Group Blog
มกราคม 2561

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
 
All Blog
พระคำของพระเจ้า


การที่เราจะรู้ความเป็นมาของพระคัมภีร์เราต้องย้อนไปดูประวัติศาสตร์การเริ่มต้นของชาวอิสราเอล บรรพบุรุษของชนกลุ่มนี้คือ อับราฮาม พระเจ้านำครอบครัวของท่านไปยังดินแดนที่เรียกว่าแผ่นดินคะนาอัน  ทรงสัญญากับท่านว่า ลูกหลานของอับราฮามจะอาศัยที่ดินแดนนี้ หลายปีผ่านไป ยาโคบหลานของอับราฮามมีลูกชาย 12 คน  พระเจาเปลี่ยนชื่อของยาโคบเป็นอิสราเอล ดังนั้นลูกของท่านทั้งสิบสิงคนจึงถูกเรียกว่า "ลูกหลานของอิสราเอล"  และบุตรคนเล็กของท่านชื่อว่า โยเชฟ ได้ถูกขายไปเป็นทาส ที่ประเทศอียิปต์  และต่อมา ครอบครัวของยาโคบและครอบครัวของลูกชายอีกสิบเอ็ดคนได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่ประเทศอียิปต์ กับโยเชฟในช่วงที่เกิดการกันดารอาหาร หลังจากนั้นอีกหลายร้อยปีต่อมาจนเป็นชาวอิสราเอลรุ่นหลังๆ  ชนชาติอิสราเอลหรืออีกชื่อว่า ชาวฮิบรู ได้ตั้งรกรากในประเทศอียิปต์จนมีลูกหลานเกิดมากมาย  ทำให้ชาวอียิปต์กลัวจึงหาทางข่มเหงชาวฮิบรู พระเจ้าได้ช่วยเหลือโดยให้โมเสสนำชนชาตินี้ออกจากประเทศอียิปต์ซึ่งได้ย้ายมาอาศัยในอียิปต์สมัยโยเชฟนานถึง 430 ปี   โมเสสได้นำชาวฮิบรูออกจากแผ่นดินอียิปต์ไปยังดินแดนที่พระเจ้าสัญญากับอับราฮามว่าจะยกให้พงศ์พันธ์ของอับราฮามคือแผ่นดินคะนาอัน   ในขณะที่เดินทางพระเจ้าได้ประทานบัญญัติสิบประการให้แก่ชาวอิสราเอลเป็นบัญญัติแรกที่พระเจ้าเขียนบนแผ่นศิลา แต่เมื่อโมเสสนำลงมากลับพบว่าชาวอิสราเอลทำบาป ท่านโกรธมากและได้ทำแผ่นศิลานี้แตก พระเจ้าจึงประทานให้ใหม่

คำถาม ; ทำไมต้องมีบัญญัติสำหรับชาวอิสราเอล
ลองอภิปรายดูแต่ละความคิด  และเหตุผลอีกอย่างคือ ในเวลานั้นคนอิสราเอลอยู่ท่ามกลางคนต่างชาติที่นับถือพระอื่นด้วยและมีการบูชาที่ชั่วร้ายเช่น การประหาบุตรโดยการเผาเพื่อเป็นเครื่องบูชาต่อพระโมเลค  พระเจ้าต้องการแยกชนชาติของพระองค์ออกจากการกระทำบาปเหล่านี้
และบัญญัติิบประการเป็นพื้นฐานรวมทั้งกฎบัญญัติอื่นๆ

