Group Blog
เมษายน 2561

1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
อาจารย์เปาโล



  เดิมท่านเป็นผู้นำที่ข่มเหงคริสเตียนและข่มขู่จะฆ่าให้หมด(กจ.9:1)  แต่ต่อมาได้กลับใจเชื่อพระเจ้าและเป็นกำลังสำคัญในการประกาศ ท่านได้ชือว่าเป็นคริสเตียนที่ถวายตัวจริงจัง และท่านถูกข่มเหงอย่างหนักเหมือนกับที่ท่านเคยข่มเหงคริสจักรในยุคแรก ท่านเป็นแบบอย่างของความเชื่อและการอุทิศตนอย่างดีเลิศ เมื่อได้รับความรอดแล้วท่านไม่ได้อยู่เงียบๆแต่ท่านร้อนรนในการประกาศข่าวประเสริฐอันำไปสู่ความยุ่งยากตลอดชีวิตของท่านแต่ผลนั้นมากมายมหาศาลข่าวประเสริฐได้แพร่ออกไปทุกทิศทุกทาง คริสตจักรมีกำลังเข้มแข็ง มีจดหมายเขียนถึงคริสตจักรที่หนุนใจ ตักเตือน และได้เป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์ใหม่ เมื่อท่านเริ่มงานมิชชันนารีครั้งแรกท่านได้พบผู้ขัดขวางที่เมืองปาโพสท่านสามารถชนะโดยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู  ชีวิตการประกาศข่าวประเสริฐของท่านทำให้ถูกขว้างด้วยก้อนหินเกือบสิ้นชีวิต ในการเดินทางครั้งที่สองท่านมีประสบการจากการทรงนำของพระวิญญาน
บริสุทธิ์ ทีีมีหลายเมืองที่พระเจ้าบอกไม่ให้ท่านไปหรือให้ไปที่อื่นแทนที่จะไปอีกที่ 

