Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
18 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
18 เมย 53 เที่ยวเนปาล ตอนที่ 1

ไปเที่ยวเนปาล มีเรื่องราวมากมาย ที่อยากเขียนเล่าในบันทึก
เนปาลให้อารมณ์ความรู้สึกแก่ฉันแตกต่างกว่าทุกที่ๆฉันเคยไปมา
จนถึงวันนี้ กลับถึงเมืองไทยแล้ว แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าจิตใจภายในของฉันคงยังเดินท่องเที่ยวอยู่ที่นั่น

น่าแปลก ที่การไปเที่ยวครั้งนี้กระทบกระเทือนใจฉันอย่างมาก
แม้แต่สรรพนามที่เคยเขียนว่า “เรา” เพื่อเขียนเล่าแทนตัวให้คนอื่นอ่านด้วย
คราวนี้ก็ต้องเปลี่ยนเป็น”ฉัน” เพื่อเอาไว้กลับมาอ่านเองวันหลัง เป็นการรำพึงกับตัวเอง

ฉันพบเรื่องประหลาดใจอยู่หลายอย่าง
-เด็กหนุ่มที่มาพาไปเดินดูเล่าเรื่องวัด ปศุปตินาถ
-ความรู้สึกคุ้นเคยเมื่อเดินวนรอบเจดีย์สวยมภูวนาท
-และความฝันเมื่อสักครู่ซึ่งปกติฉันแทบจะไม่เคยฝัน แม้บางครั้งอยากรู้อยากทราบบางเรื่องราวไม่ว่าจะหลับหรือตื่น

สายวันนี้ฉันนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จากการเดินทาง และ อาการถ่ายท้อง (แม้จะพยายามระมัดระวังการทานอาหารและน้ำเฉพาะที่จัดให้ แล้วก็ตาม )คงรับเชื้อโรคที่รุนแรงมาจากเนปาล ก่อนกลับในหนังสือพิมพ์ที่เนปาลลงข่าวการระบาดของอหิวาต์มีคนเสียชีวิตแล้วหนึ่งคน ฉันถ่ายติดต่อกันมาสามวัน แม้ทานยาปฏิชีวนะอาการได้แต่ทุเลาแต่ก็ยังไม่หายขาด

ฉันฝันเห็นตัวเองเป็นเด็กชายวัยรุ่น เดินเที่ยวอยู่ตามหมู่บ้านในเนปาล มีชายสูงอายุคนหนึ่งพาเดินเที่ยว แกดีกับฉันมากจนรู้สึกรักและผูกพัน แกพาไปดูเจดีย์แบบระฆังคว่ำที่สวยงามอีกหลายแห่ง ในฝันฉันยังสงสัยว่าทำไมไกด์ ถึงไม่พาไปดูเจดีย์เหล่านี้ ทั้งที่สวยและยังมีอยู่อีกมากมาย ระหว่างที่เดินไป เที่ยวกับลุง อย่างเพลิดเพลิน มีชาวบ้านทะเลาะกัน ลุงถูกลูกหลงปืนยิงเข้าที่บริเวณท้อง ฉันเห็นลุงทรุดลงไปมีเลือดไหล มีคนเข้ามาช่วยพาลุงลงนอนกับเสื่อสีแดงดำ ฉันสงสัยทำไมเขาไม่พาลุงไปหาหมอที่รพ. แต่ฉันยังไม่โตมากฉันได้แต่ดู เห็นลุงลงนอนสบายขึ้น ฉันลงนอนเป็นเพื่อนกับลุงและหลับไป เมื่อตื่นฉันพบว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียวบนเสื่อสีแดงดำนั้น ไม่พบลุงในฝันฉันเสียใจมากและเข้าใจแล้วว่าอารมณ์ที่ได้รับจากการตายของคนที่เรารักและผูกพันเป็นยังไง แล้วตัวจริงของฉันก็ตกใจตื่น