พระคัมภีร์ของคริสเตียนมีทั้งหมด 66 เล่ม มีคนเขียนประมาณ 35-40 คน มีคนหลายอาชีพที่เขียน ใช้เวลาเขียน 1600 ปี  เพราะทุกคนเขียนโดยได้รับการทรงนำจากพระเจ้า จึงมีความสอดคล้องไปด้วยกัน คนเขียนคนแรกคือ โมเสส เขียนก่อนพระเยซุมาบังเกิดหลายศตวรรษ จนถึงคนเขียนสุดท้ายคือยอห์น ได้บันทึกนิมิตที่เขาได้เห็นในหนังสือวิวรณ์  หลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้วประมาณ100ปี   พระคัมภีร์มีโครงเรื่องที่สำคัญเรื่องเดียวคือ พระเจ้าและความรอดที่ทรงประทานให้มนุษย์โดยทางพระเยซูคริสต์   พระคัมภีร์ถูกเขียนในสภาพแวดล้อมที่ทนทุกข์ทรมาน บางตอนเขียนในคุกที่โรม บางตอนเขียนโดยนักโทษที่ถูกเนรเทศไปอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่ง  ผู้เขียนหลายคนได้บันทึกบนหนังสัตว์บ้าง บนกระดาษหยาบๆบ้าง ต้องใช้ปากกาที่ทำด้วยขนนก ขนเม่น กระดูก และเขียนจากแสงสว่างของตะเกียงดวงเล็กๆหรือแสงสว่างจากเทียนไขที่ริบหรี่  เราจะพบว่า คำพยากรณ์ที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์เป็นความจริง เช่น การพิพากษาเมืองที่ชั่วร้าย เรื่องการประสูติ การวายชนม์ของพระเยซู  คำพยากรณ์หลายอย่างสำเร็จแลวและมีหลายอย่างกำลังทะยอยสำเร็จ ดูเปรียบเทียบจากอิสยาห์ 9:6 ลูกา 2:11 โยเอล 2:28-32 กิจการ 2:1-4,14-21   ข้อพิสูจน์ประการที่สามคือ  อิทธิพลของพระคัมภีร์ทำให้มนุษย์กินคนกลายเป็นคนปกติ สงบ ไม่มีพิษภัยอีก  โดยผ่านทางพระวจนะ

........................................................................................................................

