ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
สิงหาคม 2561
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 สิงหาคม 2561
 
 
ก็ว่าจะไม่รัก Just You บทที่ ๑๒ (Yuri)



๑๒

“เดินไวชะมัด หายไปไหนแล้ว” กรองแก้วพึมพำ หลังคลาดกับหล่อนที่เห็นแผ่นหลังไวๆกวาดสายตามองซ้ายขวาที่มีต้นไม้ร่มรื่น ซึ่งเป็นส่วนของสถาบันที่ไม่ค่อยแวะมาบ่อยนัก

“ตามมาทำไมเสียงดุๆของสุธาสินีถามมาจากด้านหลัง

สาวแว่นหมุนตัวกลับไปมอง เห็นสาวรุ่นพี่ยืนหน้าบึ้งแก้มข้างหนึ่งมีรอยแดงช้ำปรากฏชัดเจน จึงรู้สึกเจ็บแทน ทั้งที่จริงๆ แล้วร่องรอยนี้ควรอยู่บนหน้าเธอไม่ใช่บนใบหน้าสวยของหล่อน

โดนมือคนหรือเท้าช้างตบล่ะนั่น?

“ฉะ ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณ เจ็บมากไหมคะ?”เอ่ยถามเสียงนุ่ม

ฉันคงดูแย่มากในสายตาน้องแก้วสินะ

สุธาสินีนึกตำหนิตัวเอง สูดหายใจลึกๆเพื่อควบคุมอารมณ์ การแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นไม่ใช่นิสัยของหล่อน จึงฝืนพูดออกมา

“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงแต่พี่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

โกหกไม่เก่งเลยจริงๆ

สาวร่างเล็กมองออกถึงความเป็นคนที่มีอีโก้สูงของอีกฝ่ายจึงไม่คิดเซ้าซี้

“ถ้าคุณไม่เป็นไร งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว”หมุนตัวเหมือนจะก้าวจากไป แต่ว่าข้อศอกถูกรั้งเอาไว้กรองแก้วซ่อนยิ้มในหน้า ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เอี้ยวคอไปถาม “ดึงฉันทำไม

“ถ้าไม่รังเกียจ นั่งเป็นเพื่อนหน่อยสิ”สาวสวยเอ่ยชวนเสียงอ่อนเหมือนขอร้องไม่อยากอยู่คนเดียวกลัวฟุ้งซ่านสติแตก

“ก็ได้ค่ะ” รุ่นน้องทรุดตัวลงนั่งที่ม้าหินใต้ต้นไม้ใหญ่แสงแดดยังไม่ถึงกับร้อนจัด ลมโชยอ่อนๆ “อากาศสดชื่นดีจริงๆ”

หล่อนทรุดตัวนั่งที่ว่างข้างๆ รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่กรองแก้วยอมอยู่ตามคำขอ

“ขอบคุณนะ เรื่องที่เจ็บตัวแทนฉันน่ะ”เธอเปิดเรื่องคุยขึ้นก่อน

“ไม่เป็นไรหรอก พี่ผิดเองที่ไปกวนประสาทแขก่อน”สาวสวยตอบเสียงเรียบ ราวกับเป็นความผิดของตัวเอง

สาวร่างเล็กนิ่วหน้า ปรายตามองคนข้างๆ

“คุณไม่ได้เริ่มสักหน่อยทำไมต้องพูดเหมือนเป็นคนผิดด้วย”

“เพราะการโทษคนอื่นมันไม่ใช่เรื่องดีน่ะสิ” สุธาสินีให้เหตุผลที่ถูกปลูกฝังใส่หัวมาตั้งแต่เด็ก

จะเป็นคนดีเกินไปไหม?

เธอพยายามทำความเข้าใจตรรกะของอีกฝ่าย เข้าใจดีว่า‘ต่อให้ฉลาดแค่ไหนแต่ทุกคนก็มีมุมงี่เง่า เป็นของตัวเอง’

“ก็เลยต้องโทษตัวเองตลอด

“ไม่รู้สิ” หล่อนยักไหล่ ทำหน้าเหลอหลา

ทำหน้ามึนก็เป็นด้วย

กรองแก้วหลุดหัวเราะเบาๆ ออกมา

ร่างสูงโปร่งขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“มีอะไรน่าหัวเราะเหรอ

“ก็แค่ขำคุณน่ะ”

“เรื่อง?”