นามเดิมคือ เซาโล  เกิดที่เมืองทาร์ซัส (เมืองท่าของมหาสมุทรเดิเตอร์เรเนียน ห่างเยรูซาเลมไปทางทิศเหนือ 600 กม.)  ท่านเป็นชาวยิวมีความรู้ด้านศาสนศาสตร์อย่างดี ศึกษาพระธรรมบัญญัติและธรรมเนียมยิวจากมาลิเอลซึ่งเป็นอาจาย์ที่โด่งดังมากในสมัยนั้น ท่านอยู่ในกลุ่มฟาริสี**(กจ.22:3 ฟลป. 3:5) ฟาริสีหลายคนไม่ชอบพระเยซูจึงคอยจ้องทำร้ายพระเยซูและสาวกของพระองค์ เซาโลได้ปรากฎตัวครั้งแรกตอนที่สเตเฟนถูกฆ่าโดยการขว้างด้วยก้อนหิน(กจ.7:51-60)ด้วยสาเหตุที่ท่านพูดควมจริงจึงเป็นเหตุให้พวกศัตรูของพระเยซูจ้องทำร้าย เมื่อสเตเฟนพูดเรื่องการปลงพระชนม์พระเยซู พวกยิวโกรธมาก ลากท่านออกไปข้างนอกขว้างด้วยก้อนหินจนตาย ขณะนั้นเซาโลก็อยู่ในเหตุการและเห็นด้วยที่สเตเฟนถูกฆ่าตายแม้นท่านไม่ได้ร่วมฆ่าด้วยแต่หลังจากนั้นท่านเป็นคนที่รังแกพวกคริสเตียนอย่างมาก(กจ.8:1-3) ท่านเข้าไปทุกบ้านตามจับคริสเตียน มาขังคุกบ้าง ทุบตีจนตายบ้าง จนคริสเตียนต้องหนีออกนอกกรุงเยรูซาเลมเหลือเฉพาะอัครทูต  ท่านตามฆ่าคริสเตียนจนวันหนึ่งไปที่ดามัสกัสเพื่อไปตามหาต่อ(เพาะท่านไม่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นบุตรของพระเจ้า)  ท่านไปหาปุโรหิตยิวเพื่อขอใบแนะนำตัวที่จะเข้าธรรมศาลาและในจ.ม.บอกปุโรหิตที่ดามัสกัสว่าให้เซาโลจับคริสเตียนได้  ท่านพาคนไปกับท่านกลุ่มหนึ่ง ระยะทางประมาณ300 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่ใกล้ถึงเมืองดามัสกัส ในเที่ยงันหนึ่ง ได้มีแสงจ้าปรากฎล้อมรอบคนเหล่านี้ ทุกคนล้มลงด้วยความกลัว และมีเพียงเซาโลคนเดียวได้ยินเสียงว่า" เซาโล ๆ เอ๋ยเจ้าข่มเหงเราทำไม"  เซาโลได้ถามกลับไปว่า  "ท่านเป็นใคร"  มีคำตอบว่า "เราคือเยซูที่เจ้าข่มเหง จงลุกขึ้นเข้าไปในเมือง แล้วจะมีคนบอกว่าเจ้าต้องทำอะไรบ้าง"
เมือลุกขึ้นท่านจึงรู้ว่าท่านตาบอด คนที่มาด้วยได้พาท่านไปบ้านของยูดาสและปล่อยท่านไว้ที่นั่น สามวันสามคืนท่านไม่กินหรือดื่มอะไร ท่านเริ่มนึกถึงสิ่งที่ท่านได้ทำต่อคริสเตียน   ในเวลาเดียวกันพระเจ้าได้ตรัสต่อ อนาเนีย (กจ9:10-20)  ให้ไปหาเซาโลที่บ้านยูดาสและวงมือให้เซาโล อนาเนียเกงจะถูกทำร้ายแต่พระเจ้าตรัสว่า พระองค์ได้เลือกเซาโลให้เป็นผู้นำนามของพระองค์ไปยังคนอื่น  อนาเนียจึงกล้าไป  เซาโลรู้ว่าอนาเนียกำลังมาเพราะพระเจ้าสำแดงนิมิตให้ท่นรู้ว่า ท่านจะมองเห็นได้อีกครั้ง  เมื่ออนาเนียวางมืออธิษฐาน เซาโลรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งคล้ายเกล็ดปลาหลุดออกมาและท่านกลับมามองเห็นอีกครั้ง  หลังจากนั้นเซาโลได้รับบัพติสมาใน้ำ ท่านรับประทานอาหาร ออกไปประกาศเทศนาในธรรมศาลาประกาศข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซูคริสต์ เมื่อเป็นคริสเตียนแล้วท่านได้ถูกเรียกชื่อใหม่ว่า เปาโล (เซาโลเป็นชื่อแบบยิว)
"เหตุฉนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ผู้นั้นก็กลายเป็นคนใหม่แ้ว สิ่งสารพัดเก่าๆก็ล่วงไป นี่แนะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น  2คธ.5:17"
เมื่อเปาโลเริ่มเทศนาโดยฤทธฺ์เดชของพระเจ้า ท่านพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าดังนั้นพวกยิวกลับหันมาเชื่อพระเจ้ามากขึ้นมากกว่าฟังคำสั่งสอนของผู้นำยิว ท่านทำให้พวกยิวงงงันและไม่สามารถโต้แย้งพระวจนะของพระเจ้าได้ พวกเขาจึงไม่พอใจคิดจะฆ่าท่านเสีย (พวกเขาผลัดกันเฝ้าประตูทั้งกลางวันกลางคืน เพราะจะฆ่าเปาโลที่นอกเมือง) เหล่าสาวกคริสเตียนที่ทราบเรื่องนี้ต่างรีบมาบอกเปาโล ทำให้ท่านรู้ว่าที่เมืองดามัสกัสไม่ปลอดภัยสำหรับท่านแล้ว จึงหาทางจะออกไปจากเมืองนี้ซึ่งไม่ง่ายนักเพราะพวกยิวคอยเฝ้ามองดูอยู่ คริสเตียนที่เมืองนี้เริ่มรักเปาโลมากขึ้นและหาทางช่วยเหลือกำลังสำคัญคนนี้ให้หนีไปจากเมืองให้ได้ ในคืนหนึ่งพวกสาวกได้นำเปาโลออกไปอย่างเงียบๆไม่ให้ใครสังเกตุเห็น แล้วเอาท่านใส่เข่งใหญ่ผูกเชือกหย่อนออกนอกกำแพงเมืองหนีไปได้อย่างปลอดภัย   ท่านได้เดินทางต่อไปที่อาระเบีย(ต่อมาอีกสามปีท่านได้กลับมาที่ดามัสกัส) ท่านได้เดินทางต่อไปที่เยรูซาเลม
ที่เยรูซาเลมกลุ่มคริสเตียนที่นี่ยังไม่ลืมการข่มเหงของท่านเขาไม่แน่ใจว่าท่านกลับใจจริง  นึกว่าเป็นกลลวงของท่าน แต่มีคนที่เชื่อท่านคือ  บารนาบัส(ลูกของที่ปรึกษา/ลูกแห่งการหนุนน้ำใจ) และพูดยืนยันว่าเปาโลกลับใจจริง บารนาบสพาเปาโลไปแนะนำต่ออัครทูต  และที่นี่เปาโลประกาศอย่างกล้าหาญไม่กลัวอทำให้มีคนมากมายหันมาเชื่อและกลับใจมาเป็นคริสเตียน ท่านประกาศอย่างกล้าหาญทำให้คริสเตียนมีความกล้ามากขึ้น คริสตจักรเพิ่มขึ้นมากทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลีและสะมาเรีย  จึงทำให้พวกที่นิยมกรีกหาช่องทางฆ่าท่าน 

การเดินทางเป็นมิชชันนารีครั้งแรก  กิจการ 13-14
อันทิโอกแห่งซีเรีย  เซลูเคีย ซาลามิส-เกาะไซปรัส ปาโพส-เกาะไซปรัส เปอร์กา อันทิโอกแห่งปิสีเดีย  อิโคนียุม ลิสตรา เดอร์บี ลิสตรา อิโคนียุม อันทีโอคแห่งปีสีเดีย เปอร์กา อัตตาเลีย อันทิโอกแห่งซีเลีย 