การคัดลอกพระคัมภีร์ 

ชาวอิสราเอลไม่ได้เชื่อพระเจ้าทุกยุคทุกสมัย ในบางช่วงพวกเขาหันเหไปนับถือพระเจ้าของชาติอื่นทำให้พระวจนะของพระเจ้าถูกละเลยเสียหายข้อความบางส่วนที่บันทึกไว้สูญหายไป  สมัยกษัตริย์โยสิยาห์ทรงรักพระเจ้า ทรงฟื้นฟูการนมัสการ  ทำความสะอาดและซ่อมแซมวิหารของพระเจ้า ตอนนั้นเองฮิลคียาห์มหาปุโรหิตได้พบหนังสือธนนมบัญญัติ เขาได้คัดลอกธรรมบัญญัติ ส่งถวายต่อกษัตริย์โยสิยาห์ทันที  กษัตริย์โยสิยาส์ให้ธรรมาจาย์อ่านธรรมบัญญัติให้ฟังและทรงรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของหนังสือธรรมบัญญัติ และเกิดความยำเกรงพระเจ้า พระองค์ทรงต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง การนมัสการ ดังนั้นพระวจนะได้ถูกเก็บรักษาอีกครั้ง
พระคัมภีร์เดิมเขียนด้วยภาษาฮิบรู ในสมัยโบราณเมื่อเอกสารสำคัญหมดอายุหรือเก่าหรือไม่ได้ใช้ คนยิวจะฝังสิ่งเหล่านี้ไว้  แต่การคัดลอกจะทำอย่างอย่างระมัดระวังโดยธรรมมาจารย์หรือพวกอาลักษณ์ ซึ่งมีความสามารถอย่างละเอียดรอบคอบนการคัดสำเนาให้เหมือนต้นฉบับ  ในการคัดลอกสำเนาพระวจนะนั้นจะเป็นภาษาฮิบรูและถือว่าเป็นเรื่องบริสุทธิ์ ผู้คัดลอกจะต้องทำความสะอาดปากกาของเขาก่อนจะลงมือคัดลอกคำว่า "พระเจ้า"ทุกครั้ง
ผู้เขียนคนแรกได้ใช้ไม้ปลายแหลมเขียนบนดิน แล้วต่อมาพวกคนยิวพยายามทำหนังสือให้คงทนมากขึ้น ก็เขียนบนกระดาษโบราณ หนังสัตย์ บนเครื่องปั้นดินเผา แผ่นศิลา แผ่นดินเหนียว และแผ่นขี้ผึ้ง รูปแแบจะเป็นหนังสือม้วน บางครั้งยาวถึง 30 ฟุต   เื่องจากม้วนหนังสือคัดลอกด้วยมือ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งมีค่ามาก เขาจะเก็บหนังสือไว้ที่ธรรมศาลา 
พระคัมภีร์ใหม่บันทึกเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซู คำสอน ประวัติคริสตจักร เขียนหลังพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว เป็นภาษากรีก ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไปสมัยนั้น
ในสมัยก่อนหลายคนบันทึกเรื่องราวพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ บางคนอาจะขียนเป็นการบันทึกทางประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า จึงมีกลุ่มคนของพระเจ้ากลุ่มหนึ่งรวมตัวกันขึ้นเพื่อตั้งกฎเกณท์การตรวจสอบพระคัมภีร์ (แคนนอน) ก่อน   เพื่อจะยอมรับว่าเล่มใดเขียนโดยการดลใจจากพระเจ้า (2ทธ.3:16)
แนนอน  หมายถึง  อำนาจหรือกฎเกณฑ์ที่ใช้เป็นมาตฐานของความเชื่อและการปฎิบัติ  ในราว คศ.400 มีหนังสือหลายเล่มได้รับการคัดเลือกเป็นต้นฉบับเพื่อจะพิมพ์เป็นพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐานเหมือนเล่มที่เราใช้อยู่นี้ พีะคัมภีร์เดิมได้พิมพ์ก่อนพระเยซูประสูติ
