1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
31
Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 14 the end of Trip Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 13 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 12 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 11 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 10 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 9 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 8 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 7 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 6 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 5 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 4 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 3 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 2 Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 1
Visit Umbria ..road of Arts , cultures and wines 9
Fabrianoครั้งที่แล้วพาดื่มด่ำกับภาพบรรยากาศของท้องทุ่งที่ได้ชื่อว่า Little Toscane ซึ่งมันก็ช่างเหมาะสมเสียจริงๆ แต่ถึงจะสวยงามอย่างไร วันหนึ่งมันก็ต้องสิ้นสูญหายไป เป็นสัจธรรมของโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปในที่สุด ดังนั้นเราจึงไม่ได้อ้อยอิ่งต่อการเดินทางออกจากพื้นที่นี้ เพื่อที่จะเดินทางกันต่อไปในจุดหมายข้างหน้า การตัดใจจากสิ่งที่รักที่ชอบนั้นท่านว่าเป็นเรื่องทำให้ทุกข์ แต่ทุกข์นั้นมันก็คงไม่นานนักแล้วมันก็จะผ่านไป ไม่มีอะไรคงทนเป็นสัจธรรมอันแท้จริง แล้วเราสองคนก็เดินทางผ่านจากที่นั่นมาอีกเมืองหนึ่ง ชื่อเมือง Fabriano เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตกระดาษค่ะFabriano From Wikipedia, the free encyclopedia Country Italy / Region Marche / Province Ancona (AN) Fabriano is a town and comune of Ancona province in the Italian region of the Marche, at 325 metres (1,066 ft) above sea level. It lies in the Esino valley 44 kilometres (27 mi) upstream and southwest of Jesi; and 15 kilometres (9 mi) east-northeast of Fossato di Vico and 36 kilometres (22 mi) east of Gubbio (both in Umbria). Its location on the main highway and rail line from Umbria to the Adriatic make it a mid-sized regional center in the Apennines. Fabriano is the headquarters of the giant appliance maker Indesit. Fabriano, with Bologna, is the only Italian creative city (UNESCO). The town is in the category Folk Arts (for the Fabriano's handmade paper production).History Fabriano appears to have been founded in the early Middle Ages by the inhabitants of a small Roman town 5 kilometres (3 mi) south at Attiggio (Latin Attidium), of which some slight remains and inscriptions are extant. Fabriano itself was one of the earliest places in Europe to make high-quality paper on an industrial scale, starting in the 13th century, and the town even today has a reputation for fine watermarked paper. This led to Fabriano's prosperity in the Late Middle Ages and the Renaissance, and was also one of the factors that led to the establishment of nearby Foligno in Umbria as one of the earliest printing centers in Italy in the 15th century, from 1470 onwards.