไก่ถามไถ่อย่างใส่ใจ ถือสุภาษิตที่ว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแรงทำงานและไม่ดีกับสุขภาพด้วย

ร่างสูงยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกหิวแล้วเหมือนกันจึงเอ่ยปากออกมาตรงๆ

“ยังไม่ได้ทานค่ะพี่ไก่ท้องเริ่มร้องแล้วเหมือนกัน”

“โธ่ น่าสงสาร” คนอายุมากเอ่ยอย่างสงสาร หันมองมายังสาวร่างเล็ก “แก้วทำอะไรมาให้น้องสุทานหน่อยสิ”ไก่เหลียวไปถามคนหิว “น้องสุรับอะไรดีคะสเต็กหมูหรือไก่ดี

ศักดาเจ้าของร้านเคยเอ่ยอนุญาตไว้ว่าให้พนักงานทานอาหารฟรีในทุกมื้อที่มาทำงาน ซึ่งทำให้ลูกน้องกระตือรือร้นและอยากมาทำงานมากกว่าร้านอื่นร้านนี้จึงมีปัญหาเรื่องขาดคนงานน้อยมาก

“สเต็กหมูก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“รับรองได้ทานฝีมือน้องแก้วแล้วจะติดใจ”พนักงานสาวรุ่นพี่เอ่ยชม พลางยิ้มกว้างเต็มหน้า

“ทานแล้วปลอดภัยแน่ใช่ไหมคะประธานนักเรียนสาวแกล้งทำหน้าไม่เชื่อปรายตามองสาวหน้าคมเหมือนสบประมาทกลายๆ

มันน่าทำให้ทานไหมเนี่ยชิส์

กรองแก้วนึกเคือง

“รับรองว่าทานแล้วไม่ปวดท้องค่ะ แต่อาจจะตายไปเลย”พูดจบสาวแว่นสะบัดหน้า เดินหนีเข้าไปด้านหลังของร้าน หยิบชุดเอี๊ยมของตนที่พาดอยู่กับราวแขวนสวมทับชุดนักศึกษาอย่างคล่องแคล่ว ก้าวเข้าไปทำหน้าที่ของตนในครัว

ขี้งอนเหมือนกันนะเนี่ย

หล่อนยิ้มในหน้า

“น้องสุก็ชอบไปยั่วแก้ว มิน่าแก้วถึงไม่อยากพูดด้วย”ไก่เอ่ยต่อว่ากลายๆ สังเกตเห็นท่าทีของสองสาวที่เหมือนไม่ค่อยกินเส้นกันแต่ดูน่ารักในสายตาของเธอ อาจเพราะไม่เคยมีใครทำให้กรองแก้วที่แสนเฉยชาเปลี่ยนสีหน้า และแสดงอารมณ์ได้มากขนาดนี้มาก่อน

...สุธาสินีเป็นคนแรกที่ทำลายสถิติอย่างราบคาบ

“เวลาสุพูดดีๆน้องแก้วก็ไม่ค่อยจะยอมพูดด้วยนี่คะ” สาวสวยบ่นออกมา

“นั่นสินะ” พนักงานสาวไม่แปลกใจที่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยตัดพ้อต่อว่าสาวแว่น เพราะมีไม่กี่คนที่เธอคนนั้นจะยอมสนิทด้วย“เรื่องธรรมดาค่ะน้องสุ แก้วก็เป็นของเขาแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าเห็นเงียบๆ แบบนี้ ผู้ชายวิ่งใส่หลายคนนะคะ”

จริงอ่ะ!

คนฟังทำหน้าเหลอหลาแอบหวั่นใจว่าเป้าหมายจะโดนตัดหน้า จึงเอ่ยขอคำปรึกษาหลังเห็นว่าไก่แสดงความเป็นมิตรออกมา

“แล้วสุควรทำอย่างไรล่ะคะพี่ไก่?” 

“ยังไงดีนะคนอายุมากกว่าทำท่าคิดก่อนหลิ่วตาให้คู่สนทนา “รุกไปเรื่อยๆ ค่ะ อดทนและจริงใจสุดท้ายแล้วจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น”

ไม่เห็นเข้าใจเลย?

สุธาสินีทำหน้างง กับคำพูดกำกวมของคนตรงหน้า

“ถ้าคิดจะเข้าใกล้แก้ว มากกว่าเพื่อนต้องพึ่งปาฏิหาริย์ค่ะ” คนพูดจงใจเน้นคำว่ามากกว่าเพื่อนเหมือนรู้จุดประสงค์ของสาวสวย

หืม?

คนฟังทำหน้างวยงงอีกรอบ รู้สึกเหมือนว่าไก่รู้อะไรที่ตนไม่รู้

“ก็แค่สัญชาตญาณผู้หญิงน่ะค่ะ”พนักงานสาวตอบยิ้มๆ “คนอื่นจะคิดยังไงพี่ไม่รู้ แต่พี่เชื่อว่าน้องสุไม่ใช่คนเลวร้ายก็แค่นั้นเอง”

พี่ไก่ตีค่าฉันสูงเกินไปหรือเปล่า?

สาวร่างสูงรู้สึกผิดไม่น้อย

แท้จริงแล้ว หล่อนยังไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับกรองแก้วลึกซึ้งแค่ไหวหวั่นและสนใจบ้างเล็กน้อย

ส่วนสาเหตุที่มาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เธอ เพื่อชนะเดิมพันหนึ่งหมื่นบาทเท่านั้น

“เอาน่า พี่เอาใจช่วยน้องสุนะคะขอให้จีบสำเร็จเร็วๆ ถ้าอาหารเสร็จก็เข้าไปทานอาหารที่ครัวได้เลยนะหน้าร้านพี่จัดการเองค่ะ” ไก่ตบไหล่ของหล่อนเบาๆ คว้าเมนูที่อยู่ใกล้ๆก้าวไปหาลูกค้าสองคนที่เพิ่งเข้ามาในร้าน แล้วเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร“ยินดีต้อนรับค่ะ สองที่นะคะ”

ประธานนักเรียนสาวเม้มริมฝีปากแทบเป็นเส้นตรง มองตามไก่ไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก เหมือนโดนจี้ต่อมสำนึกผิดให้กลับมาทำงานอีกครั้งจึงอดที่จะโกรธตัวเองไม่ได้

นี่ฉันทำบ้าอะไรอยู่?

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตาม พี่สุจะไปต่อหรือถอยหลัง?...ต้องตามลุ้นกันต่อไปค่ะ

หนังสือจองได้ทั้งปกแข็งและปกอ่อนค่ะ มีของแถมสำหรับปกแข็งเป็นตุ๊กตาน่ารักๆ ด้วยนะคะ

E-book น่าจะเข้าได้ปลายอาทิตย์นี้ค่ะ

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ

นาง ^^

OoXoO




Create Date : 16 กรกฎาคม 2561
Last Update : 16 กรกฎาคม 2561 17:14:19 น. 0 comments
Counter : 581 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com