ฉันทบทวนเรื่องราวการปฏิบัติธรรมของฉัน ฉันเคยพิจารณา มรณานุสติ

เมื่อสองวันก่อนฉันไปดูการเผาศพที่วัดปศุปตินาถ ฉันเห็นญาติผู้เสียชีวิตหลายคนปิดหน้าร้องไห้อยู่โดยรอบ ( ที่นั่นต้องทำพิธีให้เสร็จภายใน 24 ชม.หลังเสียชีวิต ) ตอนนั้นฉันพยายามจินตนาการและเข้าใจมันให้ลึกซึ้งว่า ความทุกข์จากการตายของคนที่รักผูกพันเป็นยังไง แต่จินตนาการไปไม่ถึงเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ ได้แต่เข้าใจโดยหลักการ ทั้งอวิชชาเป็นต้นเหตุทั้งหมด ในการเกิดรูปนาม มีอุปาทานให้เป็นอะไรต่างๆ เป็นเราเป็นของเรา แต่คงยังไม่เข้าถึงตัวตนจิตใจที่แท้จริง วันนี้จากความฝันทำให้ฉันรับทราบอารมณ์ความทุกข์จากการตายของบุคคลอันเป็นที่รักได้อย่างถ่องแท้ รวมทั้งความเปล่าเปลี่ยว วังเวง ซึ่งฉันคงนำมาเป็นแง่มุมให้พิจารณาละถอนสิ่งที่ยังค้างคาต่อไปได้


บันทึกวันนี้เขียนในส่วนที่กระทบกระเทือนและประทับใจในเนปาลก่อน เรื่องธรรมชาติอันสวยงามหรือสิ่งที่เป็นศิลปวัฒนธรรม น่าสนใจ จะค่อยลงบันทึกภายหลังเมื่อมีเวลา


ก่อนไปฉันศึกษาจากหนังสือหลายเล่ม มีข้อมูลว่าประเทศเนปาลเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดอันดับ 7 ของโลก แต่นั่นก็ไม่ซาบซึ้งเท่ากับที่ไปสัมผัส



สนามบิน “ตรีภูวัน” ชื่อเพราะจัง ตั้งชื่อตามกษัตริย์ที่สร้างสนามบิน เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเพราะอยู่ที่เมืองกาฐมาณฑุซึ่งเป็นเมืองหลวง




เมื่อเครื่องถึงพื้น เราลงบันไดเครื่องบิน เดินมาตามพื้นของสนามบินจนถึงอาคาร ภายในอาคารค่อนข้างร้อนเพราะไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีเครื่องบินขึ้นลงน้อยมาก



เดินออกมาขึ้นรถ สภาพบรรยากาศภายนอก มีรถรับจ้างจอดรอผู้โดยสาร เป็นรถขนาดเล็กและค่อนข้างเก่า ไม่มีเครื่องปรับอากาศ รถบัสของฉันสภาพดีมากอยู่ด้านซ้ายของภาพ เขียนว่า tourist แต่ฉันก็ยังไม่ชอบใจเพราะมีการแบ่งกั้นส่วนคนขับออกจากส่วนผู้โดยสารด้วยผนังและกระจก ซึ่งไม่เคยเห็นมีทำกันในรถบัสท่องเที่ยวของประเทศอื่นๆ ในขณะที่เราคอยขอให้คนขับเร่งแอร์ให้เย็นมากขึ้น ส่วนคนขับและเด็กรถกลับไม่ได้รับความเย็น และต้องเปิดกระจกเพื่อระบายอากาศร้อน ไกด์เล่าว่าคนที่นี่แบ่งชั้นกันค่อนข้างมาก คนขับและเด็กรถจะไม่สามารถเข้าไปในบริเวณโรงแรมได้เลย ไม่ว่าโรงแรมที่ใด ก็คงทำนองเดียวกับที่ฉันเห็นภาพว่าแม้แต่อากาศก็ไม่สามารถมาใช้อากาศเย็นร่วมกับผู้โดยสารได้ น่าเศร้าจริงๆ



แหงนมองเมฆบนท้องฟ้า เมฆที่กาฐมาณฑุอยู่บนท้องฟ้าเดียวกับเมืองไทย หน้าตาก็เหมือนเมฆที่เมืองไทย

เนปาลขาดแคลนน้ำ ไม่มีทางออกติดทะเล ชาวบ้านใช้น้ำบาดาล แต่ละหมู่บ้านขุดบ่อบาดาลใช้ร่วมกัน ตามถนนที่ผ่านไปมักพบเป็นบ่อและมีคันโยก แต่ที่น่าเศร้าใจมากคือ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณ เมืองโบราณ บักตะปูร์ และปาทัน ซึ่งอยู่ห่างจากกาฐมาณฑุไม่กี่กิโลเมตรนั่น ยังมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตจริงๆ





ได้เห็นผู้หญิงยืนรายรอบบ่อดาล ฉันชะโงกลงไปมอง ไม่สามารถถ่ายรูปภายในบ่อได้ เพราะกลัวว่าไม่ฉันก็กล้องถ่ายรูปอาจตกลงไป บ่อน้ำลึกมาก ประมาณ 15 เมตรน่าจะได้ ภายในมีกระป๋องน้ำมันเครื่องนอนตะแคงอยู่เต็มพื้นบริเวณก้นบ่อ ด้านบนของกระป๋องพลาสติกนั้นถูกตัดให้เป็นช่องและผูกเชือกปอสีน้ำตาลไว้กับหูกระป๋อง เพื่อรอน้ำที่ซึมออกมาที่ก้นบ่อ ฉันมองไปมองเห็นน้ำมีน้อยมาก แต่ละกระป๋องไม่มีน้ำ มีแต่การยืนรอคอยโดยไม่มีกำหนด นานๆทีจะเห็นผู้โชคดีได้สาวเชือกขึ้นมามีน้ำติดก้นกระป๋องมาเพียงเล็กน้อยเพื่อเทเก็บใส่ถังที่บนดิน





ที่เมืองโบราณปาทัน ไม่ต้องสาวน้ำจากบ่อลึก แต่มีบ่อน้ำสาธารณะมีท่อต่อออกมา น้ำสายเล็กไหลอย่างช้าๆลงในภาชนะที่รออยู่ฉันเก็บภาพชาวบ้านต่อคิวรอน้ำโดยการเอากระป๋องมารอกันยาวเหยียด

วันที่ไปเห็นภาพนี้ฉันกำลังมีอาการท้องเสียค่อนข้างรุนแรง ไกด์บอกมีห้องน้ำที่ใน Patan museum ถามคนที่เข้าไปก่อนหน้าบอกว่า เป็นห้องสุขา มีที่รองรับแต่ไม่มีน้ำทำความสะอาด ฉันถามคนดูแลmuseum ขอห้องน้ำที่มีน้ำ เขาบอกเป็นปกติ ไม่มีน้ำหรอก อารมณ์นั้น ใจฉันอุทาน โอ้ว จอร์จ สิ่งที่ฉันกังวลมันก็เป็นจริง วันนั้นฉันได้ฝึกความอดทนต่อสู้สงครามกับข้าศึกภายในที่พยายามจู่โจมอย่างมาก ถึงมากที่สุด เพราะไม่ได้ไปเข้าสุขา ไม่กล้าเผชิญกลิ่นและไม่กล้าทิ้งร่องรอย เกรงใจคนอื่น
เมื่อมาใช้น้ำที่โรงแรม ฉันพยายามใช้น้ำให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเพราะภาพชาวบ้านที่ขาดแคลนน้ำทำให้ฉันอยากแบ่งปันน้ำที่ฉันมีโอกาสจะใช้ให้พวกเขาบ้าง ฉันไม่ได้ใช้ผ้าเช็ดตัวของรร. ใช้จานชามและส้อมให้น้อยที่สุด อาบน้ำให้น้อยลงเท่าที่จำเป็นโดยใช้สบู่และน้ำให้น้อยเท่าที่ทำได้ รับประทานอาหารแค่พอระงับความหิว แม้ว่าพืชผักที่นี่จะอุดมสมบูรณ์มีปลูกกันทั่วไป แต่ขั้นตอนกว่าจะนำมารับประทานได้ต้องผ่านการทำความสะอาดอย่างมาก เพราะใช้มูลสัตว์และคนด้วยมั้งเป็นปุ๋ย (ไม่มีการใช้สารเคมีเพราะราคาแพง ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ทุกอย่างได้จากธรรมชาติ ) เพื่อลดภาระการใช้น้ำทำความสะอาดแก่ของเหล่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ถ้าฉันไม่เคยมาพบเห็นความขาดแคลนน้ำจนทราบซึ้งขนาดนี้ ฉันก็ไม่เคยมีนิสัยที่จะจัดทำหรือประหยัดน้ำมากขนาดนี้มาก่อน เพราะพวกเราคนไทยไม่ขาดแคลนเท่าใดนัก มีแม่น้ำที่สะอาดหลายสาย