พระวิญญานบริสุทธิ์ทรงปรากฎให้เห็นถึงความต้องการของคริสเตียนที่เมืองอันทิโอก(พระเจ้าได้ตรัสกับคริสเตียนที่เมืองนี้โดยทางพระวิญญานบริสุทธิ์) ท่านและบารนาบัสได้อธิษฐานต่อพระเจ้ามีการอธิษฐานวางมือและออกเดินทางทันที ด้วยจุดประสงค์เดียวคือการประกาศข่าวประเสริฐ  การเดินทางกำลังดำเนินต่อไป เปลโล บารนาบัสได้ตกลงใจให้ยอห์นมาระโกที่เป็นหลานชายบารนาบัสร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อเป็นผู้ช่วย  ทั้งสามได้หยุดที่แห่งแรกคือเกาะไซปรัส   ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบารนาบัส มีชาวยิวอาศัยอยู่แยะ มีคริสเตียนหลายคนอยู่ที่นั่น  และเป็นศุนย์กลางธุรกิจการค้า 
ที่เมืองซาลามิสมีการเทศนาเป็นที่แรก ที่ธรรมศาลาของชาวยิว  แม้นอาจารย์เปาโลเป็นมิชชันนารีที่ถูกเรียกให้มาประกาศกับคนต่างชาติแต่ท่านก็เปิดโอกาศให้ชาวยิวได้ฟังด้วย  โดยการพูดถึงการวายพระชนม์ของพระเยซูบนไม่กางเขน และผู้เชื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์  บางเมืองที่ท่านไปก็ได้รับการต่อต้านจากชาวยิวเพราะเขาไม่เชื่วว่าพระเยซูเป็นพระเมสิยา และมองว่าพระเยซูดูหมิ่นพระเจ้า แตท่านก็ไม่เลิกล้มยังคงประกาศต่อ ใช้เวลาหลายสัปดาห์จนประกาศไปทัวเกาะ เพราะชาวเกาะไซปรัสนับถือเทพเจ้าของกรีก ท่านจึงประกาศให้เลิกกราบไหว้รูปเคารพ และหันมานมัสการพระเยซูคริสต์และรับใช้พระองค์ การประกาศได้เดินทางไปเรื่อยๆจนถึงเมืองปาโพสซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะไซปรัส มีคนอยู่อาศัยมาก โดยเริ่มประกาศกับชาวยิวก่อนแล้วประกาศกับคนต่างชาติผู้ว่าราชการชื่อ เสอร์จีอัสเปาโล ได้ขอให้ท่านทั้งสองมาประกาศที่สภาเมือง  แต่เอลีมาส(เป็นภาษากรีก คนยิวเรียกคนทำวิทยาคมว่าบารเยซู   คนกรีกเชื่อว่าเอลีมาส สามารถทำนายเหตุการได้แม่นยำ ) ขัดขวาง แต่พระเจ้าทงสำแดงให้รู้ว่าพระองค์มีอำนาจเหนือมารซาตาน ทำไมพระเจ้าให้เอลีมาสตาบอด (กจ.13:9-12) ผู้ว่าราชการเชื่อข่าวประเสริฐและได้รับความรอด  อาจารย์เปาโลและบารนาบัสได้เดินทางไปหลายแห่งจากการเป็นมิชชันนารีครั้งแรก และมีเหตการเกิดขึ้นมากมายเช่นที่เมืองอิโคนิยูมท่านต้องรีบออกจากเมืองอย่างด่วนเพราะผู้นำยิวและคนต่างชาติวางแผนจะขว้างท่านให้ตายด้วยการขว้างหิน ทั้งสองท่านหนีไปที่เมืองลิสตราและเดอร์บีพร้อมทั้งประกาศสั่งสอนที่นั่นด้วย(กจ.14:8-10)
ที่ลิสตรามีชายง่อยแต่กำเนิดมาฟังข่าวประเสริฐอย่างตั้งใจ เปาโลทำการอัศจรรย์รักษาชายง่อยให้หายในามของพระเยซู ชาวเมืองประหลาดใจและคิดว่าอาจารย์เปาโลและบารนานัสเป็นพระของเขา จึงได้ถวายเครื่องบูชา(กจ.14:11-13) ทำให้ท่านทั้งสองเสียใจเพราะกาลครั้งนี้มาจากพระเจ้าไม่ใช่จากท่านทั้งสอง  ขณะนั้นมีชาวยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอกและอิโคนิยูม มาที่เมืองลิสตรา ยุยงให้ชาวเมืองเข้าใจผิดว่ามิชชันนารีเป็นคนไม่ดี  จนทำให้ชาวเมืองเอาหินขว้่างปาอาจารย์เปาโลแล้วลากท่านออกไปทิ้งข้างนอกเมืองเพราะคิดว่าท่านตายแล้ว แต่พวกคริสเตียนได้ล้อมท่านไว้เพราะเห็นว่าท่านยังไม่ตาย เมื่อรู้สึกตัวท่านจึงลุกขึ้นและกลับเข้าไปในเมืองอีก วันรุ่งขึ้นอาจารย์เปาโลและบารนาบัสได้เดินทางต่อไปที่เมืองเดอร์บีและได้เทศนาสั่งสอนด้วยใจกล้าหาญ แล้วต่อมาได้กลับไปที่เมืองลิสตรา อิโคนียูมและอันทิโอก เพื่อหนุนใจคริสเตียนในเมืองให้เข้มแข็งขึ้นและได้ตั้งผู้ปกครองไว้ทุกคริสตจักร ได้ถือศีลอดอาหารอธิษฐาน   

การเดินทางเป็นมิชชันนารีครั้งที่สอง (กิจการ 35:16-18:17)
อันทิโอกแห่งซีเรีย เดอร์เบีย ลิสตา ฟีีเจียแห่งกาลาเทีย  มิเซีย โตรอัส สาโมธรัส เนอาบุรี  ฟิลิปปี  เนอาโปลิส(เมืองท่าของฟิลิปปี)  อปอลโลเนีย  เธสะโลนีกา  เบโรอา  เอเธนส์   โครินท์  เคนเครีย เอเฟซัส   ซีซาเรยา   อันทิโอกแห่งซีเรีย







