"แอนนี่" บอก ฟิล์ม ควรขอขมาก่อนบวช แขวะคงมีคนถือหมอนเยอะ วอนอาร์เอสฯจบอย่าฟ้องเพราะไม่มีทางสู้
"แอนนี่" แจงรูปควงผู้ชายเป็นกิ๊กเก่าในอดีต ขู่ใครยัดเยียดให้เป็นพ่อ ทีฆายุ ฟ้องแน่ รับยกลูกชายให้เป็นบุตรบุญธรรมนายกสมาคมศัลยฯ เพราะอีกฝ่ายเป็นคนดี ทำพิธีรับขวัญ 14 พ.ย.นี้ที่อยุธยา บอก ฟิล์ม ควรขอขมาก่อนบวช จะอโหสิให้แต่ไม่ลืม แขวะคงเป็นงานบวชที่มีคนถือหมอนเยอะ โบ้ยมูลนิธิเพื่อนหญิงจัดการฟ้อง เฮียฮ้อ-พจน์ ส่วนที่อาร์เอสฯจะฟ้องกลับ วอนให้สงสารตนและลูกเพราะไม่มีทางสู้
หลังจากตกเป็นข่าวมหากาพย์ยาวนานกินเวลาเป็นเดือนๆ จนปัจจุบันเรื่องก็ยังดูไม่คลี่คลายสักเท่าไหร่ สำหรับกรณีของนักแสดงสาว "แอนนี่ บรู๊ค" กับนักร้องขวัญใจวัยรุ่น "ฟิล์ม รัฐภูมิ โคตงทรัพย์" ที่ยังคงหาคำตอบไม่ได้ว่า ใครกันแน่เป็นพ่อของ ทีฆายุ ลูกชายของแอนนี่ เพราะดาราสาวปฏิเสธที่จะตรวจดีเอ็นเอ และเรื่องดังกล่าวก็เริ่มเงียบซาลงไปบ้างแล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างขู่หากพูดมากจะมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น ล่าสุด แอนนี่ กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เมื่อมีภาพหลุดควงหนุ่มคนหนึ่งออกมา ซึ่งว่ากันว่าเป็นคนที่แอนนี่คบหาไปพร้อมๆ กับคบฟิล์ม จึงทำให้เกิดข้อสงสัยเพิ่มว่า ผู้ชายในภาพอาจเป็นพ่อของเด็กก็เป็นได้
แต่เมื่อไปสอบถามแอนนี่เรื่องนี้ในงาน "เห็ดนานาชนิด และผักสดโครงการหลวง ที่เซ็นทรัลพลาซ่า รามอินทรา" เจ้าตัวถึงกับร้องเสียงหลงแจงว่าเป็นภาพเก่านานแล้ว ขู่ถ้าใครยัดเยียดให้มาเป็นพ่อทีฆายุให้ขีดเส้นใต้ไว้เลยโดนฟ้องแน่
"โอ๊ย...เป็นภาพเก่าแล้วค่ะ เป็นภาพเก่าหลายปีแล้วที่เอามาลงใหม่ เป็นภาพปาปารัซซี่ตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้ ไม่ใช่ภาพตอนนี้แน่นอน เพราะว่าตอนนี้หุ่นแอนนี่ยังไม่ผอมเท่าตอนนั้นเลย ถามว่าเป็นภาพในช่วงที่คบฟิล์มหรือเปล่า เขาเลยเอาภาพออกมา ไม่ใช่เลยค่ะ ถ้าใครจะมายัดเยียดที่จะให้เป็นพ่อของน้องทีฆายุ เดี๋ยวอาจจะฟ้องบ้างแล้วนะ ขีดเส้นใต้ไว้เลย"
