หนึ่งวัน หนึ่งคืน ที่ฮาลองเบย์
2 เมษายน
แม่บุญตื่นแต่ตีสี่ เพราะนอนไม่หลับ กลิ่นห้องมันแปลก ๆ พูดไม่ถูก วันนี้หลังอาหารเช้าก็จะเช็คเอ้าท์กันแล้ว เจ้าของโรงเตี้ยมบอกให้กลับมาพักอีก คงชาติหน้าแหละนะ แม่บุญคิดในใจ รอจนเช้ากินอาหารเช้าเสร็จก็ขอฝากกระเป๋าไว้เพราะวันนี้ซื้อทัวร์ไปเที่ยวฮาลองเบย์ เห็นในรูปแล้วสวยเหลือเกินต้องไปดูของจริงเสียหน่อย
รถมารับ 8.30 โมงเช้า แต่กว่าจะไปถึงท่าเรือก็สิบเอ้ดโมงเกือบเที่ยงเพราะไกลมาก แถมรถติดระเบิดเถิดเทิงเพราะเขากำลังซ่อมทาง เสียงบีบแตรแสบแก้วหูแทบระเบิด ใคร ๆ ก็อยากไปก่อนทั้งนั้น พอออกรถไปกระจุกเป็นปากคอขวดก็ต้องหลบหลีกให้คนอื่น แต่เพราะอยากไปเร็ว ๆ มันไปไม่ได้ก็ระดมกันบีบแตร งานหน้าถ้าจะกลับไปอีก จะหาเพลงเพราะ ๆ เปิดเสียงดัง ๆ ฟังแทน เผื่อจะดีขึ้น
แม่บุญกับมิเชลร่วมทางมากับนักท่องเที่ยวอีกหลายคน มากันต่างที่ต่างเมือง เสียงแตรทำให้หมดอารมณ์พูดคุย จนไปถึงท่าเรือ เขาก็ต้อนขึ้นเรือ ๆ ลำที่ไปดูภายนอกไม่เลว ภายในห้องนอนพอใช้ได้ หากจะเปรียบกับเรือมโนราห์ของโรงแรมแมริออท ที่เคยล่องไปถึงอยุธยาแล้วล่องกลับกรุงเทพฯ มันก็เทียบกันไม่ติดแม้แต่ฝุ่น เอาน่า..ลองของใหม่ ของแปลก ไม่ว่ากัน ว่าแล้วก็ลงเรือลำใหญ่ วิ่งผ่านาวาไปยังฮาลองเบย์ อ่าวสุดสวยที่ว่า
ถ้าใครเคยไปเที่ยวอ่าวพระ อ่าวนางของไทย กับหมู่เกาะอ่างทอง..ที่ไปจากเกาะสมุย น้ำทะเลสีเขียวมรกตที่เห็นมันใสจนแทบจะมองเห็นพื้นน้ำใต้ทะเล ที่นี่ฮาลองเบย์ น้ำออกสีเขียว ฟ้าขุ่น ๆ ไม่สวยเท่าบ้านเรา แต่จำนวนเกาะเล้กเกาะน้อยมากมายที่รายรอบ ทำให้วิวที่เห็นข้างหน้าสวยเหลือเกิน เราสองคนเดินรอบลำเรือหามุมถ่ายภาพกันคนละมุม เที่ยงกว่า ๆ พนักงานก็เรียกให้มากินข้าวพร้อมกัน มีข้าวผัด ผัดผัก กับอะไรอีกอย่างจำไม่ได้ แล้วก็มีผลไม้ น้ำเปล่า ให้ อยากดื่มอย่างอื่นต้องจ่ายเพิ่มจ้า
เรือวิ่งไปไกลจนมองไม่เห็นฝั่ง แต่เริ่มเห็นบ้านที่ปลูก ไม่ใช่สิ ที่ผูกกับทุ่นอยู่กลางน้ำ ใกล้ ๆ กันเป็นบ่อเลี้ยงปลา แล้วแต่กำลังเงินว่าจะทำใหญ่หรือเล็ก ใกล้ ๆ กัน ยังมีเรือของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนบ้านลอยน้ำ เอาเรือใส่ผลไม้ น้ำอัดลม เบียร์ ฯลฯ พายมาขายให้กับนักท่องเที่ยว แม่บุญอุดหนุนกล้วยครึ่งหวี แต่จ่ายในราคาหวีครึ่ง บวกค่าขนส่ง ค่าพายเรือ ไปอีก เอ้า...ไม่ว่ากัน แต่คงไม่ซื้ออะไรอีกแล้วนะ