 ในกิจการ16:6-10  อาจารย์เปาโล(จากคจ.อันทิโอก)และสิลาส(จากคจ.เยรูซาเลม)ได้วางแผนว่าจะไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรบางแห่งที่แคว้นกาลาเทียที่ท่านได้ก่อตั้งสมัยเป็นมิชชันนารีครั้งแรก  แต่พระเจ้าให้ท่านไปที่อื่นแทน(ในการเดินทางรอบที่สองนี้ หลังจากเดินทางกลับมาจากรอบแรกประมาณสามปี ) ในการเดินทางเที่ยวที่สองนี้ อาจารย์เปาโลและศิลาส ครั้งนี้ท่านเดินทางทางบกใช้เส้นทางถนนโรมันผ่านทางชิลิเชียและช่องทางชิลิเซียซึ่งเป็นช่องเขาผ่านทางเทือกเขาทอรัส จากนั้นขึ้นเหนือผ่านทางไปบิธิเนียพระวิญญานก็ตรัสห้ามอีกครั้ง พวกท่านจึงไปทางทิศตะวันตกผ่านแคว้นมิเซียไปเมืองโตรอัสซึ่งเป็นเมืองท่า  ในการเดินทางรอบนี้เป็นการปูพื้นฐานสำหรับคริสตจักรในกรีก 
ในระหว่างการเดินทางเป็นมิชชันนารีครั้งที่สอง ในระหว่างการเดินทางท่านและสิลาสได้วางแผนว่าจะไปเยี่ยมเยียนที่คริสตจักรบางแห่งในกาลาเทียที่ได้ก่อตั้งในรอบแรกที่มา  คจ.ดังกล่าวอยู่ที่ลิสตาและเดอร์บี  ที่ลิสตราท่านได้เพื่อนร่วมทางอีกคนคือ ทิโมธี และเป็นเพื่อนรักในเวลาต่อมา  อาจารย์เปาโลและเพื่อนร่วมงานสองคนได้เดินทางจากเมืองหนึ่งไปเมืองหนึ่งเพื่อเสริมสร้างคจ.ให้เจริญขึ้น มีการประกาศทั่วแคว้นฟรีเจียและกาลาเทียหลังจากนั้นท่านมีแผนกาว่าจะไปด้านตะวันออกของเอเซียน้อยและจะมีการประกาศใหญ่ที่เมืองเอเฟซัส เลาดีเซีย แต่พระวิญญานบริสุทธิ์ไม่ให้ท่านไปที่นั่น(กจ.16:6) ท่านจึงขึ้นไปทางเหนือไปเมืองบิธิเนีย แต่พระวิญญานก็ไม่ให้ไปเช่นกัน (ไม่ทราบว่าพระเจ้าแจ้งท่านด้วยวิธีใด) ท่านจึงเปลี่ยนเป็นไปที่ โตรอัส และที่นี่อาจารย์เปาโลได้ประสบการพระเจ้าตรัสทางนิมิตคล้ายความฝันแต่รับขณะที่ท่านยังตื่นอยู่ (กจ.16:9-10){ู ความฝันของโซโลมอนใน1พศก.3:3-15และนิมิตของเปโตรใน กจ.10:9-16} ในนิมิตนั้นอาจารย์เปาโลท่านเห็นมีชายมาจากมาซิโดเนียมาขอร้องให้ท่านมาช่วยที่มาซิโดเนีย  อาจารย์เปาโลเชื่อว่านิมิตนี้มาจากพระเจ้า ท่านจึงไปที่นั่น   เมื่ออาจารย์เปาโลและสิลาสได้เข้าไปเมืองฟิลิปปี ซึ่งเป็นอาณานิคมของโรม ท่านพักที่เมืองนี้หลายวัน ในวันสะบาโตได้ออกไปประกาศสี่งสอนตามชายฝั่ง เพื่อรวบรวมยิวให้มารวมตัวกัน ท่านได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งชื่อลิเดียเป็นนขายผ้าสีม่วง นางเชื่อพระเจ้าและเชื่อเรื่องข่าวประเสริฐ ที่งครอบครัวได้รับบัพติสมาแล้ว นางได้เชิญท่านให้ไปพักที่บ้านขณะที่ท่านทั้งสองอยู่ที่เมืองฟิลิปปี
วันหนึ่งท่านได้พบกับหญิงทาสที่ผีหมอดูเข้าสิง ่านได้ขับไล่ผีออกในนามของพระเยซู เมื่อผีที่สิงออกไปหญิงทาสก็ไม่สามารถทำนายได้ ทำให้นายสูญเสียรายได้ เขาโกรธจึงจับเปาโลและสิลาสไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง  และกล่าวหาว่ามาก่อความวุ่นวาย  ประชาชนลุกฮือเข้ามาทำร้ายท่านทั้งสองเจ้าหน้าที่ได้โบยตีแล้วเอาใส่ขื่อขังคุก  ในคืนนั้นทั้งอาจารย์เปาโลและสิลาสได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าในเวลาเที่ยงคนเกิดการอัศจรย์แผนดินไหวรุนแงประตูคุกเปิดออกโซ่ตรวนหลุด  ผู้คุมตื่นขึ้นมาและตกใจคิดว่านักโทษคงหนีออกไปหมด จึงชักดาบมาจะฆ่าตัวตาย อาจารย์เปาโลได้ตะโกนห้ามด้วยเสียงดัง  ผู้คุมจึงเข้าไปกราบเท้าเปาโลและถามว่าเขาควรทำอย่างไร ท่านทั้งสองจึงบอกให้เชื่อในข่าวประเสริฐ และสุดท้ายเขาได้รับความรอดทั้งครอบครัว    ผู้คุมได้ล้างแผลให้ท่านทั้งสองพร้อมจัดเลี้ยงแสดงความยินดีเพราะได้รับบัพติสมาด้วยน้ำเพื่อแสดงว่าเขาเป็นคริสเตียน