เราสองคนผ่านเมืองนี้เพราะเป็นเส้นทางที่จะเดินทางต่อไปยังเมือง Urbino ที่ได้เล็งเอาไว้ สงสารมิเชลที่ขับรถคนเดียว บางครั้งเลยอดได้เห็นภาพสวยๆ เพราะต้องระมัดระวังเนื่องจากเป็นภูเขา เดี๋ยวมองดูวิว จะพาลงเขาแบบทางลัดเลยต้องระวังกันให้มากหน่อย แต่แม่บุญก็ถ่ายภาพมากมายไว้ให้แกดูทีหลัง เสียอย่างเดียวแกขี้เกียจดูบอกว่ามันเยอะเกิน เป็นงั้นไป ที่จริงแล้วระหว่างทางเราสองคนผ่านเมืองเล็กๆ น้อยๆ ที่สวยงามน่ารักมากมาย แต่บางแห่งไปแล้วก็เดินไม่ถึงห้านาทีเพราะไม่มีอะไรให้ดูนอกจากตึกโบราณ อันนั้นเราชะโงกทัวร์กันจริงๆ แต่ส่วนมากแล้วแค่บรรยากาศรอบๆ ตัวก็ทำให้หัวใจเบิกบาน ธรรมชาติที่ไร้มลพิษ ผู้คนที่ยิ้มแย้มแม้จะคุยกันไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ และการได้เข้าไปชิมอาหารในร้านในตำบลเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยเห็นคนไทยหน้าตาแบบแม่บุญ กลายเป็นที่สนใจให้จ้องมองสนุกไปอีกแบบในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมาย หาที่จอดรถนอกเมืองได้ก็เดิน หากอยากจะจอดในตัวเมืองต้องจ่ายตังค์แพงเหมือนกัน มิเชลแกจอดที่จอดรถฟรีไกลจากจุดศูนย์กลางเมือง แต่เราเดินกันสบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาเพราะไม่ได้จ่ายค่าที่จอด ขื่นจ่ายตังค์กันทุกเมืองคงกระเป๋ารั่วแน่นอน ตึกรามใหญ่โตเหมือนเมืองที่ผ่านๆ มา ดูเงียบสงบไร้ผู้คนเช่นเคย เราเดินดูกันเงียบๆ สองคน จนมาเจอผู้ชายคนหนึ่งแกคงอยากจะอธิบายเกี่ยวกับเมืองๆ นี้เลยมายืนคุยกับมิเชลนานทีเดียว โบสถ์ใหญ่ด้านหน้าปิดอยู่เราจึงไม่ได้เข้าไปชม ส่วนพิพิธภัณฑ์ก็ปิดเช่นกันเลยได้แต่เดินดูภายนอก ไม่นานนักเราก็ตัดสินใจเดินทางต่อ เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจนอกเหนือจากนั้นระหว่างทางขับรถวนไปตามภูเขา เห็นป้ายโฆษณาว่ามีถ้ำสวยงามที่นักท่องเที่ยวที่ผ่านเส้นทางนี้แล้วพลาดไม่ได้ เขาเขียนบอกไว้ว่า ไม่มีที่ไหนเหมือนมนโลกนี้ มิเชลรีบบึ่งไปตามเส้นทางที่ว่าจนมาถึงลานจอดรถกว้างใหญ่ท่ามกลางหุบเขารอบด้าน แล้วก็เดินไปที่สำนักงานขายตั๋วกันทันที แต่พอเห็นราคาค่าเข้าชมถ้ำ Grotte di Frasassi ค่าเข้าชมคนละ 15.50 € และมีระบริการรับส่งโดยจอดรถของเราไว้ที่นี่ แม่บุญหันไปบอกมิเชลว่า เก็บตังค์ไว้กินอาหารเย็นอร่อยๆ กันดีกว่า เพราะฉันไม่ชอบถ้ำสักเท่าไหร่ มันหนาวเย็นแถมยังอับอีกด้วย ที่ต้องบอกเช่นนั้นเพราะมันเป็นเรื่องจริง และเพราะค่าเข้าชมมันแพงนั่นเอง มิเชลมองหน้าแม่บุญเหมือนจะหยังใจ แต่แม่บุญหันกลับเดินไปที่รถซะแล้ว นึกในใจว่าค่าเข้าชมคิดเป็นเงินไทยพันกว่าบาท เก็บไว้ไปดูถ้ำเขาย้อยที่เมืองไทยดีกว่า ตกลงเลยขับรถไปที่อื่นกันเส้นทางที่มิเชลขับย้อนขึ้นไปทางเหนือเพื่อไปยังเมือง Urbino นั้นยังอีกไกล แม่บุญกางแผนที่มองดูเมืองที่จะผ่านโดยเลือกเส้นทางเล็กๆ ไต่ไปตามไหล่เขา ไม่ใช้บริการทางด่วนเพราะไม่มีอะไรดูให้เจริญหูเจริญตานอกจากรถที่วิ่งสวนกันไปมาน่าเวียนหัว เห็นเมืองๆ หนึ่งชื่อArcéviaน่าจะแวะกันเสียหน่อยจะได้ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำยืดเส้นยืดสายกันด้วย เมื่อขับรถไปถึงก็ลงเดินดูรอบๆ เมืองอันเงียบเชียบ พลเมืองของเมืองนี้มีประมาณ ๕๐๐๐ กว่าคนเท่านั้น โบสถ์ใหญ่ข้างหน้าดึงดูดให้มิเชลชวนแม่บุญเข้าไปชมภายใน เข้าไปยืนดูภาพพระเยซูที่กำลังจะสิ้นพระชนม์ มีเลือดไหลอาบเห็นแล้วก็อดสะเทือนใจไม่ได้เลยเดินออกมาเงียบๆ คนเดียว ปล่อยให้มิเชลเดินดูจนรอบMondavio...Visit Mondavio and discover one of the loveliest places in Italy. From Ancona enjoy a drive that winds up hill after hill as you move inland. Mondavio is very impressive as you get nearer. The castle and the three bell towers, all within the perfectly preserved town walls, dominate the surrounding countryside. It's worth spending, at the very least, a full day in the town. A morning spent wondering the lovely little streets and soaking up the atmosphere can be followed by an afternoon visiting the perfectly preserved castle and its museum. The medieval castle was the work of the Tuscan architect Francesco Giorgio di Martini and is apparently revolutionary in its design; with a five story main tower, in the shape of an octagon, dominating the castle. If you have the time, and even a week will do, then this is one of the best places to learn Italian. The local Italian school is in fact one of the selected few under my Italian language section. A great time to visit is during August then the Hunting of the Wild Boar festa takes place but if you can't make August then any month of the year is wonderful here - even the winter months.มองจากภูเขาลงมาด้านล่างวิวอันสวยงามเบื้องหน้านั้นแม่บุญอยากจะยกไปไว้ที่บ้านเพื่อจะได้ชมกันทุกวัน เมืองแห่งประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของอิตาลีแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเมื่อจิตรกรเอก Francesco Mingucci จาก Peraso ได้วาดภาพเมืองนี้ด้วยสีน้ำเมื่อปี 1626 กล่าวกันว่าจากภาพวาดและที่เห็นในปัจจุบัน เมืองๆ นี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นอกเหนือจากการบูรณะซ่อมแซมให้ดีขึ้นโดยรักษาสภาพเก่าเอาไว้ให้มากที่สุด ร่องรอยแห่งการต่อสู้ ป้อมปราการที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเมืองจากการรุกรานและการแย่งชิงอำนาจในช่วงศตวรรษที่ 8 ถึง 12 ภายในยังมีพิพิธภัณฑ์เสื้อเกาะ หน้ากากเหล็ก ดาบ มีด หอก แสดงไว้ในตู้กระจกอย่างดี และยังมีโรงละครชื่อ Apollo Theater แต่เราสองคน ไม่ได้เขาไปชมภายใน เพียงแต่เดินดูรอบๆ เมืองอันเงียบสงบ ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันสวยงามรายรอบเมืองบนเขาที่สูง 280 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศสดชื่นเย็นสบายทีเดียวเราเดินทางออกจากเมืองนี้เมื่อบ่ายคล้อยไปไกล เนื่องจากเรายังไม่ได้จับจองที่พักที่ไหนจึงต้องเร่งเดินทางไปให้ใกล้ตัวเมืองต่อไปเพื่อหาที่พัก การหาที่พักนั้นไม่ยากหากยังไม่ค่ำ เพราะยังสามารถขับไปเรื่อยๆ ได้แต่หากค่ำแล้วนั่นแหละปัญหาจะตามมา เพราะถึงตอนนั้นอะไรที่ขวางหน้าต้องเอาไว้ก่อน ประสบการณ์จากการเดินทางที่ฝรั่งเศส แม่บุญยังจำได้ไม่ลืมว่า มิเชลขับรถหาที่พักไปถึงเมืองเล็กๆ ในตังเมืองมีโรงแรมเล็กๆ อยู่แห่งเดียว เพราะกลัวว่าจะไม่มีที่นอนเลยไปจองไว้ก่อน