I AM SOMEONE
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
22 ตุลาคม 2556

ลูกสาวของแม่ (3)

ตอนที่ 3 (แม่เล่า)

หลังจากจบชั้นมัธยมปลาย น้องเล็กจากพ่อและแม่ไปอยู่เมืองหลวง เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ช่วงเวลาที่ผ่านมาแม่อาจจะโมโหและหงุดหงิดกับพฤติกรรมที่ไม่น่ารักของลูกสาวอยู่บ้าง แต่เมื่อลูกไปอยู่ไกล แม่ใจหาย แม่ไม่เคยรู้สึกเหงาอย่างนี้มาก่อน แม้ว่าอยู่ด้วยกันเราจะทะเลาะกันบ่อยก็ตาม แต่มันก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้คุยกันเลย

ระยะแรกๆ น้องเล็กไปอยู่กับพี่สาวคนกลางที่เรียนอยู่ก่อนแล้ว แต่แม่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี เพราะลูกเป็นเด็กที่ดื้อและเอาแต่ใจตัวเองมาก แม่กลัวว่าลูกจะเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่เมื่อไปเจอแสงสีของกรุงเทพฯ เข้า ที่ไหนได้ลูกสาวคนกลางแอบโทรศัพท์มารายงานแม่ให้รู้ว่า ลูกสาวคนเล็กของแม่กลับกลายเป็นคนละคน ไม่เที่ยวไม่เตร่ อยู่ติดห้องจนน่าแปลกใจ และแม้ว่าจะย้ายไปอยู่หอพักคนเดียวแล้วก็ตาม ลูกก็ยังไม่เถลไถลทำให้แม่ใจชื้นขึ้นมากทีเดียวที่ลูกสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ แม่รู้สึกได้ว่าลูกโตขึ้นแล้วนะ

ลูกไปอยู่ได้ไม่นาน แม่อดคิดถึงไม่ได้จึงเริ่มเขียนจดหมายไปถึงลูก เพราะสมัยนั้นการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีไร้สายยังมาไม่ถึงบ้านนอก พี่ของลูกบอกว่าขณะที่ลูกอ่านจดหมายของแม่ ลูกจะน้ำตาไหลทุกครั้ง แม่ไม่รู้หรอกว่าลูกรู้สึกอย่างไร แต่แม่เองก็น้ำตาไหลทุกครั้งที่จดปากกาเขียนจดหมายถึงลูก ด้วยความรักและคิดถึงอย่างสุดหัวใจ ตามที่แม่ลงท้ายในจดหมายทุกฉบับว่า”รักน้องเล็กที่สุด”

แม่ไม่เคยรู้สึกเหงาอย่างนี้มาก่อน ทั้งที่อยู่กับพ่ออีกคน เราทั้งคู่รู้สึกเหมือนกันว่าเราขาดอะไรไปในชีวิต บ้านเงียบมาก ไม่มีเสียงดุของแม่ ไม่มีเสียงตวาดของลูก มันอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ บรรยากาศเช่นนี้แม่จึงหมั่นเขียนจดหมายไปหาลูกบ่อยๆ และลูกก็ตอบจดหมายของแม่ทุกครั้งเช่นกัน แม่ดีใจมากที่ได้รับจดหมายของลูก แม่รู้ดีว่าลูกเป็นคนที่ชอบเขียนจดหมายมาก ที่สำคัญลูกจะลงท้ายจดหมายทุกครั้งว่า “รักและคิดถึง” ซึ่งแม่ไม่รู้หรอกว่าลูกรักและคิดถึงจริงหรือเปล่า หรือเขียนเพื่อเอาใจแม่ เพราะลูกไม่เคยแสดงความรักกับแม่เลย แต่แม่ก็เข้าข้างตัวเองว่าลูกรู้สึกกับแม่อย่างนั้นจริงๆ

เนื้อความที่เราเขียนถึงกันก็มักจะไถ่ถามความเป็นไปซึ่งกันและกัน แม่นึกภาพการใช้ชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของลูกไม่ออกหรอก แต่แม่ก็หวังว่าเรื่องที่แม่เขียนเล่าให้ลูกอ่านนั้นลูกคงจะนึกภาพตามได้ เพราะมันเป็นเรื่องของญาติพี่น้อง และเรื่องของพ่อกับแม่เอง และที่แม่จะลืมไม่ได้ก็คือการย้ำให้ลูกมีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ตนเองกำลังทำอยู่ ตอนนี้ไม่มีใครดูแลลูกได้ดีเท่าตัวลูกเองอีกแล้ว