เมื่ออาจารย์เปาโลถูกปล่อยออกจากคุกท่านกับสิลาสได้ไปยังเมืองอัมฟีบุรี อปอลโลเนีย เธสะโลนิกาและเบโรอา  ที่เบโรอามีอุปสรรคอีกครั้งเนื่องจากชาวยิสไม่พอใจเปาโลมาจากเมืองเธสะฌลนิกาเพื่อขับไล่ออกจากเบโรอา จึงตกลงว่าเปาโลควรเดินทางไปเอเธน ส่วนสิลาสและทิโมธียังอยู่ที่นี่เพือ่ประกาศต่อไป 
เมื่อเดินทางถึงเมืองเอเธนส์ ท่านเศร้าใจที่เห็นรูปเคารพเต็มไปหมดและมีแผ่นจารึกชื่อพระต่างๆไว้บนศิลา ท่านจึงตัดสินใจประกาศเพื่อให้คนรู้จักพระเยซู  ท่านเทศนาเรื่องการกราบไหว้ทำให้ท่านได้สัมผัสชีวิตหลายคน คำพูดของท่านเป็นที่น่าสนใจของผู้คนในเอเธนส์แต่สุดท้ายท่านโดนจับไปยังสภาอาเรโอปากัส  ชาวเมืองที่นี่ชอบฟังสิ่งแปลกใหม่ โดยเฉพาะคำที่ท่านเอ่ยว่า "แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก" เพราะท่านเห็นแท่นๆหนึ่งมีจารึกว่า"แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก"  เลยประกาศถึงพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ ผู้สร้างฟ้า สวรรค์ แผ่นดินโลกและเราขึ้นมา ผู้ไม่ต้องการอะไรจากเรา แต่ทรงประทานชีวิต ลมหายใจให้พวกเรา ผู้ซึ่งอยู่ใกล้เรา ทรงไม่ใช่ทอง เงินหรือหิน แต่ทรงเป็นบุคคล  และทรงประทานพระเยซูคริสต์ลงมา และทำให้ฟื้นจากความตาย  ประชาชนที่ได้ยินบางคนก็อยากฟังต่อ แต่บางคนก็เยาะเย้ย  เมื่อออกจากที่ประชุมมีคนติดตามท่านไปและได้รับเชื่อพระเยซู เช่น  มีดิโอนิสิอัส(สมาชิกสภาอาเรโอปากัส)กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ชื่อ ดามาริส
ต่อจากนั้นท่านได้เดินทางไปยังเมืองโครินธ์ซึ่งเจริญด้านค้าขาข มีตลาดใหญ่ขายของมากมายหลากหลายทั้งผักผลไม้ภาชนะ เครื่องใช้โลหะ สัตว์ต่างๆ พื้นตลาดเป็นหินอ่อน   ที่เมืองนี้ท่านได้พบชาวยิวครอบครัวหนึ่งเป็นคริสเตียนที่ยำเกรงพระเจ้าชื่อ อาควิลลาและปริสสิลลา ที่ย้ายมาจากโรม  มีอาชีพเย็บเต็นท์เชนเดียวกับเปาโล เขาเลยชวนอาจารย์เปาโลมาอยู่ด้วย กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน รับใช้ร่วมกัน  ทุกวันสะบาโต ทั้งสามคนจะไปที่ธรรมศาลาของเมืองโครินธ์เพื่อเทศนาสั่งสอน ประกาศชักชวนทั้งคนยิว คนกรีกให้กลับใจใหม่ มาเชื่อพระเยซู เพื่อจะได้รับความรอด  ท่านบอกคนเหล่านั้นว่าทำไมพระเยซูต้องลงมายังโลกนี้  การตรึงกางเขน การฟื้นคืนพระชนม์ การรับเชื่อจะได้ชีวิตนิรันต์  
(กจ.18) มีหลายคนได้เข้ามาเชื่อพระเยซูคริสต์และรับบัพติสมาโดยเฉพาะครอบครัวของคริสปัส นาย
ธรรมศาลา ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนไม่ชอบการประกาศของอาจารย์เปาโลจ้องจะทำร้าย ทำให้อาจารย์เริ่มกังวลว่าท่านจะถูกขับไล่ออกจากเมืองเหมือนที่อื่นๆ แต่พระเจ้าได้หนุนใจท่านทางนิมิต กจ. 18:9-10"  อย่ากลัวเลยแต่จงกล่าวต่อไป อย่านิ่งเสียเพราะว่าเราอยู่กับเจ้า"
ที่เยรูซาเลม  หลายคนได้ยินข่าวลือเี่ยวกับอ.เปาโลว่า ท่านต่อต้านเรื่องธรรมบัญญัติว่าไม่จำเป็นต้องประพฤติตาม  ทำให้หลายคนในเยรูซาเลมไม่ชอบท่าน แต่ความจริงแล้ว อ.เปาโลไม่ได้หมายความว่าธรรมบัตติไม่ดี เพียงแต่คนตางชาติที่ไมใช่ชาวยิวไม่จำเป็นต้องธรรมตามเพราะจะรอดก็จากพระคุณไม่ใช่ประพฤติตามธรรมบัญญัติ  ทำให้เพื่อนของท่านเป็นห่วงในความปลอดภัยและพยายามวางแผนช่วยเหลือ(กจ.21:22-24) โดยการให้เข้าร่วมพิธีชำระตัวเพื่อพิสูจน์ให้ชาวยิวในเยรูซาเลมเห็นว่าท่านยังคงถือธรรมบัญญัติอยู่ ในวันรุ่งขึ้นอ.เปาโลได้เข้าร่วมพิธีนี้ พิธีชำระตัวมีเจ็ดวัน ท่านทำจวนจะครบ พอดีที่มีชาวยิวจากทางเอเซียมาที่นี่และจำอ.เปาโลได้ จึงยุยงว่า ให้จับอ.เปาโลเพราะท่านสอนให้ต้านธรรมบัญญัติและนำชาวกรีกเข้ามาในวิหาร(เพราะชาวยิวถือว่าวิหารเป็นสถานที่บริสุทธิิ์ที่พระเจ้าประทับอยู่ ห้ามนำคนที่ไม่ใช่ยิวเข่ามาโดยเฉพาะคนกรีก) ทำให้ชาวยิวลุกฮือขึ้นมาจะทำร้ายท่านอีก