ค่ำนั้นหลังอาหารค่ำ ที่เรียกว่ากินเพื่ออยู่ เมนูไม่น่าเร้าใจ เลยไม่จดจำว่ามีอะไรบ้าง กินแล้วก็เตรียมตัวจะเข้านอนเนื่องจากความมืดที่คืบคลานเข้ามา ไม่ได้มีกิจกรรมใด ๆ ให้ทำ อดคิดเปรียบเทียบกับบริการเรือท่องเที่ยวของไทยไม่ได้อีกตามเคย กะว่าจะอาบน้ำ ปรากฏว่าน้ำมีแค่พอราดห้องน้ำหลังทำธุระเสร็จ ตกลงเลยต้องซื้อน้ำบนเรือมาแปรงฟัน ล้างหน้า ซักแห้ง กันทั้งสองคน นี่ถ้าไม่มืดคงขอกระโดดลงอาบน้ำข้าง ๆ เรือ นั่นแหละ
เช้าวันต่อมาตื่นหกโมง เข้าห้องน้ำลองเปิดน้ำดู อ้าวมีนิดหน่อย เลยเอาน้ำมาราดตัวแบบผ่าน ๆ อากาศย็นจนต้องใส่แต่เสื้อแขนยาวตลอด หลังอาหารเช้า สิบโมงครึ่งเขาก็บอกให้พวกเราเช็คเอ้าท์ เพราะต้องทำความสะอาดห้องก่อนไปรับแขกอีกชุดที่เตรียมจะมาลงเรือเที่ยวเหมือนเรา สรุป...แม่บุญว่า หากเป็นไปได้แค่นั่งไปกลับก็คงพอ เพราะดู ๆ แล้วพวกเขาไม่มีเวลาทำความสะอาดมากนัก วิ่งไปวิ่งมารับส่งกันยังกับรถเมล์ ผ้าปูที่นอน หมอนก้ไม่ได้เอาออกมาตากแดดบ้าง ไม่รู้นอนทับกันไปมาแล้วกี่คน
เรือพาไปชมถ้ำ แห่งหนึ่งจำชื่อไม่ได้
เรือพามาส่งที่ท่าเกือบบ่าย ดีที่เขาต้อนให้กินอาหารเที่ยงที่ภัตตาคารก่อนแยกย้ายกันกลับฮานอย รถตู้วิ่งกลับทางเก่า เสียงบีบแตรเหมือนเดิม กว่าเราจะไปถึงที่หมายก็เลยบ่ายไปโข แม่บุญเล็งโรงแรมไว้แล้วตั้งแต่เดินเที่ยวกับมิเชล โชคดีที่เขามีห้องว่าง ห้องใหญ่ ใหม่เอี่ยม ห้องนอน ห้องน้ำกว้างขวาง ไม่รู้กรรมอันใดที่มองไม่เห็นโรงแรมนี้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ต้องไปนอนดมกลิ่นแปลก ๆ อยู่หนึ่งคืน หลังเช็คอินก็ได้อาบน้ำสมใจอยาก แล้วก็อย่างเคย เดินลัดเลาะไปกินอาหารเย็นอร่อย ๆ ที่ร้านเดิม Little Hanoi ไง กินเสร็จก้เดินย่อยกลับโรงแรม...นอน ราตรีสวัสดิ์จ้า
เจอกันใหม่นะ ยังไม่จบจ้า
Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
29 comments |
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2554 21:27:09 น. |
Counter : 2474 Pageviews. |
|
|
|
เห็นภาพแล้ว สถานที่จริงคงสวยงามอลังการแน่ๆเลย