Group Blog
พฤษภาคม 2560

 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
อย่างนี้นี่เอง ... เด็กถึงคิดเป็นภาพไม่เป็น โดย ดร. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร





ขออนุญาตนำบทเขียนจากเพจของEducation Facet  มาแบ่งปันกันน่ะค่ะ
ที่มา  :  https://www.facebook.com/education.facet/posts/1418822298189701:0

คุณพ่อคุณแม่คงทราบกันมาบ้างนะครับว่า == การคิดเป็นภาพ == นั้นมีความสำคัญกับการเรียนรู้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาคณิตศาสตร์ และวิชาด้านวิทยาศาสตร์ และสังคมศาสตร์ที่ต้องมีการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์น่ะครับ
.
ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial Intelligence) นั้นเริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น จากงานวิจัยของ Howard Gardner (https://is.gd/eboguh) เพราะโดยทั่วไปแล้วในการเรียนรู้ เด็กๆ มักจะใช้สมองซีกซ้ายเป็นหลัก แต่เด็กที่มี Spatial Intelligence จะสามารถใช้สมองซีกขวามาช่วยเสริมสมองซีกซ้าย ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าใจ และเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ ที่เรียน ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยทำให้สมองซีกซ้ายพัฒนาเพิ่มขึ้นไปอีกด้วยครับ (https://is.gd/UlGixd)
.
ผมมักจะเปรียบเทียบง่ายๆ คือ เด็กที่มี Spatial Intelligence จะเหมือนกับการยกของหนักๆ ด้วยมือสองมือครับ ซึ่งจะมั่นคง และสบายมากกว่า การยกของหนักๆ ด้วยมือข้างเดียว
.
แต่ที่น่าเสียดายมากๆ ก็คือ ปัจจุบัน รูปแบบการเรียนรู้ที่โรงเรียนหลายๆ อย่าง บั่นทอนการพัฒนา Spatial Intelligence ของเด็กเป็นอย่างมากเลยครับ ผมได้มีโอกาสหารือกับอาจารย์ผู้สอนวิชาศิลปะท่านหนึ่ง ท่านยกตัวอย่างในเรื่องนี้ได้ดีมากๆ เลยครับ
.
อย่างในวิชาทัศนศิลป์ ที่เด็กต้องวาดภาพระบายสี แทนที่เด็กจะนึกถึงภาพที่ตนเองเคยเห็น แล้วขีดเขียนวาดเป็นภาพออกมา เด็กกลับใช้การลอกแบบ จากภาพอื่นๆ แทน รูปประกอบบทความนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดตัวอย่างหนึ่งครับ
.
เวลาที่คุณครูมอบหมายให้นักเรียนวาดภาพ "นก และภูเขา" เด็กจำนวนไม่น้อยนะครับ จะวาดภาพใน Pattern นี้ คือ มีภูเขาสองลูก โดยมีพระอาทิตย์ขึ้นตรงกลางหุบเขา นกก็ต้องเป็นขีดๆ แบบนี้ นี่ล่ะครับตัวอย่างที่ดีมากๆ ที่สะท้อนให้เห็นว่า "แทนที่วิชาศิลปะ จะช่วยทำให้เด็กพัฒนา Spatial Intelligence แต่เอาเข้าจริงๆ กลับไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่เลยครับ"
.
เด็กที่ขาดพัฒนาการด้าน Spatial Intelligence จะส่งผลให้เรียนคณิตศาสตร์ได้ไม่ค่อยเข้าใจ นึกภาพตามไม่ได้ จินตนาการความแตกต่างระหว่างจำนวนไม่ออก ทำให้เด็กจำนวนไม่น้อย ต้องเรียนคณิตศาสตร์แบบจำสูตร แทนค่า โดยที่ไม่สามารถที่จะใช้ตรรกะ หรือสามัญสำนึกในการคาดเดาคำตอบ หรือประเมินคำตอบที่ได้ว่าถูกหรือผิด
.
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าถามเด็กว่า ผลต่างระหว่าง 19 และ 8 มากหรือน้อยกว่า ผลต่างระหว่าง 12 และ 9 เด็กที่มี Spatial Intelligence จะนึกถึงระยะห่างในเส้นจำนวน และตอบได้ทันทีว่า ผลต่างระหว่าง 19 และ 8 มีค่ามากกว่าผลต่างระหว่าง 12 และ 9 แต่เด็กที่ขาด Spatial Intelligence จะต้องเสียเวลาในการคำนวณ โดยเอา 19 - 8 = 11 ซึ่งมีค่ามากกว่า 12 - 9 = 3
.
