Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
11 กันยายน 2553
 
All Blogs
 

มะเร็งปอด ครั้งที่ 3



สู้.... ต่อไป

ถึงวันหมอนัด 7 พฤษภาคม 2552 ยาที่จะใช้ในการรักษาหมดคลังอีก ต้องรอ จนวันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2552 โทรไปถาม อืม...ยามาแล้ว ให้ไปโรงพยาบาลวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2552 เช้าวันจันทร์ไปถึงโรงพยาบาลก็ไปติดต่อเรื่อง admid ได้ห้องพิเศษ นอนรอจนบ่าย 3 โมง คุณหมอก็เข้ามาบอกขอเปลี่ยนตัวยาจาก Hycauntin เป็น Taxotere Inj 20 mg. และ 80 mg. แทน แต่ยาตัวนี้จะมีผลข้างเคียงคือ ทำให้ผมร่วงมาก ๆ

บ่าย 3 โมงเล็กน้อยคุณพยาบาลเอายามาให้กิน 3 เม็ดก่อนการให้คีโม และเปลี่ยนยาแก้เอาเจียน พร้อมกับผสมยาอะไรไม่รู้ลงไปด้วย ให้ยาแก้อาเจียนแล้ว ก็บอกให้ตามญาติมาเฝ้าไข้ เพราะคีโมตัวนี้จะมีอาการข้างเคียงคือ คลื่นไส้ อาเจียน อึดอัด หายใจไม่ออก ฉันเลยโทรเรียกลูกชาย ขณะรอลูกชายมา ยาแก้อาเจียนที่ให้ก็หมด คุณพยาบาลก็ยังไม่ให้คีโมบอกต้องรอญาติมาก่อน (เออ..ยานี่มันคงแรงอย่างที่เขาว่าเนอะ เพราะตั้งแต่ให้คีโมมา ก็ไม่เห็นจะต้องให้ญาติมานั่งเฝ้า) สัก 5 นาทีลูกชายก็มาถึง พยาบาลจึงให้คีโม

อืม... พอยาเข้ากระแสเลือด มันมีความรู้สึกอึดอัดระหว่างอก คลื่นไส้อยากอาเจียน สักพักความรู้สึกนั้นก็หายไป แต่อะไรกันนี่ ทำไมคันอย่างนี้ คันมาก ๆ คันไปทั่วตัว เหมือนมีมดทั้งกองทัพมาเดินอยู่ตามตัว ลูกชายก็พยายามลูบขา ลูบตัว ก็ไม่หายคัน คันมากจนทนไม่ไหวต้องร้องออกมา ความรู้สึกในขณะนั้น มันเบลอ ๆ นะ จำได้ว่าพูดอะไรออกไป 2-3 ประโยค แต่เจ้าลูกชายจำได้แค่ “ ให้ขนมเจ้าตังหรือยัง” ตอนลูกเขย่าตัวเรียก แม่ๆ ฉันก็รู้สึกตัวนะ โอ๊ย ! อะไรนี่คันจริง ๆ (คราวนี้ฉันถึงบางอ้อแล้วว่า ทำไมคุณพยาบาลจึงให้รอญาติมาก่อน จึงฉีดยาคีโมให้) พอหมดยาคีโมความรู้สึกคันก็หายไป เจ้าลูกชายบอกว่าแม่เหมือนคนเมายาเลย

เสร็จการให้คีโมก็มาเปิดสายน้ำเกลือให้เดิน เพื่อไปล้างอะไรไม่รู้จำไม่ได้แล้ว ให้น้ำเกลือตั้งแต่เวลา 18.00 น. จนถึงเวลา 06.00 น.ของวันใหม่ น้ำเกลือก็ยังไม่หมด ฉันนอนด้วยความเซ็งในอารมณ์ หงุดหงิดมาก ซ้ำเลือดก็ออก พอเวลา 06.30 น. พยาบาลเข้ามาวัดความดัน เขาเห็นจึงพูดว่า “ดีนะ ที่ไม่ใช่คีโม ถ้าเป็นคีโมเนื้อไหม้แล้ว” จากนั้นก็ดึงสายน้ำเกลือออก อ๊ะ..เลือดพุ่งเลยค่ะ คุณขา พยาบาลปิดพลาสเตอร์ให้ แล้วออกจากห้อง ฉันเดินเข้าห้องน้ำ เหลือบมองพื้นห้องน้ำ อะไรนี่ ยังมีเลือดไหลอยู่เลย ร้องเรียกพยาบาลให้กลับมาดู เขาแกะพลาสเตอร์ออก เลือดก็ไหลอีก เลยเอาผ้าก๊อซแปะแล้วปิดทับด้วยพลาสเตอร์อีกทีแล้วให้ฉันกดไว้ เฮ้อ ...ประสบการณ์อันน่าประทับใจ 19 พฤษภาคม 2552 ได้ออกจากโรงพยาบาลพร้อมยาอีก 64 เม็ดให้กินครั้งละ 16 เม็ดหลังอาหารทันทีเช้า เย็น นัดมาพบหมอใหม่ในวันที่ 8 มิถุนายน 2552

