Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
10 ธค 52 ปลูกต้นยี่หุบ





           วันว่างซื้อต้นยี่หุบมาปลูกเพิ่มอีกต้นหนึ่ง  ต้นเดิมโตกว่านี้ แต่ยิ่งปลูกยิ่งเฉาเพราะปลูกในที่แดดมากเกินไป  มาทราบภายหลังว่ายี่หุบไม่ชอบแดดจัด ต้องปลูกในบริเวณที่ค่อนข้างร่ม จึงจะงามดี เมื่อวานไปพบที่ร้านต้นไม้ซื้อมาปลูกเพิ่มค่ะ
           ยี่หุบเป็นต้นไม้ตระกูล จำปี จำปา ฝรั่งเรียก Magnolia ชอบอากาศค่อนข้างเย็น


 
             ต้นยี่หุบเป็นต้นไม้ในวรรณคดี  มีชื่อในบทเห่กล่อมเรื่องพระอภัยมณี บทประพันธ์ ของ สุนทรภู่ ช่วงที่ 2 ตอนนางสุวรรณมาลีบวช โดยมีสินสมุทรและอรุณรัศมีบวชตามมาอยู่ด้วย


เห่เอยเห่กล่าว ถึงพระดาวบศนี
องค์สุวรรณมาลี บวชด้วยมีศรัทธา
กับสินสมุทรสุดสวาท อรุณราชนัดดา
อยู่เขารุ้งปลายทุ่งนา ออกนั่งหน้ากุฎี
แบ่งส่วนกุศลผลบุญ ให้องค์อรุณรัศมี
สาวสุรางค์นางชี แต่ล้วนมีศรัทธา
ตัดรักชักประคำ พึมพำภาวนา
เงียบสงัดวัดวา พระสุริยาเย็นรอนรอน
ชนีน้อยห้อยโหย วิเวกโหยวิงวอน
จิ้งจอกออกหอน นกนอนรังเรียง
เริงร้องซ้องแซ่ คลอแคลกรีดเสียง
น่าดูเป็นคู่เคียง แอ่นเอี้ยงแอบอิง
แม่นกกกกอด ลูกพลอดวอนวิง
แจ้วแจ้วแก้วกะลิง จับที่กิ่งไทรทอง
นั่งชมโสมนัส กับหน่อกษัตริย์ทั้งสอง
พลบค่ำย่ำฆ้อง เดือนส่องสว่างตา
หอมดอกไม้ใกล้กุฏิ สายหยุดมะลิลา
ยี่หุบบุปผา แย้มผกากลิ่นขจร
เย็นยะเยียบเงียบสงัด พระพายพัดมาอ่อนอ่อน
หึ่งหึ่งผึ้งภมร เชยเกสรสุมาลี
นิ่งระงับหลับตา อุตส่าห์รักษาอารมณ์
ถึงหอมระรื่นไม่ชื่นชม ตามเพศพรหมจรรย์ เอยฯ


         สาเหตุการบวชของนางสุวรรณมาลี  เนื่องจากนางสุวรรณมาลีไม่ยอมอภิเษกกับพระอภัยมณีเพราะนางเห็นว่า พระอภัยมณีใจโลเล ขี้ขลาด ไม่กล้าตัดสินใจเมื่อเกิดปัญหากับอุศเรน ทำให้นางต้องอับอายขายหน้า นางจึงออกบวชเป็นชี พระอภัยมณีพยายามอย่างไรก็ไม่ประสบผลจนกระทั่งได้นางวาลี หญิงเจ้าปัญญาแต่รูปชั่วมาช่วยวางแผน จึงได้อภิเษกกับนาง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พระอภัยมณีจึงได้ศรีสุวรรณและสินสมุทร เดินทางกลับไปเยี่ยมท้าวสุทัศน์ที่เมืองรัตนา





