คิดไปเขียนไปตามสไตส์...แม่บุญ.....
Welcome to my little world .....
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
6 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
เที่ยวพระราชวังเก่าที่ Hué, Vietnam 2


แม่บุญเอาแต่รูปมาลง ทำให้ขาดรายละเอียดเรื่องประวัติความเป็นมา ถูกเพื่อนแนะนำว่าหามาลงหน่อย คนอื่น ๆ ที่ยังไม่รู้จะได้รู้ แม่บุญเลยต้องทำการบ้านและก็ได้ไปเจอคนที่เขาอธิบายได้แจ่มแจ้งแดงแจ๋ เลยรวบรัดตัดใจความมาลงให้อ่านกัน เป็นเว็ปไซค์ชื่อ โฟโต้ออนทัวร์ ซึ่งอธิบายไว้ว่า


" เมืองเว้เป็นเมืองเก่าของเวียดนามในสมัยที่ปกครองด้วยกษัตริย์ (เวียดนามและชาติตะวันตกจะใช้คำว่า Emperor หรือจักรพรรดิ) และกษัตริย์ในราชวงศ์เหงียนทุกพระองค์ ตั้งแต่องค์ที่ 1 ถึงองค์ที่ 13 จะประทับอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ เป็นเวลานานถึง 150 ปี เว้จึงมีชื่อว่าเป็นเมืองของกษัตริย์ และเป็นที่มาของต้นแบบทางวัฒนธรรมของเวียดนาม เช่น อาหารเวียดนาม และ ชุด อ่าวหญ๋าย หรือชุดประจำชาติของสตรีเวียดนาม

จากอดีตที่เคยเป็นเมืองหลวงเก่า และเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของเวียดนาม เว้ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงการศึกษามาแต่อดีต ในขณะนั่งรถผ่านไปที่ถนนสายหนึ่ง ไกด์ได้ชี้ให้ดูตึกเก่าสไตล์ฝรั่งเศส ทาสีออกแดงๆ บอกว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ประธานาธิบดีโฮจิมินห์เคยศึกษา และก็เป็นนักศึกษาหัวรุนแรงเสียด้วย เคยเป็นผู้นำนักศึกษาประท้วงรัฐบาลเวียดนามซึ่งปกครองโดยฝรั่งเศสอยู่หลายครั้ง จนถูกหมายหัวและถูกกดดันจนต้องเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่พาชีวิตสู่โลกกว้าง และมีโอกาสซึมซับแนวคิดแบบสังคมนิยม พร้อมกับมีโอกาสร่วมมืออย่างลับๆกับหลายประเทศ เพื่อปลดแอกประเทศเวียดนามให้เป็นอิสระจากฝรั่งเศส

วีรกรรมของโฮจิมินห์ ทำให้รัฐบาลเวียดนามและประชาชนยกย่องให้เป็นวีระบุรุษในดวงใจ ทุกคนให้ความเคารพนับถือยิ่งกว่ากษัตริย์พระองค์ใดของเวียดนาม ซึ่งความรู้สึกนี้สามารถสังเกตเห็นได้จากภาพวาดรูปโฮจิมินห์ ที่เห็นตามร้านขายภาพวาดอยู่ทั่วประเทศ รวมทั้งภาพสกรีนเสื้อยึดที่วางขายให้นักท่องเที่ยว (และหากใครได้มีโอกาสชมสุสานโฮจิมินห์ที่กรุงฮานอยก็จะรู้ว่ารัฐบาลเวียดนามรวมทั้งชาวเวียดนามให้ความสำคัญกับอดีตผู้นำคนนี้เพียงใด )

ระบอบกษัตริย์ของเวียดนามมีมายาวนานเช่นเดียวประเทศอื่นๆทางแถบอินโดจีน ซึ่งรวมถึงไทยด้วย แต่ราชวงศ์ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดก็คงเป็นราชวงศ์ เหงียน (หรือราชวงศ์หงวน หรือ เหวียน ) และเป็นราชวงศ์ที่คนไทยจะคุ้นเคย เพราะปฐมกษัติย์ของราชวงศ์เหงียน มีชื่อว่าจักรพรรดิยาลอง ก็คือ องเชียงสือ รัชทายาทของราชวงศ์เหงียน ที่เคยมาขอพึ่งบรมโพธิสมภารในปลายรัชสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2326 และพำนักเรื่อยมาจนถึงสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ อันเนื่องจากญวนหรือเวียดนามในขณะนั้นเกิดกบฏภายใน เรียกว่า กบฏไตเชิน ที่ยึดเมืองไซ่ง่อน องเชียงสือ ซึ่งเป็นเชื้อสายราชวงศ์เหงียนและเป็นเจ้าเมืองไซ่ง่อนในขณะนั้นไม่สามารถต้านทานได้ จึงหนีมาพึ่งไทย

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ โปรดให้ยกทัพไปตีช่วยองเชียงสือตีเมืองญวนถึงสองครั้ง ในปี พ.ศ. 2326 และ พ.ศ. 2327 แต่ทำการไม่สำเร็จ ต่อมาองเชียงสือเห็นว่าไทยไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ในปีพ.ศ. 2330 จึงได้หลบหนีออกจากพระนครไปพร้อมกับพวกญวนที่ตามมาในครั้งกระนั้นอีกหลายร้อยคน เพื่อไปกู้บ้านเมืองของตน การณ์ครั้งนั้นได้รับการสนับสนุนจากไทย และทหารอาสาสมัครจากชาติตะวันตก ได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ ไอริช จนทำลายทัพเรือของพวกไตเซินลงในปี พ.ศ. 2335