“ฉันคิดว่าฉันเป็นคนแปลกแล้วนะแต่คุณแปลกยิ่งกว่าเสียอีก”

“ตรงไหนหล่อนอดจะถามออกไปไม่ได้ด้วยไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับตนเลยสักครั้ง

สาวหน้าคมเรียงลำดับความคิดในหัวก่อนพูดด้วยท่าทีสบายๆ

“ฉันมองว่า คุณพยายามทำตัวสมบูรณ์แบบในบางครั้งดูเป็นคนดีเกินไป เหมือนเป็นพวกมนุษย์ในอุดมคติอะไรประมาณนั้น พยายามจะซ่อนความรู้สึกแต่มันก็ปิดไม่มิดหรอกนะ ทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่จริงกำลังเจ็บปวด...เหมือนพวกเด็กเก็บกด”

ฉึก!

สุธาสินีสะดุ้งกับคำพูดแทงใจดำไม่คิดเลยว่าอีกคนจะช่างสังเกต และเห็นบางอย่างในตัวหล่อนชัดเจนกว่าหลายคน โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งเรียนจบสูงระดับปริญญาเอกทั้งคู่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงลิบลิ่วพยายามยัดทุกอย่างที่คิดว่าดีงามใส่สมองของลูกทั้งสอง เพื่อให้ลูกๆเป็นประติมากรรมชั้นเลิศ เลิศที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

...อีกนัยก็ทำเหมือนลูกเป็นร่างโคลนนิ่งของพวกท่านก็ไม่ปาน

ทำไมพูดเหมือนรู้จักฉันดีเหลือเกิน?

“น้องแก้วพูดเหมือนนักจิตวิทยาเลยนะคะ”

“ก็แค่ชอบอ่านหนังสือ ฉันไม่ได้รู้อะไรมากมาย”เธอคลี่ยิ้มบางๆ “สรุปคือเดาถูกใช่ไหม

“ใกล้เคียงค่ะ” คนอายุมากกว่ายอมรับออกมา

“ทำไมต้องทรมานตัวเองแบบนี้ด้วยสาวแว่นอดสงสัยไม่ได้

หล่อนนิ่งคิดหาเหตุผล

“เพราะถูกคาดหวังมาตั้งแต่เด็กและก็ถูกฝึกมาแบบนี้” สาวรุ่นพี่เล่าเหมือนเป็นเรื่องธรรมดามาก ด้วยถูกพ่อแม่วางแผนอนาคตเอาไว้ให้จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า ตนมีชีวิตไม่ต่างจากนกในกรงทองเท่าไหร่ ดูดีสวยสง่า...แต่ว่าไร้อิสรภาพ

“ไม่อึดอัดบ้างหรือไงกับชีวิตที่เลือกไม่ได้แบบนั้น ฝืนทำทั้งที่ไม่ชอบไม่รักนั่นน่ะมันจะดีกับตัวเองจริงๆ เหรอ?” รุ่นน้องเอ่ยถามออกไป

สุธาสินีทำหน้าไม่เข้าใจ

“หมายถึงเรื่องอะไรคะ?”

“คุณลงแข่งไตรกีฬา ทั้งที่ใจจริงคุณชอบกีฬาอย่างอื่นมากกว่า...”เธอดูออกว่าความรักที่หล่อนมีให้กับไตรกีฬาเริ่มเหือดหายไปแล้ว

“รู้ได้ยังไงคะว่าพี่ชอบกีฬาอย่างอื่น?” รุ่นพี่ทำหน้าแปลกใจด้วยมีไม่กี่คนที่รู้ว่า ตนชอบกีฬาอะไรมาก่อนเล่นไตรกีฬา

ตอนเด็ก สาวสวยหลงใหลมอเตอร์ไซด์ทางเรียบมาก หัดขี่และลงแข่งไม่กี่ครั้งแต่ครั้งหนึ่งประสบอุบัติเหตุในสนาม แม้จะได้รับบาดเจ็บไม่มากแต่พ่อแม่เป็นห่วงจึงห้ามไม่ให้ลงแข่งอีก ต่อมาพ่อเสนอให้เล่นไตรกีฬาแทนซึ่งหล่อนก็ยอมทำตาม และลงแข่งเรื่อยมา