หลังจากพระเยซูประสูติ 500 ปี อิทธิพลของพระคัมภีร์และคริสเตียนแพร่ไปทั่วยุโรป แต่การศึกษาค้นคว่าได้ลดถอยลงในยุคกลาง ซึ่งเรียกว่ายุคมืด  เป็นยุคที่มีการเรียนรู้น้อยมาก ไม่มีการอ่าน เขียนหรือสนใจพระคัมภีร์เลย และในยุคกลางยังไม่มีเครื่องพิมพ์ การคัดลอกทำโดยมือ จึงเป็นงานที่หนัก ในทุกสำนักศาสนาจะมีห้องเขียนหนังสือ เพราะคัดลอกแล้วยังมีการตกแต่งลายริมกระดาษให้สวยงาม   ในระหว่าง คศ. 500-1000 มีกลุ่มผู้คงแก่เรียนชาวยิว เรียกวา่ แมโซแร็ธ มีหน้าที่คัดลอกพระคัมภีร์เดิมให้สมบูรณ์และถูกต้อง เพื่อให้คนรุ่นหลังๆได้ใช้ต่อไป ในการคัดลอก พวกเขาจะทำด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เขาจะตรวจตราทุกถ้อยคำทุกตัวอักษรหากพบมีคำใดผิดจากต้นฉบับแม้นแต่คำเดียว เขาจะทำลายกระดาษแผ่นนั้นทันทีแล้วคัดลอกใหม่และจะตรวจสอบกับต้นฉบับตลอด ผู้คัดลอกจะอ่านแต่ละคำก่อนลงมือเขียน  อันนับว่าเป็นความพยายามที่น่ายกย่องยิ่งนักเพราะมือที่ต้องเมื่อยล้า ตาที่ฝ้าฟางไป และแม้นแต่การรักษาพระคำที่บริสุทธิ์เหล่านี้ บางคนต้องเสัยสละแม้นชีวิตเพื่อรักษาพระคำเหล่านี้ เพราะจักพรรดิ์โรมันพยายามกวาดล้างพวกคริสเตียนและเอาพระคัมภีร์ทุกฉบับไปเผาไฟ
ในยุคกลางการมีพระคัมภีร์เป็นส่วนตัวถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ในคริสจักรจะมีพระคัมภีร์เป็นภาษาลาติน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะอ่านภาษาละตินไม่ได้  ในปีคศ.1199คณะสังฆนายกและพวกหัวหน้าพระในคริสตจักรได้ออกกฎว่า พระคัมภีร์จะอ่านได้เฉพาะในภาษาลาตินและแปลโดยพระเท่านั้น ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกเผาไฟตาย  มีชายสองคนถูกฆ่าตายเนืองจากลักลอบแปลข้อความบางตอนในพระคัมภีร์  คือชาวอังกฤษชื่อ จอห์น วิคคลิฟ เป็นคนแรกแปลเป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่ม ในปี คศ. 1382 เขาถูกเรียกว่าเป็นคนนอกศาสนา(คนนอกรีต คือ คนที่มีความเห็นขัดแย้งกับผู้นำศริสตจักร ศพของเขาถูกขุดขึ้นมาและถูกเผา) หลังจากนั้นอีก50ปี มีคำสั่งให้เผาพระคัมภีร์ที่เขาแปล แต่มีบางคนไมายอมให้ก็ถูกฆ่าตาย  ในปีคศ.1536 วิลเลียม ทินเดล ก็แอบแปลพระคัมภีร์เขาถูกจับแขวนคอ เขาได้อธิษฐานว่า "ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเปิดตาของกษัตริย์ของอังกฤษ" พระคัมภีร์ที่ทินเดลแปลได้ถูกห้ามนำเข้ามาในประเทศอังกฤษ แต่มีคนแอบลักลอบนำเข้ามาหลายร้อยเล่ม    ต่อมาอีก 40 ปี กษัตริย์เจมส์ได้ขึ้นครองราชย์พระองค์ให้มีการแปลพระคัมภีร์จากภาษาเดิมเป็นภาษาอังกฤษ
ในปัจจุบันเราควรขอบคุณพระเจ้าที่เรามีอิสระเสรีในการซื้อหาและครอบครองพระคัมภีร์เพราะพระวจนะจะทำให้เราเข้มแข็งและสามารถศึกษาค้นคว้าเข้าใจได้ถ่องแท้ขึ้น
............................................................................................................
พระคัมภึร์ของคนไทย
ประเทศไทยเพิ่งจะมีพระคัมภีร์ภาษาไทยมาได้เมื่อร้อยกว่าปีนี่เอง 