ถึงเวลาปิดเทอม พ่อและแม่ดีใจมากที่จะได้เจอน้องเล็กอีกครั้ง เราจะไปรอรับลูกที่สถานที่รถไฟพร้อมๆกันเสมอ แล้วอาหารมื้อแรกที่ลูกทานก็ต้องเป็นฝีมือของแม่เท่านั้น อร่อยหรือไม่ก็ไม่สนใจ แต่อยากให้ลูกได้ชิมเท่านั้นเอง

ระหว่างที่น้องเล็กอยู่บ้าน พ่อและแม่ก็ต้องไปทำงาน เราจะเจอกันเฉพาะตอนเย็นเท่านั้น ส่วนตอนเช้าลูกก็จะตื่นสายตามธรรมเนียม แต่ตอนนี้ไม่มีใครว่าอะไรอีกแล้ว

แต่แม่และลูกก็สงบศึกได้ไม่นาน เหมือนน้ำมันอยู่ใกล้ไฟ ยิ่งใกล้กันเท่าไรโอกาสลุกเป็นไฟก็ยิ่งง่ายขึ้น เราทะเลาะกันอีกตามเคย แม่เองคิดว่าน้องเล็กโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะพูดจากันรู้เรื่อง และเลิกกวนประสาทแม่ได้แล้ว แต่ลูกก็ไม่เปลี่ยน จนแม่โมโหถึงขึ้นลงมือลงไม้ไปหลายหน แต่ลูกมีความอดทนมากขึ้นไม่โวยวาย ไม่ด่ากลับ ไม่วิ่งหนี ไม่ต่อสู้ ยอมให้แม่ตีโดยดีเพื่อให้แม่ตีอย่างสบายใจ ขณะที่น้ำตาของลูกก็ค่อยๆหยดลงมา

มีคราวหนึ่งที่แม่ตีลูกเพราะลูกบ่นว่าอยากไปซื้อเสื้อผ้าเก่าๆมือสองมาใส่ แม่รู้สึกว่าเสื้อผ้าพวกนั้นมันสกปรก ไม่อยากจะให้ลูกใส่ แต่ลูกก็ยังดื้อดึงที่จะไปซื้อ แม่จึงตีลูกทั้งๆที่ลูกโตเกินที่แม่จะต้องตีอีกแล้ว คราวนั้นแม่โกรธมาก ส่วนลูกร้องไห้เสียงดังกว่าปกติไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดจากที่แม่ตี แต่แม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บใจมากกว่า

ลูกวิ่งเข้าห้องน้ำล็อกประตู จนพ่อและลูกสาวคนโตตกใจ รีบเคาะประตูเรียกด้วยความที่กลัวว่าลูกจะฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเอง แม่เองก็เป็นห่วง แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ในที่สุดก็ไปเอากุญแจไขห้องน้ำมาให้พ่อเปิดประตูเข้าไปดู

เราสามคนเห็นน้องเล็กนั่งฟุบหน้าสะอื้นอยู่ข้างๆชักโครก แม่รู้สึกสงสารลูกอย่างที่สุด ทั้งลูกสาวคนโตและพ่อยืนร้องไห้กับภาพที่เห็น เหลือแม่คนเดียวที่ไม่ร้อง เพราะแม่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น แต่ในหัวใจของแม่น้ำตาท่วมเอ่อหมดแล้ว แม่รู้ดีว่าแม่อาจจะทำเกินเหตุ จริงๆ แล้วเราน่าจะคุยกันด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์ เราทั้งคู่เป็นคนที่นิสัยเหมือนกันคืออารมณ์ร้อน และเป็นคนเจ้าทิฐิ ไม่มีใครยอมใคร ทั้งที่ตอนนั้นแม่อยากเข้าไปกอดลูกเหลือเกิน แต่แม่กลับคิดว่ากลัวลูกจะเหลิง

การจากกันแล้วกลับมาพบกันในบางช่วงเวลานั้น แม่ว่ามันเป็นสีสันอย่างหนึ่งในชีวิตของการแม่และลูกของเรา ถ้าเราไม่จากกัน เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราจะคิดถึงกันขนาดไหน และเมื่อได้พบกัน เราก็ไม่ลืมที่จะทะเลาะกันจนกลายเป็นสัญลักษณ์แทนลิ้นกับฟันได้เป็นอย่างดี




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2556
0 comments
Last Update : 22 ตุลาคม 2556 21:09:13 น.
Counter : 1168 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]