I AM SOMEONE
<<
ตุลาคม 2561
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
19 ตุลาคม 2561

ทำไมพนักงานมหาวิทยาลัยต้องฟ้อง?



..ไม่มีใครชอบความยุ่งยาก อยากหาเรื่องเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับคดีโดยไม่จำเป็นหรอก…

พนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐทั่วประเทศปัจจุบันมีนับแสนคน ส่วนน้อยที่ได้รับความเป็นธรรมในเงินเดือนและสวัสดิการ แต่ส่วนใหญ่จะไม่เป็นเช่นนั้น

สำหรับมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบอย่างเต็มตัวแล้ว ได้ดำเนินการตามมติ ครม.ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมาคือ จ่ายเงินเดือนสูงกว่าข้าราชการในสายวิชาการ 1.7 เท่า สายสนับสนุน 1.5 เท่า หรือบางแห่งอาจจะจ่ายมากกว่านั้น เพราะผู้บริหารหากเป็นข้าราชการก็ต้องจำยอมออกจากราชการ เพื่อมาบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยเช่นกัน รวมถึงข้าราชการระดับอื่นๆ หากต้องการทำงานที่เดิมต่อก็ต้องยอมออก โดยรับทั้งบำนาญ สวัสดิการข้าราชการ (เมื่อทำงานครบ 25 ปี) และเงินเดือนอัตราพนักงานควบคู่กันไป ส่วนพนักงานที่บรรจุใหม่ก็ต้องมีสวัสดิการที่น่าพอใจด้วย ไม่ใช่รับแค่เงินเดือนสูงขึ้นอย่างเดียว เนื่องจากพวกเขาไม่มีบำนาญเหมือนเช่นข้าราชการอีกต่อไป

แต่ยังมีมหาวิทยาลัยเกินครึ่งจากจำนวนมหาวิทยาลัยรัฐทั้งหมดที่ออกนอกระบบเพียงบางส่วน ฉะนั้นเราจึงเห็นผู้บริหารส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยเหล่านี้เป็นข้าราชการเก่าแก่ (แก่จนเกษียณแล้วยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปเรื่อยๆ) นั่งแท่นสั่งการภายใต้การเห็นดีเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัยที่มักจะได้รับการขนานนามว่า “สภาเกาหลัง” จะอนุมัติอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมทีก็ดูจะกระเหม็ดกระแหม่เสียเหลือเกิน ราวกับว่าเป็นงบประมาณของบริษัทตนเอง หรือเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท โดยเฉพาะงบประมาณที่จะจ่ายเป็นเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัย หากเป็นพนักงานเงินรายได้ก็ใช้งบรายได้ของแต่ละมหาวิทยาลัยจ่าย (หาเงินได้มากก็จ้างเพิ่ม หาเงินได้น้อยก็เลิกจ้าง) แต่ถ้าเป็นพนักงานเงินแผ่นดิน (ซึ่งมีจำนวนมากกว่า) จะใช้งบอุดหนุนจากสำนักงบประมาณที่เป็นงบประมาณแผ่นดินมาจ่าย

เมื่อบังคับให้ออกนอกระบบแล้วมหาวิทยาลัยก็จำเป็นต้องหารายได้มาจัดสรรการใช้จ่ายภายในมหาวิทยาลัยที่เป็นประโยชน์ทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นส่วนบุคลากร นักศึกษา และมหาวิทยาลัย

ประเด็นที่จะอยากให้เจ้าของเงินแผ่นดินได้รับรู้อย่างกว้างขวางคือ ขณะนี้มหาวิทยาลัยหลายแห่งกำลังประสบปัญหาคล้ายคลึงกันจากการตัดสินใจของคนไม่กี่คน โดย สตง.แต่ละจังหวัดเข้ามาตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภายในมหาวิทยาลัยและกำลังเรียกเงินคืนเข้าคลัง เนื่องจากเบิกเงินจากสำนักงบประมาณไปใช้ผิดประเภทผิดวัตถุประสงค์ โดยใช้พนักงานมหาวิทยาลัยเป็นตัวประกัน

สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ มหาวิทยาลัยตั้งงบเงินเดือนพนักงานตามที่พึงได้จริงไปยังสำนักงบประมาณ เมื่อได้รับมาแล้วก็หักหัวคิวไว้ แต่ไม่ได้จ่ายจริง ย้อนหลังไปนับสิบปี เป็นเงินนับร้อยล้าน และพนักงานเสียประโยชน์มาเท่าไรแล้ว โดยสำนักงบประมาณไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายว่าแต่ละมหาวิทยาลัยจัดการบริหารงบประมาณอย่างไรบ้าง แต่ตามระเบียบการคลังเมื่อใช้งบประมาณไม่หมดก็ต้องส่งคืนแผ่นดินทุกบาททุกสตางค์ หากไม่คืนก็ผิดกฎหมาย ใช่หรือไม่?

เมื่อเบิกมาแล้ว ใครจะคืนทุกแห่งก็ต้องพยายามใช้ให้หมด โยกกันพัลวัน โดยเฉพาะการหักหัวคิวเพื่อมาจัดสวัสดิการให้พนักงาน ทั้งที่มีระเบียบชัดเจนว่ากองทุนสวัสดิการนั้นต้องมาจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยเอง ไม่ใช่เบิกจากสำนักงบประมาณโดยตรง เพราะแต่ละแห่งมีการจัดสวัสดิการให้แก่พนักงานมากน้อยไม่เท่ากัน ที่สำคัญต้องไม่ใช่เบิกเงินเดือนเพื่อนำไปหักเป็นสวัสดิการด้วย!!