          พระอภัยมณี ชายเจ้าเสน่ห์แห่งโลกวรรณกรรม


        สุนทรภู่ ใช้เวลาการเขียนนิทานคำกลอนเรื่อง พระอภัยมณี ทั้งสิ้นราวๆ20ปี (2366-2388) ในยุคสมัยรัชกาลที่3  เสน่ห์ของเรื่อง พระอภัยมณี ตัวละครเอก มีรูปโฉมหล่อเหลา ทรงเสน่ห์เป็นอย่างมาก เป็นเจ้าชายที่ถูกขับออกจากราชวงศ์ เนื่องจากไปร่ำเรียนวิชาปี่ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ ตัวละครหญิงสาวในเรื่องต่างก็พากันมารุมหลงไหลคลั่งไคล้ พระอภัยมณีมีเมียถึง 5 คน ที่มีทั้ง ยักษ์ นางเงือก เจ้าหญิง หญิงทรงปัญญา และแหม่มฝรั่ง ซึ่งก็น่าจะแฝงในเรื่องของค่านิยมของคนในสมัยก่อน ที่ยอมรับผู้ชายที่มีเมียหลายคน เนื่องจากตัวสุนทรภู่เองก็มีนิสัยเจ้าชู้



คนแรกคือ นางผีเสื้อสมุทรนางลักพาตัวไปพระอภัยมณี แล้วแปลงกายเป็นหญิงสาวสวยงาม แม้พระอภัยจะรู้แต่ก็ขัดขืนไม่ได้ มีลูกด้วยกันคือ สินสมุทร



คนที่สอง คือนางเงือก พระอภัยมณี ก็ได้พบกับนางเงือก จึงขอให้ช่วยพาหนี พระอภัยฯ สินสมุทรและนางเงือกจึงหลบนางผีเสื้อสมุทรไปอยู่ที่เกาะแก้วพิสดาร ซึ่งมีฤๅษีที่มีฤทธิ์มากคอยปกป้อง ระหว่างอยู่บนเกาะนี้เองพระอภัยได้ใช้เพลงปี่จีบนางเงือก แต่นางเงือกได้ปฏิเสธในคราวแรก บอกว่า คนกับปลาจะรักข้ามสายพันธุ์ได้ไง พระอภัยมณีที่รูปหล่ออยู่แล้ว จึงใช้คารมช่วยอีกหน่อย โดยกล่าวว่า


“ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย


นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน”


นางเงือกได้ฟังก็เคลิ้มไป มีลูกกับนางเงือก คือ สุดสาคร


คนที่สาม คือ นางสุวรรณมาลีลูกสาวแสนสวยของ ท้าวสิลราช เจ้าเมืองผลึก ได้ฝันเห็นเกาะในทะเล โหรทำนายว่าหากออกเดินทางในทะเลจะได้ลาภ ทั้งหมดจึงออกเดินทาง ระหว่างทางเจอพายุเรือถูกพัดมาที่เกาะแก้วพิสดาร พระอภัยมณีกับสินสมุทรจึงขอติดเรือไปด้วย แต่ออกจากเกาะไม่ทันไรก็พบกับนางผีเสื้อสมุทรซึ่งอาละวาดจนเรือล่ม ท้าวสิลราชสิ้นชีพ พระอภัยมณีจำต้องเป่าปี่สังหารนางผีเสื้อสมุทร



พระอภัยพานางสุวรรณมาลีกลับเมืองผลึก นางมณฑาเต็มใจยกทั้งเมืองและลูกสาวให้พระอภัยมณี นางสุวรรณมาลีจึงเป็นเมียที่เป็นมนุษย์คนแรก มีลูกสาว2คนคือ สร้อยสุวรรณ จันทรสุดา ซึ่งถือเป็นเมียที่มีความเพรียบพร้อมมากที่สุด ทั้งรูปร่างหน้าตา อุปนิสัย  สติปัญญา ชาติตระกูล ฐานะ



           คนที่ 4 นางวาลี จัดว่าขี้เหร่ที่สุด(นางผีเสื้อสมุทรแปลงกายได้) นางวาลีเป็นผู้หญิงที่มีสติปัญญาและวาจาเป็นเลิศ เพราะสามารถเกลี้ยกล่อมชักแม่น้ำทั้งห้า โน้มน้าวใจให้รับนางเป็นเมียจนได้ แม้ว่านางจะไม่สวยแต่เป็นเมียที่ฉลาดที่สุด นางได้ช่วยพระอภัยให้คืนดีกับนางสุวรรณมาลี ด่าอุศเรนจนอกแตกตาย และยังช่วยวางแผนในการทำศึกสงครามอีกหลายครั้ง