เนื่องจากส่วนใหญ่พระคัมภีร์เขียนเป็นภาษากรีก จึงต้องมีการแปลเป็นภาษาต่างๆเพื่อทุกคนจะอ่านเองและทำความเข้าใจได้ง่าย ในตอนปลายคศง300 ศาสนาคริสต์ได้กลายเป็นศาสนาของจักรวรรดิโรมันจึงต้องใช้เป็นภาษลาติน  สำหรับประเทศไทยเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว มิชชันนารีคาธอลิค เห็นว่าควรมีพระคัมภีร์เป็นภาษาไทย จึงได้แปลขึ้นเป้นครั้งแกที่จังหวัดอยุธยา แต่เมื่อพม่ามาตีกรุงศรี ทำให้ต้นฉบับตกน้ำสูญหายไป ในปีค.ศ.1818 ภรรยาของอโดนิราม จัดสัน ซึ่งเป็นมิชชันนารีของพม่า ได้พบเชลยศึกชาวไทย เขามีภาระใจในการประกาศกับเชลยศึกไทย เขาจึงเรียนภาษาไทยกับพวกเชลยศึกและเริ่มแปลคำเทศนาบนภูเขา และเรื่องอื่นๆในมัทธิว เพราะการเข้ามาประกาศในไทยยากมาก (แต่ไม่ได้พิมพ์เป็นเล่ม )
 ต่อมาในคศ. 1828 มีมิชชันนารีโปแตสแต้นท์เข้ามาในไทย คือศจ.คาร์ล กุตสลาฟ เอ็ม.ดี. และ ศ๗.ยากอบ ทอมลิน เมื่อได้รับอนุญาตให้ประกาศพระกิตติคุณได้ ท่านเริ่มจากการประกาศคนจีนในไทยก่อนเพราะเคยเรียนภาษาจีนตั้งแต่อยู่ในยุโรป และทราบว่ามีคนจีนอยู่ในไทยมาก  ท่านได้นำยารักษาโรค พระคัมภีร์จีนไปแจก แม้นคนจีนเหล่านี้อ่านไม่ออกแต่ก็ได้มีการแจกจ่ายไปอย่างรวดเร็ว และคนจีนจะตามไปฟังเมื่อมีการประกาศที่ไหน  ทำให้มีคนไม่พอใจ พยายามกลั่นแกล้งไปบอกรัฐบาลไทยว่า มิชชันนารียุให้คนจีนกระก้างกระเดื่อง และแกล้งปล่อยข่าวลือว่า ใครรับพระคัมภีร์จะโดนลงโทษ ต่อมามีการพิสูจน์ว่าไม่จริง แต่ก็ยังมีคนต้องการให้ท่านถูกขับไล่ออกนอกประเทศ จนทั่านต้องขออนุญาติรัฐบาลไทยให้อนุญาตให้ประกาศได้ต่อไปเหมือนแคธอลิค และสุดท้ายก็ได้รับอนุญาตอีกครั้ง ต่อมา อาจารย์ทั้งสองทานก็ได้แปลพระกิตติคุณที่งสี่เล่ม มัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น จากภาษาจีนเป็นภาษาไทย ในการแปลนี้ได้ชาวจีนชื่อ คิง และชาวพม่าชื่อ โหน มาช่วยเพราะทั้งสองคนมีความรู้ภาษาจีนและไทยเป็นอย่างดี จนสุดท้ายได้แปลออกมาจนจบพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่จบทั้งเล่ม   หลังจากนั้นศจ.โรบินสันได้ทำแท่นพิมพ์ภาษาไทยที่ทำด้วยไม้เป็นครั้งแรกแต่พิมพ์ได้ช้ามาก ค่าใช้จ่ายสูง  ดังนั้นในปีคศ. 1836  มิชชันนารีสั่งแท่นพิมพ์ที่ทันสมัยที่สุดเข้ามาในประเทศไทย สิ่งพิมพ์ครั้งแรกคือ  "พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์"พิมพ์ออกมา  4000 ฉบับ
ในเวลาเดียวกัน ศจ. กุสตาฟ ได้แปลพระคัมภีร์ใหม่ทั้งเล่ม และพิมพ์พระธรรมลูกาในคศ.1893 จนครบพระคัมภีร์ทั้งเล่มและพิมพ์พระคัมภีร์เดิมในคศ .1896 ที่ประเทศสิงค์โปร์ และมีการปรับปรุงอีกครั้งในคศ. 1954 การแก้ไขทำโดยกรรมการยกร่างคำแปล 3 คน กรรมการตรวจสอบแก้ไข ฉบับยกร่าง 8 คน และกรรมการที่ปรึกษาอีก 25คน ใช้เวลานาน 13ปี  ในการแก้ไขให้ถูกต้องต้นฉบับท่ี่สุด  โดยได้ยกร่างภาคพันธสัญญาเดิมกับต้นฉบับฮิบรู  และต้นฉบับภาษไทยเปรียบเทียบกับต้นฉบับภาษากรีก  ในปีคศ.1971 ได้พิมพ์พระคัมภีร์ฉบับสมบูรณ์เป็นเล่มที่ใช้ปัจจุบัน (แม้นจะมีการปรับปรุงอีกก็ยังอิงฉบับเดิม) 