เมื่อขึ้นไปดูห้องแล้วก็ได้แต่ปลอบใจกันว่าแค่นอนคืนเดียวไม่เป็นไร แม้กลิ่นอับจากบุหรี่ที่ติดกับพรมเก่าๆ จะโชยมาเป็นระยะๆ จากนั้นเราสองคนก็ออกไปชมรอบๆ เมืองก่อนค่ำ บังเอิญไปเจอห้องพักน่ารักมาก สะอาด เจ้าของยิ้มแย้มให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ที่สำคัญราคาไม่แพงมีอาหารเช้าให้ด้วย งานนี้แม่บุญต้องเล่นละครหลอกเจ้าของโรงแรมที่เราจองไว้ว่า เราต้องรีบกลับบ้านเพราะมีธุระด่วนที่ต้องทำ ขอคืนกุญแจ โชคดีที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน แต่แม่บุญรู้ว่าเจ้าของโรงแรมเขารู้ว่าเราหลอก เพราะเขาพูดว่า ฉันชินเสียแล้ว...แม่บุญรู้สึกผิดมาจนทุกวันนี้และทุกครั้งที่เดินทางหลังจากนั้นเราสองคนระมัดระวังเรื่องการจองที่พักมากขึ้นกว่าเดิม อีกไม่กี่กิโลเมตรเราจะไปถึงเมือง Urbino ระหว่างทางมิเชลบอกให้มองหาที่พักสองข้างทางด้วย แล้วเราก็ผ่านบ้านหลังหนึ่งริมถนน ด้านหน้ามีต้นดอกกุหลาบหลายสีปลูกอยู่ มิเชลรีบจอดรถทันที เราเดินไปที่บ้านหลังนั้น กดกริ่งแต่ไม่มีคนอยู่ เลยถือวิสาสะเดินดูรอบๆ บ้านไปด้วย คาดเดาเอาว่าเขาคงไม่ว่าอะไรเพราะเปิดให้เป็นที่พัก เมื่อเดินไปอีกด้านซึ่งหากเป็นเมืองไทยเราอาจจะบอกว่าด้านหลังบ้าน แต่บ้านฝรั่งเขาถือเป็นหน้าบ้าน หลังบ้านคือด้านที่เป็นประตูจะหันหน้าออกถนนมันเสียงดัง ที่เบลเยียมก็เป็นอย่างนั้น เมื่อมองออกไปเบื้องหน้า วิวเนินเขาสูงๆ ต่ำๆ ค่อยๆ พาสายตาไปสู่หมู่บ้านบนภูเขาที่อยู่ไกลออกไป แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่สาดแสงไปบนพื้นดินสะท้อนสีเขียวของต้นหญ้า ต้นไม้ ดอกไม้ สวยจนเกินจะบรรยาย เจ้าของบ้านคงจะชอบปลุกดอกไม้มากโดยเฉพาะดอกกุหลาบ เพราะมันพากันเบ่งบานดอกโตเท่าหน้าของแม่บุญ สวนครัวเล็กๆ ที่ทำบันไดเดินลงไปเบื้องหน้าอีก ผักที่มีอยู่หลากหลาย มิเชลชอบใจมาก เราเดินชมวิวพร้อมกับรอเจ้าของบ้าน เพราะคิดกันว่าคงจะพักที่นี่ไม่ไปไหนแล้ว ไม่นานนักเจ้าของบ้านวัยชราสองคนก็กลับมาบ้าน แกบอกว่าออกไปซื้อกับข้าวไม่ไกลจากที่นี่ เราสองคนขอดูห้องพักซึ่งมีอยู่สองห้องเท่านั้น คาดว่าน่าจะเป็นห้องพักของลูกๆ ของคุณตา คุณยาย พอพวกเขาโตก็พากันแยกเรือนออกไป ห้องที่ว่างอยู่จึงถูกนำมาเป็นห้องให้เช่า พอจะให้มีรายได้และเพื่อจะได้มีกิจกรรมพบปะผู้คน ไม่เหงากันซึ่งเป็นความคิดที่ดีทีเดียว ตกลงเราสองคนเลือกห้องที่หน้าต่างกระจกกว้างใหญ่ เปิดม่านออกมาเห็นวิวพาโนราม่าเต็มตา ราคาที่พักรวมอาหารเช้า 50 ยูโรต่อคืน นับว่าไม่แพงสำหรับที่นี่ จากนั้นเราสองคนก็ขนสัมภาระเข้ามาไว้ในห้อง เรากะจะพักกันสองคืน ก่อนจะเดินทางต่อไปอีกเมือง มิเชลพาขับรถเข้าไปดูในเมืองๆ ที่เห็นจากบ้านที่พักนั่นแหละ จริงๆ ก็ไม่ไกลแต่หากจะพักในเมืองเลยราคาจะแพงกว่านี้ เมืองๆ นี้ค่อนข้างมีนักท่องเที่ยวมากเขาจึงทำที่จอดรถไว้นอกเมือง แล้วให้เดินเท้าเข้าไปในเมือง ที่จอดรถยังมีศูนย์การค้าเล็กๆ ให้เดินซื้อของกันอีกด้วย เท่านี้เราก็พอใจแล้ว อีกอย่าง เจ้าของบ้านอนุญาตให้ใช้ครัวของเขาทำอาหารกินกันเองได้ด้วย แม่บุญรีบเป่าปากเลยทีเดียว เพราะเวลาเห็นอะไรที่เราชอบๆ แล้วอยากจะทำขึ้นมาตะหงิดๆ วิญญาณแม่ครัวเข้าสิงเลยก็ว่าได้ แต่คำนี้เราฝากท้องไว้กับร้านอาหาร เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที อ่านต่อตอนหน้าค่ะ
Create Date : 27 มกราคม 2559
Last Update : 30 กันยายน 2563 12:55:48 น.