ในการเรียนในเรื่องเศษส่วน ก็เช่นกัน เด็กที่มี Spatial Intelligence จะตอบได้ทันทีว่า 56/68 มีค่ามากกว่า 98/215 โดยที่ไม่ต้องคำนวณ เพราะว่า 56/68 นั้นเกินครึ่ง ในขณะที่ 98/215 นั้นไม่ถึงครึ่ง
.
สำหรับโจทย์ปัญหา เด็กที่ขาด Spatial Intelligence จะจินตนาการในส่วนของการเปรียบเทียบไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง "เท่า" และ "เศษส่วนของ" ่เช่น หากโจทย์กำหนดว่า A มีเงินเป็น 4 เท่าของ B และ B มีเงินเป็น 1/2 ของ C เด็กที่มี Spatial Intelligence จะนึกภาพตาม และเข้าใจโดยทันทีว่า A มีเงินมากที่สุด C มีเงินรองลงมา และ B มีเงินน้อยที่สุด ถ้าเป็นเด็กสิงคโปร์ที่มีทักษะในการวาด Bar Modeling (การใช้รูปแท่งในการตีความโจทย์ให้เห็นภาพ) ก็จะวาดภาพประกอบ และตอบได้ทันทีว่า A มีเงินเป็น 2 เท่าของ C
.
สำหรับวิชาเรขาคณิต เด็กที่ขาด Spatial Intelligence จะเรียนแบบท่องสูตร และแทนค่า โดยที่ไม่เข้าใจที่มาของสูตร สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติเรขาคณิต เด็กก็มักจะท่องจำ แต่ไม่เข้าใจ ไม่สามารถนึกภาพตามได้ ทำให้เวลาทำโจทย์เรขาคณิต เด็กจะไม่สามารถประยุกต์ใช้คุณสมบัติทางเรขาคณิตในการแก้โจทย์ปัญหาได้ ในขณะเด็กที่มี Spatial Intelligence จะสามารถลากเสริมเติมเส้น และประยุกต์ใช้คุณสมบัติทางเรขาคณิตในการหาคำตอบที่ถูกต้องได้
.
ที่สำคัญที่สุด สำหรับโจทย์เรขาคณิตบรรยาย เด็กจะไม่สามารถเขียนภาพตามที่โจทย์กำหนดได้เลย เช่น โจทย์บอกว่า เด็กคนหนึ่งใช้กิ่งไม้เดินลากสร้างรูปสี่เหลี่ยมรูปหนึ่งบนสนาม โดยเดินไปทางทิศตะวันตก 10 เมตร จากนั้นเดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 5 เมตร จากนั้นจึงเดินต่อไปทางทิศตะวันออกไประยะหนึ่ง จึงเดินลากเส้นลงมาทางทิศใต้ จนเส้นบรรจบกับจุดเริ่มต้น และทำมุมตั้งฉากกับเส้นแรกที่ลากไปทางทิศตะวันออก เด็กที่ขาด Spatial Intelligence จะไม่สามารถวาดภาพตามที่โจทย์บรรยายมาให้ได้เลยนะครับ
.
หรืออย่างในเรื่องการเรียงสับเปลี่ยน จัดหมู่ ที่ให้เด็กหาว่า หากมีเสื้อ 3 สี หมวก 2 สี และกางเกง 4 สี จะสามารถแต่งตัวได้กี่แบบ เด็กที่มี Spatial Intelligence จะสามารถวาดแผนผังต้นไม้ (Tree Diagram) หรือสร้างตารางในการค่อยๆ ไล่เลียงอย่างเป็นระบบ สำหรับเด็กที่ขาด Spatial Intelligence จะมีการไล่เลียงแบบสุ่มๆ หรือไม่ก็ใช้สูตรในการคำนวณ เพื่อหาคำตอบ โดยที่ไม่สามารถวาดแผนผังต้นไม้ กำกับได้
.
ผมยืนยันว่า Spatial Intelligence นั้นมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็กมากๆ ไม่ใช่เพียงแค่ในวิชาคณิตศาสตร์เท่านั้นนะครับ สำหรับวิทยาศาสตร์โดยวิชาฟิสิกส์ ก็มีความสำคัญมากๆ เด็กที่ขาด Spatial Intelligence จะไม่สามารถวาดภาพแรงที่กระทำกับวัตถุได้ ไม่สามารถวาดการไหลของกระแสไฟฟ้าในแผนผังวงจรได้ ไม่สามารถจินตนาการถึงเฟสต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลงสถานะจากของแข็ง เป็นของเหลวได้
.
อย่าว่าแต่ในวิชาฟิสิกส์เลยครับ อย่างวิชาประวัติศาสตร์ ผมเคยเจอเด็กอยู่คนหนึ่ง เขาบอกกับผมว่า "ครูครับ ผมมักจะจำปี พ.ศ. ที่เสียกรุงครั้งที่ 2 และปี พ.ศ. ที่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์สลับกัน โดยชอบคิดว่า ปี พ.ศ. ทีสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็น ปี พ.ศ. 2310 และปีที่เสียกรุงครั้งที่ 2 คือ พ.ศ. 2325 คือ ถ้าเด็กคนนี้มี Spatial Intelligence และสามารถนึกถึง เส้นเวลา (Timeline) ได้ จะไม่มีทางจำสลับกันเลยครับ เพราะต้องเสียกรุงก่อน ที่จะสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์อยู่แล้ว ดังนั้น ปี พ.ศ. ทีเสียกรุงครั้งที่ 2 จะต้องเป็นปี พ.ศ. 2310 ไม่มีทางที่จะเป็น 2325 ได้เลย