...ทว่าลึกๆ ในใจยังคงรักหลงการขับมอเตอร์ไซด์มากกว่า

แย่แล้ว! พลั้งปาก

“ก็แค่เดาๆ น่ะ” สาวแว่นรีบกลบเกลื่อน เฉตามองไปทางอื่น

สาวรุ่นพี่ไม่เชื่อจ้องอีกฝ่ายอย่างจับผิด เลื่อนสายตาไปหยุดที่ต้นคอของกรองแก้วที่มีไฝแดงอยู่เบิกตาโต ชะงักไปเล็กน้อย ก้มมองข้อมือขวาของอีกฝ่ายที่มีนาฬิกาสวมใส่จึงอดสะดุดใจไม่ได้

เหมือนเหลือเกิน...

“อย่าบอกนะคะว่า น้องแก้วเป็นสต๊อกเกอร์คอยตามพี่ด้วย”

กรองแก้วขมวดคิ้ว ยกสองแขนกอดอก ตวัดสายตาคู่คมกริบจ้องอีกคนอย่างหมั่นไส้

“บ้าสิ! ฉันไม่ว่างทำอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอกนะ”

แม้จะคลางแคลงใจอะไรบางอย่าง แต่สาวสวยไม่คิดซักไซ้อะไรตอนนี้จึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

“แล้วน้องแก้วไม่เหนื่อยหรือคะทำงานพิเศษเกือบทุกวัน พอว่างก็ต้องไปช่วยที่ร้านของคุณพ่ออีก”

“เหนื่อยสิแต่มีความสุข เพราะฉันเลือกเองไง” เธอตอบแล้วย้อนถามกลับ “แล้วคุณล่ะ ทำแต่ละอย่างมีความสุขหรือเปล่า

ความสุข?

สาวรุ่นพี่อึ้งไป ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ที่ผ่านมาแค่รับคำสั่งแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำไปเรื่อยๆเท่านั้น ไม่ต่างจากหุ่นยนต์นัก จนความ สุขสดชื่นที่เคยมีหดหายไปอย่างไม่รู้ตัว

“ชีวิตมันสั้นนะ ไม่รู้จะตายวันไหนด้วยซ้ำอยากทำอะไรก็รีบทำเถอะ” สาวแว่นกล่าวแบบปลงๆเมื่อหวนคิดถึงวัฏจักรสิ้นสุดของทุกชีวิตที่ไม่มีหมอดูเทวดาคนไหนสามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ

หญิงสาวมองว่าการใช้ชีวิตตามใจตัวเองโดยไม่เบียดเบียนใครเป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควรทำซึ่งดีกว่าการใช้ชีวิตในกรอบที่มีคนชี้นิ้วบงการ...แม้นว่าผู้บงการนั้นจะเป็นบุพการีก็ตามที

กรองแก้วไม่คิดว่า การไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่เป็นการอกตัญญูหากแต่ถูกบิดาสั่งสอนให้รัก เคารพ และเชื่อมั่นในตัวเองซึ่งเริ่มต้นจากการเลือกลงมือทำในสิ่งที่ตนปรารถนา กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองผิดลองถูกและยืดอกรับผิดชอบกับผลลัพธ์ที่ตามมาก็พอ

“ขอโทษที ฉันพูดจาเรื่อยเปื่อย”ร่างเล็กยิ้มอย่างอายๆ

เวลายิ้มน่ารักมากนะเนี่ย

ร่างสูงโปร่งนึกชมเป็นไม่กี่ครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย ซึ่งปกติชอบทำหน้าเคร่งขรึมเป็นผู้ใหญ่เกินวัย

“ไม่หรอกพี่ชอบฟัง ขอบคุณนะที่ช่วยเตือนสติพี่”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยก็แค่โดดเรียนออกมานั่งเล่น” เธอพูดติดตลกนี่นับเป็นการโดดเรียนไม่กี่ครั้งในรั้วมหาวิทยาลัย

“พูดเสียพี่รู้สึกผิดเลยนะเนี่ย”หล่อนพึมพำ นึกเสียใจที่ชวนอีกฝ่ายนั่งอยู่เป็นเพื่อนทั้งที่มีชั่วโมงเรียน