ตกเย็นวันที่ 1 มิถุนายน 2552 สระผม โอ้ละหนอ ผมเริ่มร่วงแล้ว ฉันกำลังจะเป็นโล้นซ่าอีกครั้ง

8 มิถุนายน 2552 ไปหาหมอตามนัด เจาะเลือด x-ray แล้ว นอนโรงพยาบาลรอให้คีโม dos ที่สอง ก็เหมือนครั้งแรกที่ให้ แต่อาการที่เคยเป็นกลับไม่ปรากฏอีก คราวนี้ฉันนอนรับคีโมด้วยความสบายใจ นัดอีกครั้ง 29 มิถุนายน 2552 แต่ปรากฏว่าในวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2552 ฉันมีไข้สูง จึงไปหาหมอที่คลินิกนอกเวลา เจาะเลือด x- ray ไข้สูง 39 เม็ดเลือดขาวต่ำ หมอจึงสั่ง admid ช่วงนอนโรงพยาบาล 2-3 วันแรกต้องเจาะเลือดเช้า – เย็น เพื่อไปตรวจดูว่า ฉันติดเชื้ออะไร ให้ยาฆ่าเชื้อ 2 ตัว ตัวแรกให้ทุก 8 ชั่วโมง ตัวที่ 2 ให้ทุก 12 ชั่วโมง แถมสั่งให้เลือด 1 ถุง 350 ซีซี ในระหว่างที่รอผลเลือดว่าเราติดเชื้ออะไรนั้น สามีและลูกรวมทั้งคุณหมอที่รักษาต่างก็กังวลใจว่า เราจะติดเชื้อในกระแสเลือด เพราะหากติดเชื้อที่กระแสเลือดจริง โอกาสกลับบ้านเกาก็มีสูง สำหรับตัวฉัน ฉันแน่ใจว่าเป็นแค่ไข้หวัด เชื้อไวรัสธรรมดา เพราะฉันตากฝน ปกติคนอยู่ในช่วงให้ยาคีโมจะมีภูมิคุ้มกันต่ำ ติดโรคได้ง่าย เมื่อผลชันสูตรเลือดออกมาว่า เป็นแค่เชื้อไวรัส ทุกคนก็โล่งออก แต่หมอยังไม่อนุญาตให้กลับบ้าน ช่วงที่นอนโรงพยาบาล ฉันก็ลุ้นว่าจะได้กลับบ้านทันเวลาที่จะไปเที่ยวระยองกับพี่ ๆ ที่กรุงเทพ ฯ ไหม เพราะคุณหมอบอกว่า ถ้ายังมีไข้ จะไม่ให้กลับบ้าน แต่ในที่สุดหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2552 และเปลี่ยนวันนัดใหม่จากเดิมนัดวันที่ 29 มิถุนายน 2552 เป็นวันที่ 9 กรกฏาคม 2552 ฉันยิ้มแป้น เย้ ๆๆๆ ฉันได้ไปเที่ยวระยองกับพี่ ๆ แล้ว วันที่ 5 – 7 กรกฏาคม 2552 ฉันก็เดินทางไปเที่ยวทะเลสนุกมากๆ กลับมาก็ไปหาคุณหมอตามนัด คือ พฤหัสบดีที่ 9 กรกฏาคม 2552 เจาะเลือด x –ray แล้วให้คีโม เสร็จกลับบ้าน นัดใหม่วันที่ 30 กรกฏาคม 2552 พร้อมสั่ง CT วันที่ 13 สิงหาคม 2552