.
นอกจานี้ เด็กที่มี Spatial Intelligence ยังจะมีความสามารถในการใช้ Mind Map ในการสรุปเนื้อหาบทเรียนที่ตัวเองอ่านทบทวนได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย ทำให้ไม่มีภาระในการจำที่มากมายนัก ตลอดจนยังสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาในบทต่างๆ เข้าด้วยกัน ได้อีกด้วย
.
ผมยืนยันครับว่า Spatial Intelligence เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่คุณพ่อคุณแม่จะละเลยไม่ได้ครับ จริงๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถบ่มเพาะ และเสริมสร้างพัฒนาการด้าน Spatial Intelligence ให้กับลูกได้ตั้งแต่ยังเล็กๆ เลยนะครับ อาทิเช่น (https://is.gd/3Pz8Jl, https://is.gd/aFaNlT, https://is.gd/nZS2gj, https://is.gd/jlXOv6, https://is.gd/JB2ZLM, https://is.gd/i5plO9) โดยผมขอเลือกวิธีง่ายๆ ที่่คุณพ่อคุณแม่ทำได้เอง มาเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะครับ
.
1) ให้ลูกช่วยหยิบของต่างๆ ให้ครับ โดยคุณพ่อคุณแม่ บอกที่เก็บของของสิ่งนั้น ว่าอยู่ที่ลิ้นชักไหน วางอยู่เหนืออะไร ใต้อะไร อยู่ติดกับอะไร อยู่ใกล้กับอะไร
.
2) เวลาที่จะเปรียบเทียบจำนวน ในเรื่องมากกว่า หรือน้อยกว่า เวลาที่มากกว่าเยอะๆ หรือมากกว่านิดเดียว ถ้าคุณพ่อคุณแม่ทำท่าทำทางไปด้วยก็จะดีมากครับ หรือถ้าในวิชาคณิตศาสตร์ถ้าเขียน "เส้นจำนวน" หรือวา "Bar Model" ให้เด็กเห็นภาพได้ก็จะดีมากเลยครับ
.
3) เวลาที่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ก็ควรจะชี้ให้ลูกดูภาพประกอบในหนังสือตามไปด้วยครับ โดยเฉพาะบทบรรยายเรื่องสี รูปทรง การเปรียบเทียบว่าอะไรเล็กกว่า ใหญ่กว่า ยาวกว่า สั้นกว่า ฯลฯ สำหรับหนังสือที่ไม่มีภาพประกอบ เวลาที่คุณพ่อคุณแม่อ่านให้ลูกฟัง ก็อาจจะบรรยาย หรือพรรณาเพิ่มเติม หรืออาจจะตั้งคำถามเพื่อให้ลูกนึกภาพตาม หรือจินตนาการตามไปได้
.
4) ในวิชาเรขาคณิต คุณพ่อคุณแม่จะต้องมั่นใจว่า ลูกมีความเข้าใจในสูตร และคุณสมบัติต่างๆ ไม่ใช่แค่ท่องจำได้
.
5) การเล่นตัวต่อ หรือหมากกระดานง่ายๆ เช่น หมากฮอส ก็สามารถช่วยให้เด็กพัฒนา Spatial Intelligence ได้เช่นกันนะครับ
.
6) สอนให้ลูกรู้จักการใช้ Timeline, Tree Diagram และ Mind Map ในการสรุปเนื้อเรื่อง หรือบทเรียนต่างๆ
.
7) เวลาที่ลูกไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนในวิชาคณิตศาสตร์ คุณพ่อคุณแม่ควรจะวาดภาพประกอบคำอธิบาย หรือยกตัวอย่างจริงๆ จากสิ่งรอบตัว ที่ทำให้เด็กนึกภาพตามได้ ไม่ควรสอนให้เด็กจำสูตรลัดโดยไม่เข้าใจโดยเด็ดขาด
.
8) การสอนให้ลูกมองภาพ Top View, Front View และ Side View ตลอดจนจินตนาการถึง "หน้าตัด" ต่างๆ ได้ เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ
.
สำหรับผมแล้ว โดยส่วนตัวผมคิดว่า "การเรียนคณิตศาสตร์ ในเนื้อหาในส่วนเรขาคณิต" ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม รูปทรงต่างๆ เส้นรอบรูป พื้นที่ ปริมาตร ส่วนแรเงา หน้าตัด มุม ฯลฯ นั้นเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ ในการพัฒนา Spatial Intelligence ให้กับเด็กๆ เรขาคณิตเป็นเนื้อหาในวิชาคณิตศาสตร์ ที่เล่นกับ "สิ่งที่มองเห็นได้" ถ้าเด็กคนไหนถูกสอนให้เรียนแบบท่องจำสูตร นั่นเท่ากับว่า เป็นการเรียนเรขาคณิตที่ผิดวัตถุประสงค์ และเปล่าประโยชน์ ซ้ำร้ายยังทำให้ Spatial Intelligence ของเด็กถดถอยอีกด้วย