“นานๆ โดดทีคงไม่เป็นไรมั้ง”สาวแว่นตอบอย่างสบายอารมณ์ ซึมซับบรรยากาศดีๆ เอาไว้ ยกสองแขนเหยียดขึ้นเหมือนลูกแมวบิดขี้เกียจ“อากาศแบบนี้น่านอนชะมัด”

“เมื่อคืนกลับดึกเหรอ

“ถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม” รุ่นน้องตอบเสียงอู้อี้

“ลูกค้าเยอะ

“ช่างที่ร้านหยุดไปคนนึงก็เลยซ่อมไม่ทัน” กรองแก้วยกมือป้องปากขณะหาวออกมา เปลือกตาหนักรู้สึกง่วงนอนขึ้นมากะทันหัน หลังชั่วโมงนอนน้อยกว่าปกติ

สุธาสินีสังเกตเห็นอาการ จึงเอ่ยชวนขึ้น

“กาแฟไหม พี่เลี้ยงเองถือเป็นการขอบคุณ”  

“ขอบคุณที่โดดเรียนแกล้งย้อนถามหน้าตาเฉย

เชื่อเขาเลย

หล่อนส่ายหน้ากับคำพูดกวนประสาท

“ประมาณนั้น”

“คุณเอาตลับแป้งมาไหม

สาวรุ่นพี่ทำหน้างงกับคำถามที่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เอามาค่ะ”

“ทาหน้าหน่อยเถอะ จะได้ไม่ถูกสังเกตรอยแดงมากเลยล่ะ” สาวร่างเล็กบอก ไม่อยากให้หล่อนต้องอับอายจนเกินไป

แดงเยอะเหรอเนี่ย

สาวสวยนึกวิตกใบหน้าตัวเองหยิบตลับแป้งออกมาจากกระเป๋า เอียงหน้ามองกระจก แล้วพบว่ารอยแดงปรากฏบนแก้มลอยโดดเด่นจึงถอนใจออกมา ใช้แผ่นพัฟเกลี่ยแป้งแล้วตบทับทั่วทั้งใบหน้ากลบเกลื่อนร่องรอยจนยากที่จะสังเกตเห็น แล้วทาปากด้วยลิปสติกอย่างว่องไว

แต่งหน้าเก่งจัง แต่งแล้วสวยขึ้นไปอีก...คนอะไร

กรองแก้วนึกชื่นชมในใจ เธอเน้นความสบายรวดเร็วแค่หวีผมแล้วทาแป้งเด็กกระป๋องเป็นอันเสร็จพิธี ขืนให้มาแต่งหน้าทาปากแบบนี้คงกินเวลาไม่น้อย...แถมอาจดูตลกมากกว่าสวยแบบหล่อน

“จะไปกันหรือยัง

สุธาสินีเก็บเครื่องสำอางใส่กระเป๋า หันไปมองอย่างงงๆ

“ไปไหนคะ

“ดื่มกาแฟไง คุณบอกจะเลี้ยงฉันไง”สาวหน้าคมไม่อยากเผลองีบหลับอยู่ตรงนี้การดื่มคาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นขึ้น แม้รู้ว่ามันมีโทษอยู่บ้างแต่ก็เสพติดมันทุกเช้า “ทานเสร็จแล้วก็ไปเข้าเรียนซะนะเป็นถึงท่านประธานรุ่นโดดเรียนเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี รู้ไหม?”

“รับทราบค่ะ” ร่างสูงอมยิ้มในหน้าหลังได้ยินคำเตือนราวกับตนเป็นเด็กรุ่นน้อง ฟังดูแปร่งๆ

...ทว่าทำให้อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

จริงๆ แล้วเป็นคนใจดีมากเลยนะเนี่ย

สองสาวเดินไปยังซุ้มขายของที่มีเครื่องดื่มสารพัดอย่างสั่งกาแฟร้อนคนละแก้ว ก่อนมานั่งที่โต๊ะม้าหิน ซึ่งไม่ค่อยมีคนด้วยเป็นเวลาเรียน

“ขอบคุณนะคะน้องแก้ว” หล่อนเอ่ยขึ้น

“ขอบคุณทำไม?” อีกคนทำหน้างวยงง ที่จู่ๆ ก็ได้ยินคำขอบคุณ “ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณที่เลี้ยงกาแฟ”