ผู้บังคับกองทัพโรมันได้เข้ามาจัดการจราจลนี้และเข้าใจผิดคิดว่าอ.เปาโลเป็นผู้ก่อความวุ่นวาย จึงให้ล่ามโซ่สองเส้นนำตัวออกไป  ขณะที่อยู่ข้างนอกอ.เปาโลได้พูดกับผู้บังคับกองพันด้วยภาษากรีก (เดิมผู้บังคับกองพันคิดว่าท่านเป็นผู้ก่อกวนชาวอียิปต์) เมื่อท่านอธิบายว่าท่านเป็นใคร ผู้บังคับกองทัพโรมันจึงอนุญาตให้ท่านพูดกับฝูงชน และท่านพูดด้วยภาษาฮิบรู และถือโอกาสเล่าเบื้องหลังว่าท่านได้เรียนสูงสุดตามแบบคนยิวและได้เกิดเหตุการที่เส้นทางไปเมืองดามัสกัส(กจ.22:14-15)และบอกว่า พระเจ้าใช้ให้ท่านเป็นพยายแก่ทุกคนทั้งยิวและต่างชาติ  ปรากฎฝูงชนยิ่งโกรธเกลียดท่านมากขึ้น เพราะไม่คิดว่าจะมีคนยิวที่ไหนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้สั่งสอนคนต่างชาติ
ท่านถูกข่มเหงอย่างหนักแต่ท่านไม่เคยคิดเลิกที่จะประกาศ ท่านได้พูดกับทิโมธีว่า "ถ้าเรามีความอดทน เราก็จะได้ครองร่วมกับพระองค์ ถ้าเราไม่ยอมรับพระองค์ พระองค์ก็จะไม่ทรงยอมรับเราเช่นกัน 2ทธ. 2:12" 
เซนเฮดริน เป็นชื่อสภาสูงของยิว ประกอบด้วยสมาชิก 70 คน สมาชิกทุกคนต้องมีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป แต่งงานแล้ว มีชื่อเสียงดี  ปฏิบัติธรรมบัญญัติเคร่งครัด มีปุโรหิตใหญ่เป็นหัวหน้าสภา  รับผิดชอบต่อคนยิวทั้งการเมือง ศาสนา สามารถตัดสินคดีที่โทษไม่ถึงตายได้  
อ.เปาโลรู้ว่าที่นี่มีพวกฟาริสีและสะดูสี ***     และท่านรู้ว่าท่านจะพูดอย่างไรให้สองกลุ่มนี้โต้เถียงกันเอง  ทำให้วุ่นวาย ผู้บังคับกองพันจึงนำท่านไปขัง   แต่ในวันรุ่งขึ้น มียิวปรมาณสี่สิบคนนัดประชุมอย่างลับๆ สาบานว่าพวกเขาจะไม่กินอาหารหรือดื่มน้ำจนกว่าจะฆ่าอ.เปาโลให้ตาย เขาได้ไปพบปุโรหิตบอกเรื่องที่สาบานไว้และขอเอาอ.เปาโลมาตัดสินอีกครั้ง  แต่เรื่องนี้หลานชายอ.เปาโลได้ทราบและไปบอกผู้บังคับกองพัน ซึ่งเสี่ยงมาก  เมื่อท่านทราบจึงกำชับหลานชายอ.เปาโลไม่ให้แพร่งพรายต่อเพราะอันตราย แล้วผู้บังคับจัดทหารคุ้มครองอ.เปาโลไปหาเฟลิกซ์เจ้าเมืองซีซาเรยา 
ที่เมืองซีซาเรยา  อ.เปาโลถูกจำคุกอยู่สองปี ซึ่งในช่วงนี้ท่านได้เขียนจดหมายไปถึงริสตจักรที่ท่านเคยไปเยี่ยม  ต่อมาเมื่อเฟลิกซ์พ้นตำแหน่งเจ้าเมือง โดยทิ้งคดีของอ.เปาโลไว้  เฟสทัสขึ้นเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ เขาไม่ทราบจะตัดสินคดีอยางไรเพราะเขารู้ว่าอ.เปาโลไม่ผิด แต่เขาก็ไม่กล้าปล่อยเพราะเกรงชาวยิวไม่พอใจ  ต่อมาอ.เปาโลขอถวายฎีกาถึงซีซาร์ และขอเข้าเฝ้า  เฟสทัสรีบดำเนินการให้ทันที  หลังจากนั้นสองสามวัน กษัตริย์อากริปปาได้มาเยี่ยม  เจ้าเมืองเฟสทัสได้นำคดีของ อ.เปาโลเ้ข้าเพื่อจะขอให้ช่วยเรื่องการตัดสินคดีปรึกษา    
พวกผู้นำยิวไม่ได้กล่าวหาอ.เปาโลอย่างที่เฟสทัสคาดไว้ แต่เขามีข้อขัดแย้งกับเปาโลในเรื่องข้อบัญญัติของยิวและเรื่องที่อ.เปาโลบอกว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยา    กษัตริย์จึงขอพบเปาโล
วันรุ่งขึ้นอ.เปาโลได้เข้าเฝ้ากษัตริย์อากริปปาและ้บอร์นิสพระมเหสี  ท่านได้พูดเป็นพยานอย่างกล้าหาญ  ท่านบอกว่าเดิมท่านเป็นฟาริสีที่เคร่งครัดและข่มเหงคริสเตียน (กจ.26:20-21)และต่อมาพระเจ้าเรียกท่านที่ถนนไปดาม้สกัส ให้ออกมาประกาศทั้งคนยิวและไม่ใช่ยิว ท่านพูดถึงการทรงช่วยของพระเจ้าจนเฟสทัสทนฟังไม่ไหว หาว่าอ.เปาโลเสียสติ  แต่อ.เปาโลไม่กลัวท่านพูดจนกษัตริย์เกือบจะรับเชื่อ  สุดท้ายกษัตริย์ก็บอกว่า เขาผู้นี้ไม่ได้ทำผิดอะไร