เหตุผลของการปรับปรุงแก้ไข

1 ความผิดพลาดในการคัดลอก  บางทีคำบางคำหรือหน้าบางหน้าอาจลบหรือตกหล่นไป หมึกอาจจางไปหรือลายมืออ่านยาก
2 ต้นฉบับที่แปลครั้งก่อนๆ เมื่อค้นพบต้นฉบับที่แปลก่อน ผู้ปรับปรุงได้พยายามที่จะนำมาเปรียบเทียบ เพื่อให้ใกล้เคียงต้นฉบับเดิม ให้มากที่สุด เช่นม้วนหนังสือที่ทะเลตาย ในปีคศ. 1947 
3 คนเรียนรู้ภาษษกรีกโบราณได้ดีขึ้น  เพราะการแปลหรือการเรียนรู้ความหมายของเนื้อหาที่ได้จากต้นฉบับเดิมจะได้ความถูกต้องดีกว่า
     เราควรจะขอบคุณพระเจ้าสำหรับคนที่รักภาษาและแปลพระคำของพระเจ้าไว้ แราควรจะจดจำและใส่ใจต่อความสำคัญของพระคัมภีร์และให้พระวจนะเหล่านี้ฝังอยู่ในชีวิตและเติบโตในชีวิตของเรา  


ที่มา  ธัญญทิพย์ฉบับประถมปลายและเนื้อหาเพิ่มเติมจากหลายแหล่ง J2-1 และบางส่วนจากครูมดแดงสรุปมาจากที่อื่น 

"ข้าพระองค์ได้สะสมพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์   สดุดี  119: 11"






