เนื้อเพลง น้ำค้างตอนเช้า
อยู่คนเดียว นอนมองดูฟ้า ด้วยความสงสัย
ว่าทำไมคนเรา ถึงต้องมีความเหงา
ชีวิตก็ยากอยู่แล้ว ไม่เคยเป็นของเรา
ทุกครั้งยังมีเรื่องราว ที่มันซับซ้อนให้ทำมากมาย
แต่ละวันวงจรชีวิต ก็ดูซ้ำซ้ำ
ก็ต้องทำทำทำ และต้องทำต่อไป
บางครั้งเหมือนฉันไม่รู้ ฉันจะทำเพื่อใคร
เหมือนฉันไม่มี จุดหมายที่ใจเฝ้าคอย
อยากรู้เหมือนกัน ว่าฉันมันเหงา อะไรมากมาย
อยากรู้ทำไม ฉันจึงเหมือน ดั่งคนเลื่อนลอย
กับภาระที่ฉันต้องรับมา เวลาที่มีก็น้อย
แต่ใจยังคอย จะเหงาทุกทีที่เผลอ
เบื่อความจริง รอคอยความฝัน ทุกวันเช่นนี้
แต่ไม่มีใครเลย ที่จะมาให้เจอ
เป็นเหมือนน้ำค้างตอนเช้า ที่ยังนอนละเมอ
แล้วแสงตะวันก็เผาให้แห้งไป
อยากรู้เหมือนกัน ว่าฉันมันเหงาอะไรมากมาย
อยากรู้ทำไม ฉันจึงเหมือนดั่งคนเลื่อนลอย
กับภาระที่ฉันต้องรับมาเวลาที่มีก็น้อย
แต่ใจยังคอยจะเหงาทุกทีที่เผลอ
เบื่อความจริง รอคอยความฝันทุกวันเช่นนี้
แต่ไม่มีใครเลยที่จะมาให้เจอ
เป็นเหมือนน้ำค้างตอนเช้า ที่ยังนอนละเมอ
แล้วแสงตะวันก็เผาให้แห้งไป
นี่หรือชีวิตของฉัน ที่ยังคงละเมอ
และแล้ววันหนึ่งชีวิตก็แห้ง ไป
และแล้ววันหนึ่ง ชีวิตก็แห้ง ไป
บทเริ่มของน้ำค้างระหว่างค่ำ
แต้มหยดน้ำเกาะผนึกตามพฤกษา
ไร้แววพร่างกลางแสงแห่งจันทรา
รอเวลารับแดดอ่อนตอนอรุณ
พร้อมวาดหวังรังรองของชีวิต
เมื่อใช้สิทธิโลมไล้ไอแดดอุ่น
แสงทองที่ทาบฟ้าอ่าละมุน
จะเกื้อหนุนให้น้ำค้างพร่างประกาย
จนก่องเก็จเพียงแก้วเพริศแพรวแสง
อวดค่าแห่งเพชรน้ำค้างอย่างเฉิดฉาย
ล้อริ้วลมด้วยทีท่าที่ท้าทาย
สะท้อนพรายแดดระยับงามจับตา
โดยเปลวแดดอุ่นอ่อนตอนเช้าตรู่
สัมผัสสู่น้ำค้างสร้างคุณค่า
น้ำค้างซึ่งเป็นหยดน้ำธรรมดา
กลับเจิดจ้าจนใครใครหลงใหลมัน
แล้วโลกซึ่งความพอดีมีไม่มาก
ก็เริ่มลากเส้นผ่านการแปรผัน
ชีวิตของน้ำค้างตอนกลางวัน
ถูกผลักดันสู่บทหมดประกาย
ต้อนรับการเผาไหม้ให้เหือดแห้ง
ท่ามกลางแสงแดดจ้าเพลาสาย
แดดที่ย้อมน้ำค้างให้พร่างพราย
ได้ทำลายน้ำค้างลงอย่างเคย
อ่านแล้วก็แฝงไปด้วยหลักไตรลักษณ์ ใช่มั้ยคะที่ทุกสิ่งล้วน อนิจจัง (ไม่เที่ยง) เพราะ ทุกข์ขัง (ทนอยู่ได้ยาก/unstable equilibrium) และเพราะ อนัตตา (ไม่มีตัวตน เป็นเพียงโมเลกุลที่คุมรูปรวมตัวขึ้นมา) อะไรทำนองนี้ค่ะ มณีว่าจะ พิจารณาอย่างนี้นะคะ ตอนมองน้ำค้าง คิคิ แต่ตื่นสายค่ะ เลยไม่เห็นน้ำค้าง เลย