เมื่อถึงเวลาที่ อ.เปาโลต้องเดินทางไปพบซีซาร์(จักรพรรดิโรมันสมัยพระคัมภีร์ใหม่)  
มีนายร้อยคนหนึ่งชื่อ ยูเลียส มีหน้าที่ควบคุมอ.เปาโลและนักโทษอื่นไเดินทางไปยังกรุงโรม (กจ.27:1-12  เป็นการพูดถึงการเดินทางช่วงแรกอย่างละเอียด กล่าวถึงจุดจอดเรือระหว่างทาง3-4 แห่ง ) เขาได้แล่นเรือไปยังเมืองไซดอนใกล้เกาะไซปรัสไปถึงเมืองมิราและไปหยุดที่เกาะครีต อ.เปาโลแนะนำคนในเรือว่า ให้หยุดเดินทางไว้ก่อนรอให้หมดหนาวแล้วค่อยเดินทางต่อ เพราะในช่วงนี้อันตรายเนื่องจากมีพายุกล้าในทะเล แต่หัวหน้าผู้คุมไม่เชื่อและออกเดินทางต่อ และหวังว่าเมื่อถึงเมืองฟินิกซ์จะจอดพักฤดูหนาวที่นั่น แต่เมื่อเรือออกเดินทางไม่นาน ก็มีพายุกล้า(ลมตะวันออกเฉียงเหนือ) พัดจากแผ่นดิน (กจ.27:14)  เนื่องจากพายุกล้ามากทำให้เรือไม่สามารถแล่นต้านพายุไปจุดหมายได้ จำต้องปล่อยให้เรือแล่นไปตามลมพายุ วันที่สองมีการนำของที่บรรทุกมากับเรือทิ้งลงทะเลเพื่อช่วยให้เรือเบาขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก วันที่สาม พวกเขาได้ขนเครื่องใช้ในเรือกำปั่นทิ้งลงทะเลอีกพายซัดเรือไปมาอยู่หลายวัน
ในคืนหนึ่งทูตสวรรค์ได้มาพบอ.เปาโลและบอกท่านว่าท่านจะได้เฝ้าซีซาร์และทุกคนบนเรือนี้จะรอดชีวิต  อ.เปาโลเชื่อว่า พระเจ้าสัญญาเช่นนั้นท่านบอกทุกคนในเรือว่า จะไม่มีใครเสียชีวิตแต่เรือจะเสียหาย(กจ.27:25)   หลังเกิดพายุได้14วัน พวกกลาสีคาดว่าน่าจะใกล้ฝั่ง เมื่อใช้เครื่องมือหยั่งความลึกของน้ำก็แน่ใจ จึงจะเอาเรือเล็กลงหนีขึ้นฝั่งทิ้งพวกนักโทษไว้ แต่อาจารย์เปาโลได้พูดหนุนใจจนพวกเขาไม่หนีไป วันรุ่งขึ้นอ.เปาโลชวนทุกคนทานอาหาร  เมื่อสว่างแล้วพวกกลาสีพยายามแล่นเรือเข้าฝัาง แต่หัวเรือไปติดทรายออกไม่ได้จึงเกยดินอยู่และท้ายเรือก็แตกด้วยแรงคลื่น  พวกทหารคิดจะฆ่านักโทษเพราะกลวว่ายน้ำหนีแต่นายร้อยห้ามไว้และสั่งให้ว่ายน้ำขึ้นฝั่งใครว่ายไม่ได้ให้เกาะกระดานว่ายไป ทุกคนถึงฝั่งโดยปลอดภัยดังที่เปาโลได้บอกว่าจะไม่มีใครสักคนเสียชีวิต
บนเกาะมอลต้า(กจ.28:1-6) ขณะที่ท่านกำลังเก็บกิ่งไม้แห้งัดหนึ่งมาใส่ไฟท่านโดนงูพิษกัด ชาวเมืองคิดว่าท่านถูกเจ้าแม่แห่งความยุติธรรมลงโทษ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประชาชนพากันแปลกใจ เมื่ออ.เปาโลได้พูดถึงเรื่องของพระเยซู พวกเขาก็ยอมรับ  เปาโลและคณะได้ถูกเชิญไปพักที่บ้านของปูบลิอัส   และมีโอกาสได้รักษาบิดาของปูบลิอัสที่เป็นบิดโดยการอธิษฐานวางมือ  ทำให้ชวเมืองพากันมาใหัรักษาอาการป่วยไข้ของเขาให้หาย พระเจ้าใช้อ.เปาโลให้รักษาโรคโดยการอธิษฐานวางมือ ทำให้ท่านมีโอกาสได้เทศนาสั่งสอนคนอื่นๆที่อยู่บนเกาะ หลายคนหายจากเจ็บป่วยและสำนึกในบุญคุณและ เมื่อท่านเดินทางต่อ ชาวเมืองได้นำสิ่งของที่จำเป็นมาให้มากมาย(กจ.28:8) 