“เรา เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมคะ?” สาวสวยโพล่งถามออกมา

“ไม่รู้สิ” สาวแว่นตอบแบบไม่เสียเวลาขบคิด “เป็นเพื่อนกับคนดังแบบคุณไม่ใช่นิสัยของฉันเท่าไหร่”

“ทุกอย่างต้องมีครั้งแรกเสมอ” เอ่ยเหมือนยืนกรานกลายๆ

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ตกลง”

“พี่ก็จะตามตื้อ ถามน้องแก้วไปเรื่อยๆ ค่ะ”

ตื้อชะมัด

ร่างบางนึกบ่นในใจ

“คิดจะเป็นเพื่อนกับฉัน ไม่เสียใจแน่เหรอ?”

“แน่ค่ะ” สุธาสินียืนยันหนักแน่น

“ทั้งๆ ที่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณเนี่ยนะ” ถามหยั่งเชิง

“พี่จะพยายามทำให้น้องแก้วอยากเป็นค่ะ พี่เชื่อว่าพี่ทำได้”สาวสวยตอบหน้าตาเฉย

“คุณดื้อมากเลยรู้ตัวหรือเปล่า?” เธอพูดกึ่งบ่นอย่างเซ็งๆยกมือขึ้นเกาหัว ไม่รู้จะรับมืออีกฝ่ายอย่างไรดี

สาวรุ่นพี่ยกมุมปากน้อยๆ

“แปลว่า เราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม?”

“ตามใจสิ”

“ขอบคุณค่ะ” หล่อนคลี่ยิ้มสวยกว้างเต็มหน้า ดีใจกับความสำเร็จขั้นแรก

ตึกตัก! ตึกตัก!

รอยยิ้มมีผลกับหัวใจกรองแก้ว จู่ๆ ก็เต้นแรงขึ้น กระแทกซี่โครงจนรู้สึกได้จึงรีบเบนสายตามองไปทางอื่น ยกกาแฟในมือขึ้นซดจนหมด

“ไปแล้วนะ ขอบคุณอีกครั้ง” รุ่นน้องเอ่ยลาหลังเสร็จธุระ

“แล้วเจอกันค่ะน้องแก้ว” ร่างสูงส่งยิ้มบางๆ ให้

อีกคนปรายตามอง แต่ไม่ตอบ ลุกเดินตรงไปอาคารเรียนของตน

สาวสวยมองตามแผ่นหลังบอบบางของเธอ ก่อนยกกาแฟขึ้นดื่มจนหมดแล้วไปอาคารเรียนของตนบ้าง ไม่รู้ทำไมสุธาสินีถึงปลอดโปร่งหัวใจขึ้นทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดจาหวานหูหรือพูดปลอบโยนอะไรเลย ติดที่จะกวนบาทาเสียด้วยซ้ำขณะที่นักศึกษาสาวส่วนใหญ่จะพูดจาไพเราะเสนาะหู บางคนก็มาเอาอกเอาใจตนจนเกินเหตุ

…กรองแก้ว ช่างแตกต่างกับคนส่วนใหญ่ที่หล่อนรู้จักชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

เป็นคนแปลก ดูเย็นชา...แต่อบอุ่นอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก

เสพติด

ภายนอกดูแสนเฉยชา

พอคบหาอยากชิดใกล้

แสนอ่อนโยนอบอุ่นใจ

เริ่มหวั่นไหวเสพติดเธอ.

สุธาสินีกลับเข้าห้องเรียนไปในช่วงที่อาจารย์พักเบรกผู้สอนมองหล่อนด้วยสายตาแปลกๆ ปกติประธานสาวไม่เคยที่จะโดดเรียน หรือเข้าเรียนช้ามาก่อนแต่ก็ไม่พูดตำหนิอะไรแค่พยักหน้าอนุญาตหล่อนพนมมือไหว้ขอบคุณก้าวเข้าไปนั่งเก้าอี้ข้างโชติโรจน์

“แกไปไหนมา ฉันเขียนไปก็ไม่อ่านโทรก็ไม่รับ” เพื่อนชายถามอย่างเป็นห่วงสังเกตเห็นสีหน้าอีกคนไม่ค่อยดีนัก คาดว่าต้องไปมีเรื่องอะไรสักอย่าง