   คนสุดท้ายคือ นางละเวง แค้นเคืองที่พี่ชาย(อุศเรน) เสียชีวิต จึงส่งรูปตัวเองไปยังเจ้าเมืองต่างๆหลอกให้ไปตีเมืองผลึก นางมีเชื้อสายเป็นฝรั่งมีรูปงามยิ่งนัก ขนาดพระอภัยฯได้เห็นแค่รูปยังหลงใหลพรํ่าเพ้อ เมื่อคราวรบกัน พระอภัยมณีไม่ยอมให้นางละเวงหนี จึงเป่าปี่และเผยตัวให้พบจนนางละเวงหวั่นไหวไปเหมือนกัน ภายหลังเมื่อนางละเวงจับตัวพระอภัยได้ จึงกลับตกหลุมรักทันทีที่เห็นหน้า ยิ่งเจอไม้ตาย คำมั่นสัญญา ของพระอภัยมณีที่ว่า



"ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้หล้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมปทุมทอง
เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่
เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป"


นางละเวง จึงใจอ่อนยอมเป็นเมียคนที่5ของพระอภัยมณี 


การมีเมียถึง 5 คน การันตีถึงเสน่ห์ของพระอภัยฯได้อย่างดี ถึงเป็นขวัญใจสาวๆทั้ง สวยแปลง(นางผีเสื้อสมุทร) สวยแปลก(นางเงือก) สวยงาม(นางสุวรรณมาลี) สวยต่างแดน(นางละเวง) และสวยปัญญา(นางวาลี)




Create Date : 10 ธันวาคม 2552
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 7:29:07 น. 3 comments
Counter : 6489 Pageviews.

 
เมื่อคืนนั่งทำการบ้านหาคำตอบอยู่นานค่ะ ถ้าได้การบ้านบ่อยๆ คงลำบากเหมือนกันค่ะ เพราะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องภาษาไทยเท่าไหร่ และก็ไม่มีผู้ใหญ่ให้ซักถาม

ชื่อยี่หุบ ยี่เข่ง ยี่โถ ยี่สุ่น และกระโดน ไม่ทราบที่มาค่ะ ว่าทำไมถึงตั้งชื่อนี้ ยี่หุบกลีบเลี้ยงก็มีสามกลีบค่ะ แต่ดอกมักจะหุบอยู่เสมอ บานแค่วันเดียวก็ร่วงโรยค่ะ

ส่วนยี่เป็ง หาไม่ยากค่ะ
ที่เชียงใหม่เรียกเทศกาลลอยกระทง ว่า ประเพณียี่เป็ง คำว่า “ยี่เป็ง” เป็นภาษาคำเมืองล้านนาภาคเหนือ โดยคำว่า ยี่ แปลว่า สอง ส่วนคำว่า เป็ง นั้นมีความหมายตรงกับคำว่า เพ็ญ หรือวันพระจันทร์เต็ม ดวง โดยชาวไทยล้านนาภาคเหนือนับเดือนทางจันทรคติเร็วกว่าคนไทยภาคกลาง 2 เดือน ทำให้เดือนสิบสองของไทยภาคกลางตรงกับเดือนยี่ ของคนล้านนา หรือวันเพ็ญเดือนสิบสองตามปฏิทินพุทธศาสนาของประเทศไทย จากหลายตำนานเล่าขานสอดคล้องกันถึงที่มาของประเพณียี่เป็ง ไว้ว่าราว พ.ศ. 1490 ในสมัย พระยาจุเลราช ครองราชสมบัติในนครหริภุญชัย เกิดโรคระบาด ขึ้น มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ชาวเมืองที่รอดพ้นภัยจากโรคร้ายพากันอพยพไปอาศัยอยู่ในเมืองสุธรรมวดี หรือเมืองสะเทิม แห่งอาณาจักรรามัญ หรืออาณาจักรมอญ ต่อมา พระเจ้าพุกาม กษัตริย์พม่าตีได้เมืองสะเทิม กวาดต้อนลูกหลานที่เป็นผู้หญิงของชาวเมืองไปเป็นจำนวนมากแต่เมื่อเบื่อหน่าย ก็ทอดทิ้งไม่ชุบเลี้ยงเหมือนเก่า พวกชาวเมืองหริภุญชัยจึงได้อพยพหนีไปอาศัยอยู่กับ พระเจ้าหงสาวดี ซึ่งได้รับการชุบเลี้ยงเป็นอย่างดี หลังจากที่อาศัยอยู่ไม่นาน ชาวเมืองได้ทราบข่าวว่าโรคระบาดทางนครหริภุญชัยสงบแล้ว ก็คิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองก็พากันกลับมายังนครหริภุญชัยอีกครั้ง