การเดินทางครั้งที่สาม ( กิจการ 19:21-21:19)
อันทิโอกแห่งซีเรีย   กาลาเทีย  เอเฟซัส   มาชิโดเนีย  กรีก  เอเฟซัส  ฟิลิปปี โตรอัส อัสโซส 
มิทิเลนี เกาะคีโอส เกาะซามอส มิเลทัส เกาะโขส เกาะโรท ปาทารา ไทระ ทอเรเมอิส  ซีซารียา เยรูซาเลม 

(สิ่งที่กระตุ้นให้อ.เปาโลเดินทางเที่ยวที่สามคือ ความจำเป็นที่ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดต่างๆในคริสตจักรที่ท่านได้ก่อตั้ง  ท่านเดินทางขึ้นทางเหนือแล้วไปทางทิศตะวันตก กลับไปยังเมืองต่างๆที่เยไปในคราวก่อน แต่ครั้งนี้เดินทางตะวันตกมากกว่าคราวก่อนตามเส้นทางสู่เอเฟซัส)



การเดินทางครั้งที่ 4 (กิจการ 27:1-28:16)
-อันทิโอกแห่งซีเรีย  -  ไซดอน  มีรา  เกาะคนีดัส  ท่างาม  เกาะมอลต้า  ซีราคิวส์  เรยีอุม  
                                   ปูเตโอรี  ฟอรุมอับปี  หมู่บ้านสามโรงแรม  
-โรม









ที่มา :  แผนที่การเดินทางของอาจารย์เปาโลทั้งสี่ครั้ง  https://littlepaul-love.blogspot.com/

***ฟาริสี  -  กลุ่มผู้นำชาวยิวที่ถือธรรมบัญญัติเค่งครัดแ่ต่ไม่มีความรักให้กัน ฟาริสีหลายคนไม่ชอบพระเยซูเพราะพระเยซูเปิดเผยธาตุแท้ของฟาริสีว่า หน้าซื่อใจคด  ส่วนมากเป็นนาย่าง พ่อค้า ชาวนา  ฟาริสีเชื่อในพิธีการและการปฎิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะเรื่อง การถวาย การถือศีลอด อย่างเคร่งครัด เขาเชื่อเรื่องการฟื้นจากความตาม และเชื่อว่าคนทำดีจะได้รับความชอบธรรม

***สะดูสี  ส่วนมากเป็นยิวชั้นสูง มาจากครอบครัวมีอิทธิพล(น่าจะสืบเชื้อสายมาจากปุโรหิตสมัยก่อน) ศึกษาธรรมบัญญัติอย่างจริงจัง สามารถตอบคำถามเรื่องธรรมบัญญัติได้หมด พวกนี้ไม่เชื่อเรื่องทูตสวรรค์และการฟื้นจากความตาย  สะดูสีส่วนใหญ่ทำงากับรัฐบาลโรม มีตำแหน่งทางการเมืองสูง

ที่มา  บทเรียนรวีวารศึกษาธัญญทิพย์ / อมตธรรมรวมสมัยฉบับอธิบายพระคัมภีร์ใหม่/แผนที่จากเพจแคธอลิค/ คู่มือศึกษาพระคัมภีร์จากหลายแห่ง /บทสรุปเรื่องราวในพระคัมภีร์ของครูมดแดง

***









Create Date : 21 เมษายน 2561
Last Update : 3 กรกฎาคม 2561 18:33:24 น.
Counter : 9879 Pageviews.

0 comments

jewelmoda
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]



ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากทำงานด้านเด็ก อยากเป็นครู แต่กลับต้องไปทำงานแบงค์ เมื่อขอเออรี่ออกมา ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพื่อการพัฒนาเด็กไทย

Myspace angels graphics
New Comments
Friends Blog
[Add jewelmoda's blog to your weblog]