พรรณรายชะโงกหน้ามองเพื่อนสนิท แล้วพูดขึ้นบ้าง

“นั่นสิ นึกว่าจะโดดทั้งวันซะอีก”

“เดี๋ยวค่อยคุยนะ” หล่อนเอ่ยตัดบทอย่างสุภาพ

เพื่อนสองคนพยักหน้าอย่างเข้าใจบางเรื่องไม่สะดวกที่จะพูดในที่สาธารณะนัก โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว

กรองแก้วส่งยิ้มแหยๆ ให้อาจารย์ประจำวิชา ที่แจกค้อนวงโตให้เป็นที่ระลึกก่อนก้าวเข้าห้องไปนั่งที่ว่างข้างเพื่อนชาย

“เมื่อกี้อาจารย์ถามถึงแกด้วยนะ”ศักดิ์สิทธิ์กระซิบบอก

“เหรอ”

“ว่าแต่ไปกับพี่สุ ชายหนุ่มรู้จากเสาวรสว่า เพื่อนสนิทคุยอยู่กับสาวรุ่นพี่ตอนก่อนเข้าเรียนแต่คาดไม่ถึงว่า จะสนิทสนมกันรวดเร็วถึงขั้นโดดเรียนหายไปเป็นชั่วโมง...เป็นเรื่องที่เขาคันหัวใจอยากรู้ไม่น้อย

“อืม…” ขานรับเสียงต่ำในลำคอไม่คิดจะปิดบังอะไร หญิงสาวมองเป็นเรื่องธรรมดา หยิบสมุดหนังสือปากกาออกมาวางเพื่อเตรียมตัวเรียนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

หายไปนานแบบนี้ เฮ๊ย! อย่าบอกนะว่าแกโอเคกับพี่เขาแล้ว

ศักดิ์สิทธิ์ทำหน้าแตกตื่น ยิ่งกว่าดูหนังผีเสียอีกอดใจไว้ไม่ไหว จึงเลียบๆเคียงๆ ถามออกไป

“คุยเรื่องอะไร

สาวแว่นเหลียวหน้าไปมอง

“แกเป็นคนเซ้าซี้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“ก็ฉันอยากรู้นี่” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อยๆ

“ก็คุยธรรมดานี่แหละ” ตอบเสียงเรียบ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร “คุณเลี้ยงกาแฟฉันแก้วนึงดื่มเสร็จก็กลับมาเรียนนี่ไง”

คุยแล้วก็ดื่มกาแฟ?

เขานึกทวนคำอธิบายในใจ

“แค่นั้น

ทำไมต้องถามเยอะแยะแบบนี้ด้วย?

กรองแก้วทำหน้างงไม่เข้าใจว่าเพื่อนสนิทคิดไปไกลขนาดไหน

“ก็แค่นั้น แล้วจะให้ไปทำอะไรหญิงสาวย้อนถาม

หนุ่มร่างใหญ่ไม่เห็นอีกฝ่ายมีท่าทีผิดปกติ จึงพ่นลมหายใจยาวๆออกมา แล้วพึมพำกับตัวเอง

“สงสัยฉันจะคิดมากไปเอง”

เพี้ยนอะไรอีกแล้วเนี่ย

สาวแว่นส่ายหัวอย่างระอาใจ ไม่คิดจะซักไซ้อะไรมากความหันไปสนใจอาจารย์ที่เริ่มอธิบายบทเรียนหน้าชั้น

เสาวรสที่นั่งอีกด้านของห้อง เหลือบตามองกรองแก้ว นึกเดาว่าเพื่อนเธอหายไปกับพี่สาวของตน...น่าจะเป็นเรื่องดีมากกว่าร้าย

น่าจะปรับความเข้าใจกับแก้วเรียบร้อยแล้วฝีมือไม่เบาเลยนะคะคุณพี่

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตาม

E-book โหลดซื้อได้ที่ MEB ส่วนหนังสือจองได้ถึง 10 สิงหาคม 2561 ค่ะ

นาง ^^

OoXoO




Create Date : 07 สิงหาคม 2561
Last Update : 7 สิงหาคม 2561 20:37:21 น. 0 comments
Counter : 519 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com