28 comments
Counter : 2479 Pageviews.
โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 27 มกราคม 2559 เวลา:6:17:16 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 27 มกราคม 2559 เวลา:8:12:30 น.
โดย: Ohoho1 (Ohoho1 ) วันที่: 27 มกราคม 2559 เวลา:16:13:41 น.
โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 28 มกราคม 2559 เวลา:19:18:36 น.
โดย: Tristy วันที่: 28 มกราคม 2559 เวลา:23:09:50 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:1:04:29 น.
โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:17:41:00 น.
โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:5:48:19 น.
โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:5:31:35 น.
โดย: เนินน้ำ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:16:40:30 น.
โดย: Tristy วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:5:48:37 น.
โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:02:57 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:48:24 น.
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:14:51 น.
โดย: haiku วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:27:00 น.
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:46:36 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:28:00 น.
Location :
กรุงเทพฯ Belgium
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 87 คน [? ]
แม่บุญ..เป็นหญิงไทยอายุเลยวัยรุ่นไปไกล จับพลัดจับพลูได้สามีเป็นฝรั่งแล้วก็หอบผ้าตามกันไปอยู่เมืองนอกเมืองนา พอได้เวลาหยุดงานก็กระเตงกันไปเที่ยวตามประสาตายาย ไม่มีลูกกวนตัวกวนใจ แม่บุญนั้นชอบเขียน ชอบเล่า ชอบถ่ายรูป เป็นที่สุด จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ เอามาแบ่งบันกันให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อ่าน ได้ดูกันดีกว่า ส่วนฝีมือด้านอื่น ๆ นั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ทำอาหาร ก็เอามาแบ่งปันกันอีกนั่นแหละ ค่อย ๆ รู้จักกันไป รู้จักกันแล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกันนะ ปล....รูปภาพต่าง ๆ หากต้องการนำไปใช้ช่วยบอกที่มาที่ไปด้วยนะคะ เป็นการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมไทยเราค่อนข้างมองข้ามในเรื่องนี้ค่ะ
ฟ้าไม่แปลกใจเลยว่า..ทำไมฟ้าจึงชอบติดตามอ่านงานเขียนอันทรงคุณค่าของพี่ เพิ่งจะรู้ว่า กว่าที่งานแต่ละชิ้นจะออกมาสู่สายตาผู้ติดตามที่ตั้งตา รอคอยและแฟนคลับทั้งหลายนั้น..
เบื้องหลังการทำบล็อคของพี่แต่ละเรื่อง เต็มไปด้วยความปราณีต บรรจง ตั้งใจ
และเต็มไปด้วยข้อมูล เนื้อหา เอกสารอ้างอิงที่ช่วยประกอบในการทำบล็อคแบบนานานัปการ ไม่ได้ทำแบบสุกเอา เผากิน หรือง่ายๆเข้าว่า...
ฟ้าเห็นการเตรียมตัวในการทำแล้ว บอกตรงๆเลยว่าทั้งทึ่งและชื่นชมในความสามารถและความเพียร พยายามของพี่มากค่ะ
ทริปนี้ฟ้าอ่านแล้ว..เดี๋ยวว่างฟ้าค่อยมาเม้นท์ในทริปนี้ต่อฟ้าโหวตให้พี่ก่อนนะคะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พันคม Literature Blog ดู Blog
Maeboon Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น