พระคัมภีร์กับหนูๆ

เด็กในวัยประถมปลาย ถ้าให้ศึกษาพระคัมภีร์ตั้งแต่ปฐมกาลจนจบวิวรณ์ อาจดูว่าหนักและยากไป  แต่ถ้าอ่านและทำความเข้าใจไปเรื่อยๆจบหมดก็วนอ่านกันใหม่ ไม่เร่งรีบเพื่อให้จบแต่อ่านด้วยใจที่อยากค้นคว้าหาคำตอบ ใคร่ครวญ ทำความเข้าใจพื้นฐานและวัตถุประสงค์ของพระคัมภีร์ ก็สามารถทำได้    แต่ปัจจุบัน เวลาของการเรียน ติวพิเศษ เกมส์ เพื่อนฝูง  ทำให้เด็กๆเหลือเวลาสำหรับพระเจ้าน้อยจนแทบไม่มี แต่่พ่อแม่ (ครูมดแดงเชื่อว่า ในบ้านของเด็ก คุณพ่อแม่คือคุณครูรวีที่ดีที่สุดของลูก)สามารถพูดกระตุ้นให้เค้าระลึกเสมอว่า อย่างไรก็ตาม พระเจ้าคือคำตอบของทุกสิ่ง ถ้าไม่อ่านหรือค้นหา แล้วเราจะเอาคำตอบมาจากไหน   จากเพื่อนๆหรือ(คิดให้ดี) ดู เฉลยธรรมบัญญัติ 6:6-9,  โยชูวา 1:8
"พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์ สดด.119:105" 
โมเสสเน้นว่า จะต้องสอนพระวจนะอย่างเอาใจใส่ทุกๆวัน  ประเพณีคนยิวในสมัยโมเสสนั้น เขาจะเขียนคำที่สำคัญเกี่ยวกับคุณธรรมหรือความเชื่อลงบนหนังแกะผูกไว้ที่ข้อมือหรือหน้าผาก บนเสาหรือประตูบ้าน เพื่อจะมองเห็นง่าย และอ่านอยู่เสมอไม่ให้ลืม และโมเสสต้องการให้ชนอิสราเอลจดจำบัญญัติ10ประการของพระเจ้าด้วยวิธีนี้เช่นกัน  ในปัจจุบันเราจะเห็นมีการทำการ์ดเล็กๆเขียข้อพระธรรมเพื่อท่องจำและติดตัวไปด้วย นั่งว่างที่ไหนก็ยกขึ้นมาท่อง  ที่บ้านก็มีภาพข้อพระคำติดอยู่
หากเราถือรักษาพระวจนะด้วยความสัตย์ชื่อ พระเจ้าสัญญาว่าเราจะพบความสำเร็จในชีวิต  อาจไม่ใช่ความร่ำรวยแต่เป็นการจัดเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นแก่ชีวิตเราในทุกๆวัน  ใน2ธิโมธี 3:16-17 ได้เอ่ยถึงประโยชน์สี่ทางที่จะได้รับ คือ  การสั่งสอน  ตักเตือน  ว่ากล่าว  การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี   เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำดีทุกอย่าง    แม้นแต่พระเยซูก็ใช้ขอพระคัมภีร์ในการต่อสู้กับมารคือ เฉลยธรรมบัญญัติ 8:3,6:16,6-13   {อยากจะหนุนใจให้ทุกคนท่องข้อท่องจำไว้แยะๆ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นจะเริ่มจำไม่ค่อยได้ ตกๆหล่น  (โดยเฉพาะปัจจุบันมีการปรับปรุงสำนวนของพระคัมภีร์บ่อย ทำให้ต้องท่องตามฉบับใหม่ๆที่คริสตจักรเปลี่ยนฉบับไปด้วย ทำให้เดี๋ยวนี้สับสนกับข้อท่องจำฉบับเก่าฉบับใหม่มาก) แต่ถ้าท่องตั้งแต่เด็กๆมันจะจำตลอดไป แม้นจะเปลี่ยนฉบับปรับปรุงกี่ครั้ง มันก็ยังเนื้อหาเดิมเพียงแต่เปลี่ยนสำนวนไปบ้าง}  เมื่อมารซาตานทดลอง เราจะได้มีข้อพระคำของพระเจ้าช่วยปกป้องไม่ให้ตกเข้าไปในหลุมของการทำบาป   และนอกจากนั้นเราต้องช่วยกันบอกคนอื่นๆให้ได้รับรู้ข่าวประเสริฐด้วย เมื่อเราเป็นพยานแก่คนอื่นเราก้ควรที่จะรู้พระวจนะเป็นอย่างดี เช่นตอนที่พระวิญญานนำฟิลิปไปเป็นพยานกับขันทีชาวเอธิโอเปียซึ่งกำลังอ่านพระวจนะและมีข้อสงสัยอยู่นั้น ฟิลิปได้เข้าไปอธิบายและบอกเรื่องพระเยซูทำให้เขารับเชื่อและรับบัพติสมา  เพราะฟิลิปอ่านและศึกษาพระวจนะ พระวิญญานจึงใช้เขาได้ (กจ.8:26-38)   อย่างน้อยพกพระัมภีร์เล่มเล็กๆหรือดาวโหลดลงมือถือเพื่อเปิดใช้อ่านได้
ข้อพระธรมที่ใช้ในการเป็นพยาน
1ยอห์น 4:9ม โรม 3:26ม โรม 6:23, เอเฟซัส 2:8-9, โรม 10:9, กิจการ 3:19, ยอห์น 3:16, ยากอบ 4:17, โรม 5:8, ยอห์น 1:12, 1เปโตร  2:24, กิจการ 16:13  
หน้าที่ของคริสเตียนทุกคน คือ การเป็นพยาน บอกเรื่องความรอดแก่ทุกคนให้ได้พบกับพระเยซูคริสต์

ข้าพระองค์ได้สะสมพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้ไม่ทำบาปต่อพระองค์  สดด. 119:11





Create Date : 27 มกราคม 2561
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2561 11:30:37 น.
Counter : 380 Pageviews.

0 comments

jewelmoda
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]



ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากทำงานด้านเด็ก อยากเป็นครู แต่กลับต้องไปทำงานแบงค์ เมื่อขอเออรี่ออกมา ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพื่อการพัฒนาเด็กไทย

Myspace angels graphics
New Comments
Friends Blog
[Add jewelmoda's blog to your weblog]