BlogGang.com : : Alex on the rock : เพราะธรรมชาติคือสิ่งที่ชีวิตสมัยใหม่ขาดไม่ได้

เพราะธรรมชาติคือสิ่งที่ชีวิตสมัยใหม่ขาดไม่ได้

บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2546 มีอายุร่วมสิบปีแล้ว คงตั้งใจส่งไปที่ไหนสักที่แต่จำไม่ได้ ตอนนั้นคงมีโจทย์บังคับให้ใช้คำว่า "ธรรมชาติ" กับ "ชีวิตสมัยใหม่" อยู่ด้วยกัน เราเพิ่งค้นเจอ จึงขอยกมาบันทึกไว้ในนี้อีกครั้ง

หากจะกล่าวถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราคงจะต้องยกความดีความชอบให้กับการผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติและชีวิตสมัยใหม่ ที่นอกจากจะลงตัวและกลมกลืนแล้ว ยังมีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย เปรยไว้เพียงเท่านี้คงไม่ดีนัก ถ้าจะไม่อธิบายขยายความให้ชัดเจน

อันที่จริงแล้วชีวิตก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเช่นกัน และคำว่าชีวิตในที่นี้ ขอจำกัดความไว้แค่ชีวิตของมนุษย์เท่านั้น ซึ่งในอดีตชีวิตเราแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติก็ว่าได้ เริ่มกันตั้งแต่เกิดโดยอาศัยหมอตำแยมาทำคลอดที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติตัดสายสะดือ เมื่อเติบโตขึ้นมาก็ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำมาหากินกับธรรมชาติในรูปแบบของเกษตรกรรม จนกระทั่งสิ้นชีวิตก็เอาร่างไปฝังหรือเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านคืนสู่ดิน ดังนั้นมนุษย์จึงมีความผูกพันกับธรรมชาติอย่างแท้จริงตลอดทั้งชีวิต

อย่างไรก็ตาม เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป หลายคนมองว่าชีวิตสมัยใหม่ทำให้เราห่างไกลธรรมชาติกันมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและพัฒนาตามความต้องการของมนุษย์ เมื่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น การใช้ทรัพยากรก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว

วิถีชีวิตที่เคยผูกพันกับธรรมชาติจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดที่จะต้องเริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์ ผ่านการทำคลอดจากแพทย์ ใช้เครื่องมือที่สะอาด เข้าตู้อบ จึงจะทำให้เด็กที่เกิดมามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์

เมื่อเติบใหญ่ ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเมืองอุตสาหกรรมที่มีผู้คนหลากหลาย ทำงานอยู่ในตึกระฟ้าที่มีลักษณะเหมือนตู้ปลาขนาดใหญ่ มีรถยนต์เป็นพาหนะ ทำงานแข่งขันกับเวลา และทำงานเพื่อแลกทรัพย์สิน ขณะเดียวกันเมื่อป่วยไข้ก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองรอดจากความตาย จะโดยวิธีใดก็ตามที่หนีความตายได้ก็ยอม หรือแม้แต่ตายแล้วก็ยังคงรูปนั้นไว้ด้วยการฉีดน้ำยากันศพเน่าเปื่อยไว้ไม่ยอมให้เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ถึงเวลานอนในโลงก็กลัวจะร้อนจึงต้องติดแอร์ในโลงด้วยจะได้นอนสบาย

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าชีวิตสมัยใหม่กำลังพยายามที่จะเอาชนะธรรมชาติ ทั้งที่ความจริงแล้ว เรามาจากธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เพราะมนุษย์คิดว่าตัวเองเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มีมันสมอง สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ จึงได้ประดิษฐ์คิดค้น รวมทั้งสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาเลียนแบบธรรมชาติ ทดแทนธรรมชาติ เหนือธรรมชาติ และทำลาย
ธรรมชาติด้วย

เทคโนโลยีที่เลียนแบบธรรมชาติหรือเหมือนธรรมชาตินั้น เราจะพบว่าส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกของเทียมนั่นเอง เช่น ต้นไม้ หรือดอกไม้พลาสติก ที่นับวันก็ยิ่งเหมือนเสียยิ่งกว่าเหมือนของจริง รวมไปถึงการทำศัลยกรรมพลาสติกที่เรียกได้ว่าสวยอย่างชนิดที่ธรรมชาติเทียบไม่ติด สวยเกินธรรมชาติด้วยมีดหมอก็ต้องขอยกให้เทคโนโลยีประเภทนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณสมบัติที่แท้จริงของของเทียมดังกล่าวก็ไม่อาจมาแทนธรรมชาติได้

ส่วนเทคโนโลยีที่ทดแทนธรรมชาติ ได้แก่ ถุงพลาสติก กล่องโฟมใส่อาหาร ซึ่งสามารถใช้บรรจุอาหารได้ดีกว่าใบตองหลายเท่านัก ด้วยคุณสมบัติที่เหนียว ทนทาน สะดวก ดูเหมือนจะสะอาด หาง่าย ราคาไม่แพง ทำให้กลายเป็นนวัตกรรมที่แพร่หลายอย่างรวดเร็วและกำลังจะล้นโลก แต่ยังไม่สามารถหาวิธีการกำจัดได้อย่างปลอดภัย

สำหรับเทคโนโลยีที่เหนือธรรมชาตินั้น คงต้องยกให้ประติมากรรมทางความคิดทั้งหลายทั้งปวงที่นักวิทยาศาสตร์ประดิษฐ์ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถยกเหล็กหนักเป็นตันให้ลอยอยู่ในอากาศได้ และหลายต่อหลายลำก็ลอยไปไกลถึงอวกาศ หรือเรือดำน้ำที่ทำให้คนสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ใต้น้ำได้เหมือนปลา หรือแสงเลเซอร์ที่ทำให้การผ่าตัดไม่มีเลือดออก หรือแม้แต่เรื่องของอินเตอร์เนตที่สามารถทำให้คนสองคนที่อยู่คนละซีกโลก โคจรมาแต่งงานกันได้ก็เกิดขึ้นมาแล้ว

