Group Blog All Blog
|
หมดความหวังกับระบบการศึกษาไทย เรื่องที่จะพูดถึงเป็นความเห็นส่วนตัวกับกรณีใกล้ตัวที่เกิดขึ้น นอกจากข่าวที่ว่าครูสอบวิทย์-คณิตที่สอบประเมินความรู้ตกระนาวแล้ว จนเป็นเรื่องน่าใจหายสำหรับผู้ปกครองที่ไม่รู้ว่าจะฝากความหวังไว้กับครูรุ่นใหม่อย่างไรดี ยังมีอีกเรื่องที่เราเองในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษายังรู้สึกทดท้อ และหดหู่ใจเหลือเกิน วันนี้มีเด็กสองคนที่ถูกรีไทร์ไปแล้ว แต่งชุดนักศึกษาเดินกลับเข้ามาในห้องภาค เราถามว่า "เอ้า ยังอยู่นี่อีกหรือ? เรียนอะไร? ใครรับเข้ามา?" คำตอบคือ อยู่ครับ เรียนที่เดิม (หมายถึงคณะและสาขาเดิม) และมหาวิทยาลัยรับเข้ามาใหม่โดยประกาศแจ้งให้เด็กที่รีไทร์ไปแล้ว กลับเข้ามาเรียนใหม่ได้!!! โดยไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือก หรือสัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ (แล้วจะมีเด็กอีกกี่คนในคณะอื่นๆ) แล้วการวัดผลที่ผ่านมามันจะมีค่าอะไร??? มาตรฐานอยู่ตรงไหน???? ตลกมั้ยคะ เด็กที่สอบแอดมิชชั่นมาแทบตายต้องแย่งที่เรียนกัน แต่คนที่ไม่ตั้งใจเรียนจนโดนรีไทร์กลับได้ที่เรียนโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการอะไรเลย แล้วเราจะฝากความหวังอะไรอีกกับการศึกษาระดับนี้ จริงอยู่เราควรให้โอกาสเด็ก แต่ควรให้โอกาสไปเรียนที่อื่น ไม่ใช่ที่เดิม เราไม่รู้นโยบายนี้คิดมาได้อย่างไร ไม่มีการปรึกษาคณะแต่อย่างใด เคยถามอาจารย์ผู้สอนหรือไม่ ว่าทำไมถึงไม่รับเด็กเก่ากลับมาเรียนก่อนหน้านี้ นี่เป็นการตัดสินจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยเพียงฝ่ายเดียวใช่มั้ย สถาบันต้องการคุณภาพทางการศึกษาแต่มาทำแบบนี้แล้วมันได้อะไร วัดจากไหน วัดจากการให้โอกาสเด็กถูกรีไทร์มาเรียนใหม่เรื่อยๆหรือ? มันไม่ใช่ถอยหลังลงเหวหรอกหรือ? บรรดาอาจารย์จะต้องเอาเวลา เอาความรู้ ความสามารถมามอบให้กับเด็กกลุ่มนี้ซ้ำๆซากๆ ไม่ต้องพัฒนาตัวเองไปไหนเลยใช่มั้ย? สำหรับผู้สอนแล้ว มันเจ็บปวดใจเหลือเกินที่เห็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเช่นนี้ คิดว่านี่คือวิธีการบริหารธุรกิจการศึกษาชัดๆ ขอให้มีปริมาณนักศึกษามากไว้ก่อน จะดีจะเลวอย่างไรไม่ต้องสนใจ คุณภาพเป็นเรื่องไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เราจำได้ว่าเมื่อสองปีก่อน เราเคยตั้งคำถามกับอธิการฯ มหาวิทยาลัยของต้องการปริมาณหรือคุณภาพมากกว่ากัน เขาตอบว่าควบคู่กัน แต่วันนี้สะท้อนให้เห็นชัดแล้วว่า ต้องการปริมาณมากกว่าคุณภาพ ไม่แน่ใจว่าเป็นนโยบายที่ทางกระทรวงศึกษาธิการให้มาหรือไม่ ถ้าใช่ ก็ขอไว้อาลัยกับระบบการศึกษาไทย อย่าไปคิดทำ TQF ให้เสียเวลาเลย แค่เอกสารสวยงามหรูหรา ถ้อยคำดูดี แต่ทุกอย่างเป็นเปลือกทั้งสิ้น ถ้าต้องการเก็บรักษาเด็กทุกคนทุกประเภทเอาไว้เพื่อเลี้ยงไข้ไปเรื่อยๆ โดยสูบเงินจากผู้ปกครองหรือกยศ. ก็ขอให้บอกกันตรงๆ เราจะได้ลดความมาตรฐานของตนเองลง และจะไม่แจกเอฟ ไม่มีรีไทร์ ให้ผ่านทุกคนไปเลย เราเองก็จะได้ไม่เหนื่อยที่จะต้องสอนซ้ำ เด็กก็ไม่เกลียดด้วย ...ก็ได้แต่เศร้าใจว่าคุณค่าของปริญญาถูกตีค่าลดลงจากนโยบายสุดพิสดารของผู้บริหารการศึกษา จนมิสมควรให้สถาบันสูงสุดสละเวลาอันมีค่ามาพระราชทานปริญญาบัตรให้เลย ![]() น่าจะทำป้ายบ้างว่า "รับเด็กถูกรีไทร์ ถามกรูหรือยัง" เก่งค่ะ มาสอนเองเลยมั้ยล่ะ
โอกาสมีให้กับคนที่พร้อมเท่านั้น โดย: Alex on the rock
![]() คนที่ถูกรีไทร์ เค้าควรปรับปรุงตัวมากกว่านะ
เรียนนานขนาดโดนรีไทร์นี่ มากไปมั้งที่จะให้กลับมา เรียนจบปริญญาเพราะมีตังค์จ่ายค่าเทอม อย่าเรียนดีกว่า เดี๋ยวนี้ค่าปริญญาตรีน้อยลงๆ กลายเป็นว่าใครๆก็จบได้ไปแล้ว ยั่งงี้เรียนไปจะมีประโยชน์อะไรล่ะ โดย: NWzephyr
![]() |
Alex on the rock
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ Friends Blog |
จริงอยู่เด็กบางคนที่เค้าไม่ตั้งใจเรียน เค้าโดนรีไทร์
แต่เค้าไม่ได้ทำผิดขนาดว่าฆ่าคนตาย
ถ้าวันนึงเค้าคิดได้คนให้โอกาสก็ดีอยุ่แล้ว
แต่คุณกลับตัดสินว่าไม่ใช่ไม่ควร
คุณเป็นคนที่ เผด็จการ
ผมไม่รู้จะพูดว่าอะไร
แต่ถ้ามีแต่คนแบบคุณอยู่ในโลกนี้
โลกคงจะมีแต่คนเห็นแก่ตัว
ผมเองก็หมดหวังกับอาจารย์แบบคุณ
ระบบการศึกษาไม่ใช่สอนแต่ให้ความรู้
ผมเองเรียนจบแล้วก็ได้รู้ว่า
การทำงานกะการเรียน บางทีไม่ได้มีประโยชน์เลย
เหมือนเรียนเพื่อมีใบเบิกทางในการทำงานเท่านั้น