ดังนั้น จึงเป็นการใช้เงินงบประมาณผิดวัตถุประสงค์ตามที่ สตง.ทักท้วงและทำหนังสือทวงเงินคืนไปยังผู้บริหารแต่ละมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีเดียวกัน ผู้บริหารบางมหาวิทยาลัยหน้าบางหน่อยก็ทยอยคืนไปจนหมดแล้ว ขณะที่บางมหาวิทยาลัยหนากว่า ไม่ยอมคืน เพราะไม่รู้จะเอาที่ไหนไปคืน ไม่ใช่ไม่มี แต่หวงเงินรายได้ไว้ไม่ยอมจ่าย เมื่อผู้บริหารตัดสินใจไม่คืน สภาเกาหลังก็คล้อยตามด้วยอ้างว่าเกรงจะกระทบกับเสถียรภาพทางการเงินของมหาวิทยาลัย คำถามคือ แล้วมาถึงจุดนี้ได้เพราะใคร??? ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำชี้แจงแถลงไขใดๆ จากปากกรรมการทั้งหลายที่อยู่ในสภาเกาหลัง

ในส่วนการฟ้องของพนักงาน แม้จะไม่ได้ฟ้องพร้อมกันนับแสนคนเพราะบางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองถูกเอารัดเอาเปรียบ และมีส่วนน้อยที่เห็นว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องเงินเดือนตามมติครม.ปี 2543 แรกๆ อาจจะคิดว่าฟ้องเผื่อฟลุก ฟ้องตามๆ กันไป ถ้าชนะก็ดีได้เงินเพิ่ม ถ้าแพ้ก็เสมอตัวได้เงินเท่าเดิม (ส่วนพนักงานที่ไม่ฟ้อง ไม่ใช่รวยแล้วแต่กลัวตกงาน กลัวมีความผิด ขออยู่เงียบๆ มีงานทำเงินเดือนน้อยก็ยังดี)

ถึงตอนนี้ เมื่อสถานการณ์หลายๆ อย่างชัดเจนขึ้น กระแสข่าวเรื่องเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยเริ่มถูกพูดถึงอีกครั้งและถี่ขึ้น พนักงานแต่ละมหาวิทยาลัยที่กำลังฟ้อง และที่ไม่ได้ฟ้อง รวมถึงคนนอกที่อาจจะมองว่าพนักงานมหาวิทยาลัยมีชีวิตดีแล้วจะเรียกร้องอะไรอีก น่าจะได้กระจ่างมากขึ้นว่านี่ไม่ใช่แค่การฟ้องขอขึ้นเงินเดือนเพื่อประโยชน์ของตนเองเท่านั้น แต่เป็นการฟ้องเพื่อสร้างธรรมาภิบาลภายในมหาวิทยาลัยและจัดการผู้บริหารที่เห็นช่องโหว่ของระเบียบข้อบังคับมาใช้กับการจัดสรรงบประมาณ ส่งผลให้บุคลากร นักศึกษา และมหาวิทยาลัยเสียโอกาสในการพัฒนามานับสิบปี หนำซ้ำเงินที่ถูกหักหัวคิวก็คือ ภาษีของประชาชนนั่นเอง

...จึงเป็นที่มาว่าทำไมพนักงานมหาวิทยาลัยต้องฟ้อง!

จับตาดูว่าแต่ละมหาวิทยาลัยจะแก้ปัญหาความเสียหายนี้อย่างไรต่อไป ใครจะต้องรับผิดชอบ ทุกปัญหาขึ้นอยู่กับ “สำนึก” ของผู้เกี่ยวข้อง โจทย์ที่ร่วมฟ้องในหลายๆ มหาวิทยาลัยก็ได้แต่รอคำสั่งศาลปกครองอย่างมีความหวัง ซึ่งไม่ได้หวังเพียงเงินที่พึงได้ แต่หวังไปถึงการเอาผิดทางอาญาด้วยเพื่อจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่จะมาทำหน้าที่บริหารมหาวิทยาลัยและสภาเกาหลังต่อไปในอนาคตว่าอย่าลุแก่อำนาจ

พนักงานมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นสายวิชาการหรือสายสนับสนุนล้วนแต่เป็นผู้ที่มีส่วนช่วยนำพาลูกหลานของเราให้มีปัญญาพัฒนาประเทศ แต่หากพวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมในอาชีพการงาน ก็คงไม่เหลือคนเก่งคนดีในระบบนี้ที่ถูกคนไม่กี่คนกดขี่อีกแล้ว

ในขณะที่ คสช.ยังมีอำนาจอยู่ ขอมาตรการขั้นเด็ดขาดจัดการปัญหานี้อย่างเร่งด่วนจะได้ไหม ในฐานะคนที่เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายทุกปีก็ได้





Create Date : 19 ตุลาคม 2561
Last Update : 19 ตุลาคม 2561 20:27:00 น. 0 comments
Counter : 1057 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]