เมื่อถึงเดือนยี่เป็ง ชาวเมืองที่จากญาติมาคิดถึงพี่น้องที่จากกันมาจากเมืองหงสา จึงพร้อมใจกันจัดแต่งธูปเทียน เครื่องสักการบูชา วัตถุข้าวของ ใส่ในกระถางไหลล่องลอยตามแม่น้ำเพื่อเป็นการระลึกนึกถึงญาติพี่น้อง โดยคิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะลอยตามน้ำไปถึงญาติที่อยู่ในเมืองหงสา อันไกลโพ้น และเรียกการลอยกระทงนี้ว่า “การลอยโขมด” หรือ “ลอยไฟ” ส่วนเหตุที่เรียกว่า “ลอยโขมด” นั้น คำว่า โขมด เป็นชื่อผีป่าเรียกกันว่าผีโขมด ชอบออกหากินเวลากลางคืน จะมีพะ เนียงแสงไฟ เห็นเป็นระยะคล้ายผีกระสือ ดังนั้น กระทงที่จุดเทียนลอยน้ำแสงไฟจะกระทบกับน้ำทำให้เงาเกิดขึ้นสะท้อนวับ ๆ แวม ๆ จะเหมือนแสงไฟของผีโขมด ดังนั้นทางล้านนาโบราณ จึงเรียกการลอยกระทงว่า “ลอยโขมด” นั่นเองนี่คือที่มาจากการบันทึกประเพณีและวัฒนธรรมของล้านนาถึงที่มาของประเพณียี่เป็งเชียงใหม่
ยี่หร่า คงเพี้ยนมาจากคำว่า ซีราชื่อเรียกในภาษาเดิมมั้งคะ

ยี่ ที่เหลืออื่นๆ ลอกมาฝากเผื่อถามอีกค่ะ
ยี่เข่ง น. ไม้ดอกชนิดหนึ่ง ดอกสีชมพู เป็นช่อ เกสรละเอียด.

ยี่โถ

คำแปล2

น. ไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นแตกออกเป็นแขนงเรียวเล็ก ใบแหลมรี รูปกระสวยยาว ดอกออกเป็นช่อ แต่ละดอกก็ขนาดย่อมกว่าลั่นทมเล็กน้อย ดอกซ้อนก็มี กลิ่นหอมเย็นชวนดม มีมากสีด้วยกัน แต่ส่วนมากเป็นสีชมพู.

ยี่สุ่น

คำแปล2

น. ไม้ดอกชนิดหนึ่งคล้ายกุหลาบ ดอกเล็กกว่ากุหลาบ

ยี่หร่า
คำแปล2
(ฮด. ซีรา) น. เมล็ดของต้นไม้ชนิดหนึ่ง กลิ่นหอมฉุน ใช้ปรุงเป็นเครื่องแกง นับเข้าในพวก เครื่องเทศ.

ยี่ส่าน
คำแปล2
น. ตลาด, ที่ขายของ, เทียบคำ (ปซ.bazaar) (เหมือน ยี่สาน).

ยี่หวา
(ชว.) น. ใจ, ดวงใจ, ใช้เป็นสรรพนามแทนผู้ที่ตนรัก แสดงว่าเป็นที่รักเสมอด้วยดวงใจหรือชีวิต. (เลือนจากคำ ชีวะ และ ชีวา).

ยี่หระ
คำแปล2
(ชบ.) ก. หวั่น, สนใจ, มักพูดว่า ไม่ยี่หระ คือ ไม่หวั่น ไม่สนใจ.