ฉันเก็บภาพแม่น้ำ”บักมาติ” ระหว่างที่รถแล่นผ่านจึงไม่ค่อยชัดนัก แม่น้ำนี้เป็นแม่น้ำสำคัญใจกลางเมืองกาฐมาณฑุ เหมือนแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ภาพที่เห็นมันเป็นน้ำเน่าแท้ๆสีดำทั้งสาย มีแต่ขยะเต็มแม่น้ำ มองหาสายน้ำแทบไม่เห็น เมื่อรถแล่นผ่านมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งติดจมูกเข้ามาภายในรถที่ปิดหน้าต่างไว้ แสดงว่าถ้าเปิดหน้าต่างมันต้องเหม็นมากๆ
แต่ถึงฉันจะเห็นว่ามันเป็นน้ำเน่าแท้ๆ ประชาชนที่นี่ก็ยังให้ความสำคัญเหมือนแม่น้ำคงคาของอินเดีย พิธีการสำคัญล้วนมาทำที่ริมแม่น้ำนี้ ไกด์เล่าว่า ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีจะเป็นฤดูกาลแต่งงานของคนที่นี่ จะมีพิธีหมู่ของสตรี เพื่อทำความสะอาดอวัยวะของสตรีหลังการแต่งงาน แม่หรือพี่สาวจะพาเจ้าสาวลงไปในแม่น้ำนี้และวักน้ำในแม่น้ำนี้ล้างอวัยวะให้ครบ 365 ครั้ง และทำกันที่บริเวณวัดปศุปตินาถ ซึ่งเป็นบริเวณที่เผาศพของทุกคนที่นี่นั่นเอง





วัดปศุปตินาถ หรือวัดหลังคาทอง เป็นวัดสำคัญของคนทุกชนชั้นในการทำพิธีศพ เมื่อไกด์หญิงเดินไปถึงเธอคงเครียดมาก เงียบและน้ำตาไหล ปล่อยให้พวกเราเดินชม การเดินชมนั้นมีนักท่องเที่ยวและชาวบ้านมากมายเดินไปอีกฝั่งแม่น้ำตรงข้ามวัด ( แม่น้ำกว้างประมาณ 20 เมตร) เรามองไปฝั่งตรงข้ามเพือดูพิธีการจัดการศพตั้งแต่เริ่มต้น เห็นมีแท่นสี่เหลี่ยมริมแม่น้ำ หลายแท่น แต่ละแท่นมีศพวางอยู่บนฆาต และไฟกำลังลุกบ้างหรือมอดแล้วก็มี ฝั่งแม่น้ำนี้มีคนมากมายมาชมกันเหมือนเป็นเรื่องปกติ รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาติต่างๆ แต่ไม่ได้เดินข้ามฟากแม่น้ำไปเพื่อให้เกียรติแก่ญาติ