และเทคโนโลยีประเภทสุดท้ายที่ทำลายธรรมชาติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ฟังดูหดหู่เป็นที่สุด แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะเป็นลดน้อยถอยลงไปแต่อย่างใด นอกจากจะทำลายธรรมชาติที่เป็นทรัพยากรของโลกแล้ว ยังทำลายธรรมชาติที่เป็นชีวิตที่มีค่ายิ่งอีกด้วย เทคโนโลยีที่ว่านี้ก็คือ เทคโนโลยีการทำสงคราม นั่นเอง

ฉะนั้น จึงเป็นไม่น่าแปลกใจหากจะมีคนทั่วโลกลุกขึ้นมาต่อต้านการทำสงคราม เพราะเขาไม่อาจจะยอมรับกับเทคโนโลยีประเภททำลายธรรมชาติได้ โดยพวกเขาเชื่อว่ามนุษย์ยังมีทางออกของการแก้ปัญหามากกว่าการใช้เทคโนโลยีในการทำสงครามหรือการทำลายล้างกัน

และด้วยเหตุนี้เอง นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันอีกจำนวนไม่น้อย ระลึกได้ว่ามนุษย์เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ดังนั้นการดำรงชีวิตสมัยใหม่ของมนุษย์จึงไม่จำเป็นต้องทำลายธรรมชาติ ขณะเดียวกันยังสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างปกติสุข โดยอาจมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างก็ตาม

ดังจะเห็นได้จากการนำธรรมชาติกลับมาแทนสารเคมีในเครื่องสำอาง บำบัดแทนยารักษาโรค หรือปรุงแต่งอาหาร แม้กระทั่งการนำเอาธรรมชาติมาหมุนเวียนเพื่อนำกลับมาเป็นพลังงานชีวมวล หรือชดเชยทรัพยากรที่กำลังจะหมดไปจากโลก ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ที่ดีสำหรับชีวิตสมัยใหม่ ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้เราได้กลับไปเป็นส่วนหนึ่งของ
ธรรมชาติอีกครั้งหนึ่งด้วย

สิ่งสำคัญของการใช้ชีวิตสมัยใหม่ให้มีความกลมกลืนและลงตัวกับธรรมชาติอย่างที่กล่าวมาแต่ต้นนั้น อยู่ที่การปรับตัว และการเลือกใช้เทคโนโลยี ซึ่งเราสามารถทำได้ไม่ยาก โดยเริ่มจากเข้าใจธรรมชาติ พร้อมที่จะเรียนรู้ว่าเราจะอยู่กับธรรมชาติได้อย่างไรโดยที่ธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อตัวเรา และเราเองก็ไม่ทำลายธรรมชาติ หลังจากนั้น เราก็ต้องรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ ไม่ต่อต้านธรรมชาติ เพราะบางครั้งการต่อต้านอาจจะเกิดผลเสียต่อตนเองมากกว่าผลดี

ขณะเดียวกัน ชีวิตสมัยใหม่ก็ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างยากที่จะปฏิเสธ แต่ไม่ได้หมายความว่าหากเราขาดเทคโนโลยีไปแล้ว เราจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นจึงควรจะเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และเท่าที่จำเป็น เพราะนอกจากการใช้เทคโนโลยีอย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบตามมาภายหลังได้ ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้สอดคล้องกับธรรมชาตินั้นก็เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในพัฒนาตนเอง และสังคม แทนที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายเพียงอย่างเดียว

การที่เราตักตวงเอาประโยชน์จากธรรมชาติมาใช้ เราก็ต้องรู้จักที่จะคืนกลับไปยังธรรมชาติด้วย เพื่อให้เกิดความสมดุลกันระหว่างชีวิตกับธรรมชาติ มิเช่นนั้นเราก็จะมาโทษธรรมชาติในภายหลังว่าทำให้เกิดภัยพิบัติ ทั้งที่ต้นเหตุมาจากมนุษย์ทั้งสิ้น

ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้เป็นการปิดกั้นหรืออคติต่อการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด เพราะในความเป็นจริงวิทยาศาสตร์ยังคงสร้างประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์อยู่อย่างมหาศาล ตราบใดที่สิ่งประดิษฐ์คิดค้นที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ได้ทำลายธรรมชาติ รู้จักเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธรรมชาติได้อย่างลงตัวและกลมกลืน สิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นก็ยังน่ายกย่องว่ามีคุณค่าและมีประสิทธิภาพดีเสมอ และประการสำคัญที่ชีวิตสมัยใหม่พึงตระหนักคือ ชีวิตเราขาดเทคโนโลยีได้ แต่ขาดธรรมชาติไม่ได้

Create Date : 12 กันยายน 2556

Last Update : 12 กันยายน 2556 22:16:08 น.

1 comments

Counter : 1477 Pageviews.

ปัจจุบัน มนุษย์เอาชนะธรรมชาติได้หลายเรื่องเลย
อนาคต มนุษย์อาจไม่มีวันตายก็ได้ เขาบอกว่าความตายเกิดจากสมองตาย ถ้าศึกษาการทำงานสมองจนลึกซึ้ง จนได้มาซึ่งเทคนิคที่ป้องกันสมองตายได้ วันนั้นเราคงไม่ต้องมาตั้งคำถามอีกแล้วว่า ตายแล้วไปไหน

โดย: Dragonfly7Colors

วันที่: 16 กันยายน 2556 เวลา:23:30:18 น.