ยี่สน
คำแปล2
น. ปลาน้ำเค็มชนิดหนี่ง มีหนังคายคล้ายปลากระเบน.

ยี่สง
คำแปล2
น. ชื่อถั่วชนิดหนึ่ง มีฝักเป็นพวง ติดอยู่ตามรากใต้ดิน, บางทีว่า ลิสง

ยี่สก
คำแปล2
น. ชื่อปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง เป็นปลาน้ำทราย มีอยู่มากทางแม่น้ำจังหวัดราชบุรี.

ยี่เก
คำแปล2
น. ลิเก, การเล่นคล้ายละครรำ ดัดแปลงมาจากละครมลายู.

ยี่โป้
คำแปล2
น. ผ้าพาดไหล่ ผืนหนาๆ.


ยู่ยี่ คำแปล
ย่นเป็นรอยทั่วไปหมด (มักใช้แก่ของบางและอ่อน อย่างผ้าหรือกระดาษ)

ลบเพลงทิ้งนะคะ ทำให้หยุดเล่นไม่ได้ และหาฟังได้ไม่ยากค่ะ






โดย: mcayenne94 วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:7:37:51 น.  

 
...สวัสดีค่ะ ไม่ได้แวะมาเยี่ยมนานเต็มที เข้ามาทีไรก็ได้อะไรดีๆมากมายอีกเช่นเคย แอบเห็นรถคันงามด้วยล่ะ สีสันเฉียบขาดจริงๆค่ะ ที่บ้านก็มีต้นยี่หุบเหมือนกันค่ะ ออกดอกให้เชยชมดีพอควรทีเดียวค่ะ แต่ใช่เลย..เขาไม่ชอบแดดจัดค่ะ ใบไหม้ น่าสงสาร..ว่าจะย้ายที่ให้เขาค่ะ

....พูดถึงพระอภัยมณี..โอ้โฮ..ไม่ทราบว่าท่านนับถือศาสนาใดนะคะ เพราะอิสลามมีภรรยาได้แค่สี่คนเอง...แต่ที่แน่ๆ ..คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง... แต่นี่ทั้งหล่อทั้งคารม...โอย..สาวไม่สาวก็เรียบร้อยร.ร พระอภัยแหละค่ะ...ถึงม้วยดิน......สิ้นฟ้า มหาสมุทร....ฯฯฯฯฯฯ


โดย: Dark Angel IP: 113.53.115.136 วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:20:20:38 น.  

 
เดือนยี่ แปลว่าเดือนสอง
ยี่สิบ แปลว่า สองสิบ (10+10)
ยี่หุบแปลว่า สองหุบหรือป่าวคะ
สงสัยตั้งชื่อตามลักษณะดอกนะคะ เพลงเพราะค่ะ

ยี่เปง ?
ยู่ยี่ ?
ยี่หร่า ?

ฝ่ากถามเป็นการบ้านค่ะ

คิดถึงนะคะแวะมาเยี่ยม


ลืมบอกไป รถยนต์สีสวยนะคะ สีเหมือนดอกยี่หุบเลย เวลามณี ขับรถไกลๆ จะ ภาวนาบท "พุทธคุณ" ว่า อติปิโสฯ ค่ะ เป็นบทที่พระสารีบุตรแต่ง เพื่อและบรรยายสรรเสริญ พุทธคุณของ พระพุทธเจ้า ให้มารดาของท่านฟัง ก็เป็นการ pyco มารดาให้เข้าถึงไตรสรณคมน์ (เปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนา)

อิติปิ โส ภะคะวา ( เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ) อะระหัง ( เป็นผู้ไกลจากกิเลส ) สัมมาสัมพุทโธ ( เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ) วิชชาจะระณะสัมปันโน ( เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ) สุคะโต ( เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี ) โลกะวิทู ( เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ) อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ ( เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า ) สัตถาเทวะมนุสสานัง ( เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ) พุทโธ ( เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ) ภะคะวาติ. ( เป็นผู้มีความเจริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้ )

พอมารดาได้ฟังพระสารีบุตร สรรเสริญพุทธคุณ ของพระพุทธเจ้า ก็เข้าถึงไตรสรณคมน์ ค่ะ

พูดถึงเรื่อง สะดุ้งหวาดเสียว หรือความกลัวภัย อันตราย ก็นึกถึง ธชัคสูตร (ธช=ธง)