ฉันเดินเลาะริมแม่น้ำจากถนนใหญ่เข้าไปด้านในเรื่อยๆ มีเด็กเนปาลหนุ่มคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาและชี้ชวนให้ดูวิธีการทำศพ ฉันควรเรียกว่าเขาสอนฉันมากกว่าการเล่า เพราะเขาเล่าไปและถามฉันไปด้วยราวกับฉันเป็นเด็กนักเรียนที่เขาต้องสอนให้ฉันเข้าใจ ระหว่างการสอนเขาจ้องเข้ามาในดวงตาเหมือนอยากให้ฉันรับรู้รับทราบเข้าไปถึงจิตใจ เขาชี้ให้ฉันดูแท่นอันแรกที่ทุกศพจะต้องนำมาทำความสะอาดที่นี่ เพราะตำแหน่งนี้มีท่อน้ำต่อมาจากน้ำที่ทำความสะอาดศิวลึงค์ซึ่งถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์อยู่ใจกลางเจดีย์ทองคำ แต่ละเช้าคนจะนำน้ำนมมาสักการะ และน้ำนี่เองที่ต่อท่อมาลงตรงตำแหน่งที่ทำความสะอาดศพได้พอดี เท่ากับว่าศพได้รับการชะล้างด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์หรือใครก็จะมาชะล้างที่จุดนี้ทุกคน ที่ต้องมาทำพิธีกรรมริมแม่น้ำเพราะแต่ละคนประกอบด้วยธาตุ 5 อย่าง เพิ่มท้องฟ้า ทั้งหมดจะกลับคืนสู่สภาพเดิม น้ำก็ลงแม่น้ำ ดิน ลมไฟ ท้องฟ้าทั้งหมดอยู่ที่นี่ เขาให้ฉันดูที่เผาศพของกษัตริย์ซึ่งก็คือแท่นสี่เหลี่ยมอันแรก ไม่ว่าฐานันดรใดก็เอาอะไรไปไม่ได้แยกออกเป็น5 ธาตุเหมือนกันที่บริเวณนี้ ที่พักของคนก่อนตายที่วัดนี้ ที่อยู่ของ holyman ในถ้ำข้างๆวัด ดูฤาษีอายุ 103 ปี ดูศาลาอวัยวะชายหญิง 11 ศาลาเท่าจำนวนมเหสีของกษัตริย์ที่สร้าง อธิบายหลักการของธงและมนตราของชาวทิเบต ภายในธงเขียนมนตราไว้ทำให้เมื่อลมพัดบริเวณโดยรอบจะได้รับความศักดิ์สิทธิ์จากมนตรานั้นไปด้วย วันนี้ฉันรู้สึกดีที่ได้ให้เงินเพื่อตอบแทนคำบรรยาย ให้เขาได้นำไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นและเพื่อการสละออกของตัวฉันเอง





Create Date : 18 เมษายน 2553
Last Update : 19 เมษายน 2553 20:05:27 น. 3 comments
Counter : 2949 Pageviews.

 
ตามมาเที่ยว เนปาลด้วยคน

ทำให้นึกถึงว่าครั้งหนึ่งเคยไปแวะเนปาลและขึ้นเครื่องบินเล็ก
ผ่านภูเขาหิมาลัยมาลงที่อินเดีย

เลยนำรูปเพื่อนๆในกรุ๊ปที่เคยไปมาอวดซะเลย



โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:11:37:40 น.  

 
ขอบคุณภาพ คุณยายเก๋าค่ะ
และขอบคุณ คุณมณี เรื่อง พิจารณาไตรลักษณ์นะคะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:19:35:55 น.  

 
ถ่ายรูปเมฆมาฝากด้วยดีจัง ค่ะ
-เนปาล คงได้รับความเชื่อเรื่องวรรณะมาจากอินเดีย มาเยอะนะคะ เคยอ่านข่าวว่า ในต่างประเทศ เพื่อป้องกัน ผู้โดยสารจี้รถแท๊กซี่ (และเพื่อป้องกันรถแท็กซี่จี้ผู้โดยสาร) รถแท๊กซี่ ต่างประเทศก็จะทำผนัง หรือลูกกรงกันระหว่างคนขับและผู้โดยสารค่ะ แต่นี่เป็นรส นำเที่ยว ที่ทำแบบนี้

- แม่น้ำ ”บักมาติ” ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีจะเป็นฤดูกาลแต่งงานของคนที่นี่ จะมีพิธีหมู่ของสตรี เพื่อทำความสะอาดอวัยวะของสตรีหลังการแต่งงาน แม่หรือพี่สาวจะพาเจ้าสาวลงไปในแม่น้ำนี้และวักน้ำในแม่น้ำนี้ล้างอวัยวะให้ครบ 365 ครั้ง
- ว้าย ไม่อยากจะคิดเลยค่ะ ดูจากสภาพแม่น้ำแล้ว ถ้าเอามาล้างอวัยวะ มีหวังอวัยวะ ต้องติดเชื้อแน่ๆ คงเป็นผลมาจาก น้ำเสียจากบ้านเรือน โรมแรม โรงงานอุตสาหกรรม นะคะ

ที่ไกด์ พาดู การเผาศพ การตาย ลองนึกย้อนภาพแล้ว ยกระดับจิต ให้พิจารณา เพื่อเข้าถึง ไตรลักษณ์ ก็จะเข้าสู่วิปัสสนาญาณ ได้ค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 12 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:17:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.