พฤหัสที่ 30 กรกฏาคม 2552 พบหมอตามนัด เจาะเลือด x-ray คราวนี้ให้คีโมที่ห้อง one day เสร็จก็กลับบ้าน นัดมาใหม่ 20 สิงหาคม หลังจากทำ CT Scan แล้ว 20 สิงหาคม 2552 ไปหาหมอตามนัด ผล CT ออกมาแล้ว ปอดซ้ายบนยังเหลืออีก 0.4 ปอดขวาล่างหายไป ปอดขวาบนเหลือ 0.4 และตรงกลางต่อมน้ำเหลืองยังเท่าเดิมคือ 4.8
คุณหมอให้คีโมครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย คือครั้งที่ 5 แล้วบอกดูอาการก่อน หากไงอาจจะต้องฉายแสง ฉันแอบทำหน้าเบ้ เกลียดมากกับการฉายแสง นัดอีกครั้ง 24 กันยายน 2552 ถึงกำหนดนัด เจาะเลือด X- Ray ขนาดยังเท่าเดิม หมอบอกดูอาการไปก่อนเพราะตอนนี้ทำไรไม่ได้ จนกว่าจะมีอาการแล้วเราก็รักษาตามอาการนั้น พูดง่าย ๆ ว่า
ระยะที่ฉันเป็นมันเป็นระยะการแพร่กระจายแล้ว เป็นตรงไหนรักษาตรงนั้น หมอนัดอีกครั้ง 12 พฤศจิกายน 2552 ถึงวันนัด ก็ตามเดิม เจาะเลือด X-Ray ผลก็ยังเหมือนเดิม หมอบอกมีไรผิดปกติก็มาก่อนเวลานัดได้นะ แล้วนัดครั้งต่อไป 7 มกราคม 2553

นับตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2553 คุณหมอจะนัดมาตรวจทุก 2 เดือนก่อนขึ้นมาตรวจก็ให้ X-Ray ปอดอย่างเดียวไม่ต้องเจาะเลือด แต่ทุกครั้งที่หมอนัด ผล X-Ray ก็ยังเหมือนเดิมคือ เขาไม่ไปไหน และไม่ได้ไปซุกซนที่อื่น ก็ยังดี เราทำสัญญาพันธมิตรกันไว้ ถ้าฉันตาย นายก็ตาย เพราะงั้นอยู่กันอย่างสันตินะ ครั้งสุดท้ายฉันไปพบคุณหมอเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 คราวนี้คุณหมอนัด 3 เดือนมาพบครั้ง เห็นใจคุณหมอท่าน นับวันคนไข้มะเร็งจะเพิ่มมากขึ้น เชื่อไหม ฉันไปโรงพยาบาลแต่ละครั้ง พบแต่เพื่อนมะเร็งหน้าใหม่ ๆ ทำไมคนเราเป็นมะเร็งกันง่ายดายเหลือเกิน แต่เมื่อย้อนไปอ่าน รอบรู้เรื่องมะเร็ง ที่ฉันเขียนใน blog ก็เข้าใจ

หมั่นใส่ใจในสุขภาพนะค่ะ หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เหล้า บุหรี่ ออกกำลังกายบ้าง ด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง





 

Create Date : 11 กันยายน 2553
2 comments
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2557 8:15:44 น.
Counter : 1317 Pageviews.

 

กำลังใจคุณดีมาก

นับถือครับ

 

โดย: ชนาวิน (ชนาวิน ) 6 ตุลาคม 2553 15:59:22 น.  

 

เข้ามาอ่านย้อนหลังค่ะพี่ต้อย อ่านแล้วสงสารพี่มาก
สู้ๆนะค่ะพี่อย่ายอมแพ้มัน
คว้าชัยชนะมาให้ได้
เป็นกำลังใจให้อย่างแรงค่ะ

 

โดย: ดาวริมทะเล 8 มีนาคม 2554 19:37:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


KeRiDa
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




ชื่อเล่นว่าต้อย เป็นคนกรุงเทพฯ ย้ายตามสามีซึ่งรับราชการมาประจำที่จังหวัดเชียงใหม่ มีลูกสาวและลูกชายอย่างละ 1 หน่อ และมีหลานชายวัยกำลังซนผู้เป็นกำลังใจให้คุณย่าได้ต่อสู้กับโรคร้าย

อุปนิสัยส่วนตัวพูดไม่ค่อยเก่ง เขียนเล่าเรื่องราวไม่ค่อยจะิเป็น ถนัดแต่เรื่องเพลง ฉะนั้นบ้านนี้จึงมีเสียงเพลงเสียเป็นส่วนใหญ่

เรือนเพลงรัก KeRiDa ยินดีต้อนรับเพื่อน ทุกท่านด้วย ความเต็มใจค่ะ

"ชนใดไม่มีดนตรีกาล
ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ
เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์"

บทกลอนตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6



Friends' blogs
[Add KeRiDa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.