พระบรมศาสดาทรงพระมหากรุณาประทาน ธชัคคสูตร โดยตรัสสอนให้ใส่ใจ หมั่นระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย เพราะอานุภาพของคุณพระรัตนตรัยที่บุคคลหมั่นระลึกไว้ดีแล้ว จักสามารถบำบัดสรรพภัยทั้งผองนี้ได้ ทั้งตรัสว่า ทรงอานุภาพเหนืออำนาจเทพเจ้าชั้นสูงสุดด้วย โดยตรัสเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า

แต่ปางก่อน เมื่อสงครามเทวดากับอสูร ได้ประชิดกันขึ้นในเทวโลก ครั้งนั้น เหล่าเทวดาก็มีความสะดุ้งหวาดกลัวต่อพวกอสูรไม่น้อยถึงกับท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพเจ้า ๓ ชั้นฟ้า ให้ประชุมเทพยดาทั้งสิ้น แล้วจัดทำธงชัยประจำทัพทั้ง ๔ ทิศ เป็นสัญญาณต่อต้านพวกอสูร โดยเทวบัญชาว่า “ ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ ในขณะทำสงครามกับเห

ล่าอสูร ความกลัว ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้า อันจะทำให้เสียกำลังรบ อาจเกิดมีแก่บางท่านได้ ดังนั้น ถ้าคราวใดเกิดมีความกลัวขึ้น ขอให้ทุกท่านจงมองดูชายธงของเรา แล้วความกลัว ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้าของท่านจะหายไปได้ หรือถ้าไม่มองชายธงของเรา ก็จงมองดูชายธงของท้าวปชาบดี ของท้าววรุณ หรือของท้าวอีสานะ องค์ใดองค์หนึ่ง เมื่อท่านทั้งหลายได้มองดูชายธงแล้ว ความกลัว ความสดุ้ง ขนพองสยามเกล้าจักหายไป

ภิกษุทั้งหลาย ถึงเทวดาที่มองดูชายธงของท้าวเทวราชทั้ง ๔ พระองค์นั้น บางครั้งก็หาย บางครั้งก็ไม่หาย คือ หายบ้าง ไม่หายบ้าง หรือ หายแล้วก็กลับกลัวอีก ข้อนั้น เพราะอะไร ภิกษุทั้งหลาย เพราะท้าวสักกะเทวราช ท้าวปชาบดี ท้าววรุณ และท้าวอีสานะ ผู้เป็นเจ้าของธงชัยนั้น ยังมีราคะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ ยังมีกิเลส จึงยังกลัว ยังหวาดเสียว ยังสดุ้ง ยังหนีอยู่ ก็เมื่อจอมเทพ จอมทัพ ยังกลัว ยังสะดุ้ง ยังหนีอยู่แล้วอย่างไร ชายธงของท้าวเธอจึงจะบำบัด ความกลัว ความสะดุ้ง ความหวาดเสียว ที่ทำให้เสียขวัญถึงแก่หนี ไม่คิดสู้เขาเสมอไปได้เล่า

ภิกษุทั้งหลาย ส่วนพระรัตนตรัย ที่ท่านทั้งหลายคารวะนับถือปฏิบัติอยู่นั้น ทรงคุณ ทรงอานุภาพ เหนือท้าวเทวราชเหล่านั้น เหนือธงชัยของท้าวเทวราชเหล่านั้น ดังนั้น เมื่อท่านทั้งหลาย จะอยู่ในป่าก็ตาม อยู่ที่โคนไม้ก็ตาม หรือจะอยู่ในเรือนว่างก็ตาม หากความกลัวหรือความหวาด ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้า ก็ดี บังเกิดขึ้น ท่านทั้งหลายพึงระลึกถึงพระพุทธเจ้าว่า “ อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ” เป็นต้น เมื่อท่านทั้งหลายระลึกด้วยดีแล้ว ความกลัว ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้าเหล่านั้นจักหายไป

//tipitaka.2pt.net/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3/


โดย: mcayenne94 วันที่: 12 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:30:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.