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
#EducationFacet #สอนลูก #การศึกษา #เรื่องเรียนของลูก
.
ต้องการนำเอาหลักสูตรคณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ของ SE-ED Learning Center ไปเปิดโรงเรียนสอนเสริม โดยไม่มี Royalty Fee
.
สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.se-edlearning.com/franchise หรือ Tel. 08-1832-2299
.
ต้องการซื้อหนังสือคณิตศาสตร์ หรือภาษาอังกฤษ จาก SE-ED Learning Center ไปใช้สอนลูกเอง (รายละเอียดหนังสือคณิตฯ: https://goo.gl/B1ivGd อังกฤษ:https://goo.gl/iZZ9c และ https://goo.gl/d5KBdj Critical Thinking:https://goo.gl/DL27nB



ที่มา  :  https://www.facebook.com/education.facet/posts/1418822298189701:0





Create Date : 06 พฤษภาคม 2560
Last Update : 17 เมษายน 2561 19:39:36 น.
Counter : 618 Pageviews.

0 comments

jewelmoda
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]



ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากทำงานด้านเด็ก อยากเป็นครู แต่กลับต้องไปทำงานแบงค์ เมื่อขอเออรี่ออกมา ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพื่อการพัฒนาเด็กไทย

Myspace angels graphics
New Comments
Friends Blog
[Add jewelmoda's blog to your weblog]