เมื่อจัดการกบฏที่เมืองไซ่ง่อนได้สำเร็จแล้วก็จัดระเบียบการปกครองญวนใต้ให้มั่นคง แล้วยกทัพไปตีเมืองเว้ เมื่อปี พ.ศ. 2343 หลังจากนั้นจึงได้รวบรวมเมืองสำคัญๆของเวียดนามให้เป็นเป็นปึกแผ่น แล้วจึงสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ที่เมืองเว้ หรือพระเจ้าจักรพรรดิ์แห่งอาณาจักรเวียดนาม เมื่อปี พ.ศ. 2345 เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน มีพระนามว่า จักรพรรดิยาลอง ( Gai Long)

หลังจากกษัตริย์ยาลองสถาปนาเมืองเว้เป็นราชธานีแล้ว ได้ทรงสร้างพระราชวังขึ้นบนเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ณ ใจกลางเมืองเว้ เมื่อปี พ.ศ. 2348 แต่มาแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิ์ มินหม่าง (Minh Mang ) ใน พ.ศ. 2375 รวมระยะเวลาก่อสร้างถึง 27 ปี

พระราชวังไดโน้ย (Dai Noi) สร้างตามความเชื่อแบบจีน โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ซึ่งจำลองแบบมาจากพระราชวังกู้กงหรือพระราชวังต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่ของกรุงปักกิ่งประเทศจีน และการก่อสร้างพระตำหนักต่างๆรวมถึงกำแพงรอบพระราชวังทั้งหมด ได้นำอิฐมาจากประเทศฝรั่งเศสโดยทางเรือ

คำว่าพระราชวังต้องห้าม ไกด์อธิบายว่า ภายในพระตำหนักชั้นในสุด จะเป็นเขตพระราชฐานสำหรับราชวงศ์เท่านั้น ห้ามบุคคลที่ไม่ใช่เครือญาติของกษัตริย์เข้าไปเด็ดขาด หรือหากเข้าไปแล้วก็จะไม่มีสิทธิ์ออกมาภายนอกได้ คนทั่วไปจึงเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่าพระราชวังต้องห้าม เหมือนกับที่คนจีนเรียกพระราชกู้กงว่าพระราชวังต้องห้ามเช่นเดียวกัน

พระราชวังไดโน้ย มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ล้อมรอบด้วยคูน้ำขนาดใหญ่ทั้งสี่ด้าน (คล้ายกับพระราชวังสวนจิตรลดา) มีกำแพงอิฐขนาดใหญ่ถึง 3 ชั้น กำแพงชั้นนอกมีความยาวตลอดแนว 11 กิโลเมตร หรือยาวด้านละ 2.5 กิโลเมตร สูง 6 เมตร หนา 2 เมตร มี 11 ประตู มี 24 ป้อมปราการ มีเนื้อที่ประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร และพระราชวังแห่งนี้ใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ในราชวงศ์เหงียนมาทุกพระองค์ ตั้งแต่จักรพรรดิยาลอง องค์ที่ 1 จนถึงจักรกรพรรดิเบ่าได๋ กษัตริย์องค์สุดท้าย องค์ที่ 13 ซึ่งทรงสละอำนาจให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีโงดินห์เดียม เมื่อปี พ.ศ. 2488 (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 8 ของราชวงศ์จักรี........"

รายละเอียดอื่น ๆ หากสนใจเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ตามที่อ้างถึงจ้า

คราวนี้มารูปกันต่อนะ


Photobucket



Photobucket



Photobucket



Photobucket



Photobucket



Photobucket



Photobucket



ตอนหน้าไปไปฮานอยจ้า



Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2554 16:39:21 น. 2 comments
Counter : 970 Pageviews.

 
สวยงามครับ
ขอบคุณมากๆครับ


โดย: nordcapp (nordcapp ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:55:42 น.  

 
ยินดีค่ะ ขอบคุณมากที่ชอบ


โดย: Maeboon วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:09:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maeboon
Location :
กรุงเทพฯ Belgium

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 87 คน [?]




แม่บุญ..เป็นหญิงไทยอายุเลยวัยรุ่นไปไกล จับพลัดจับพลูได้สามีเป็นฝรั่งแล้วก็หอบผ้าตามกันไปอยู่เมืองนอกเมืองนา พอได้เวลาหยุดงานก็กระเตงกันไปเที่ยวตามประสาตายาย ไม่มีลูกกวนตัวกวนใจ แม่บุญนั้นชอบเขียน ชอบเล่า ชอบถ่ายรูป เป็นที่สุด จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ เอามาแบ่งบันกันให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อ่าน ได้ดูกันดีกว่า ส่วนฝีมือด้านอื่น ๆ นั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ทำอาหาร ก็เอามาแบ่งปันกันอีกนั่นแหละ ค่อย ๆ รู้จักกันไป รู้จักกันแล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกันนะ


ปล....รูปภาพต่าง ๆ หากต้องการนำไปใช้ช่วยบอกที่มาที่ไปด้วยนะคะ เป็นการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมไทยเราค่อนข้างมองข้ามในเรื่องนี้ค่ะ

free counters
New Comments
Friends' blogs
[Add Maeboon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.