"คือถ้าออกมาพูดแบบนี้ว่า คนในภาพหลุดคบตอนที่คบฟิล์มนะ ต้องนึกถึงเด็กไว้บ้าง ไม่ใช่ว่าอยากประโคมอะไรก็ใส่กันเข้ามา ตอนนี้เรื่องมันเงียบลงแล้วก็ดีใจ แล้วตัวแอนนี่ก็กลับมาใช้ชีวิตแบบสบายตัวขึ้น ก็ตั้งใจทำงานอย่างเดียว ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ถ้าจะมีภาพอะไรแบบนี้มาบ้างก็เป็นน้ำจิ้มแล้วกันนะคะ เพราะว่าตอนนี้ไม่ซีเรียสแล้ว เราก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แล้วเดี๋ยวนี้คนดูมีวิจารณญาณ แม้แต่พี่ๆ นักข่าวเองดูก็น่าจะรู้ว่ามันนานมาแล้ว ทุกวันนี้แอนนี่เลี้ยงลูกอยู่ไม่มีเวลาไปทำอะไร และใจไม่เปิดรับใครเลย"
"ถามว่ากลัวอีกฝ่ายจะเอาข้อมูลรูปภาพนี้ มารวมเป็นหลักฐานเพื่อเอาฟ้องเราหรือเปล่า แอนนี่ว่าถ้าเขาจะหาข้อมูลก็คงหาได้เยอะอยู่แล้ว ถ้าเกิดจะหาก็หาได้หลายทาง ไม่ใช่แค่ภาพอย่างเดียว ซึ่งตอนนี้แอนนี่ไม่ได้มีการติดต่อกับผู้ชายคนนั้นแล้วค่ะ เพราะว่ามันนานมากแล้ว มันเป็นอดีตไปแล้วค่ะ"
รับยก ทีฆายุ ลูกชาย ให้เป็นบุตรบุญธรรมของ นายแพทย์ชลทิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนดีและรู้จักสนิทสนมกันมานานแล้ว
"อันนี้เป็นเรื่องน่ายินดีนะ เพราะแอนนี่กับอาจารย์หมอ และกลุ่มๆ ของอาจารย์หมอ จะรู้จักกันมาตั้งนานมากแล้ว เพราะตัวแอนนี่เองก็อยู่ในแวดวงด้านพยาบาล หรือของทางการแพทย์ พี่หมอที่ดูแลแอนนี่ตอนที่แอนนี่ตั้งท้อง ก็จะอยู่ในกลุ่มเดียวกันค่ะ และที่อยากยกให้ลูกบุญธรรม เพราะว่าอาจารย์หมอและภรรยาเป็นคนดีมาก และก็เป็นคนที่จิตใจดี เราก็รู้จักท่านมานานแล้ว ท่านอยากดูแลเรื่องการศึกษาน้อง คือท่านอยากสนับสนุนเรื่องการศึกษาของน้องให้ดีที่สุดค่ะ อย่างน้อยน้องจะได้ไม่ขาด"
"แล้วอาจารย์หมอกับภรรยาก็ยินดีรับน้องให้เป็นบุตรบุญธรรมตั้งนานแล้ว แต่ว่าตอนที่มีข่าวแรงๆ แอนนี่ไม่อยากให้อาจารย์หมอออกมา เพราะเดี๋ยวอาจารย์จะเสียหาย พอตอนนี้เรื่องมันซาแล้วก็เออ..อาจารย์หมออยากทำตรงนี้ แอนนี่เชิญพี่ๆ ด้วยถ้าเกิดพี่ๆ ว่าง เพราะว่าเป็นงานกฐินพระราชทานที่วัดพนัญเชิง จังหวัดอยุธยา หลังจากงานกฐินเสร็จแล้วก็จะมีพิธีรับขวัญน้อง และก็รับเป็นบุตรบุญธรรมวันเดียวกันเลย วันที่ 14 พ.ย.นี้ค่ะ ถามว่าอาจารย์หมอเป็นคนเสนอ หรือว่าแอนนี่เป็นคนขอให้เป็นพ่อบุญธรรม ก็คือว่าอาจารย์หมอบอกว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวเป็นพ่อบุญธรรมให้ก็ได้"
"ในเรื่องค่าใช้จ่ายทางอาจารย์หมอและภรรยา ก็คงจะไม่ได้ให้ค่าใช้จ่ายน้องทั้งหมด แต่อาจะเป็นบางส่วน เพราะแอนนี่บอกไปแล้วว่าแอนนี่เป็นแม่ แอนนี่ทำหน้าที่ในฐานะคนที่เป็นแม่ เช่นการดูแลเรื่องการใช้จ่ายทั่วไปแอนนี่ขอดูแลเอง จะไม่ยกให้คนอื่นมาดูแลทั้งหมด ส่วนอาหมอก็คงจะดูแลในเรื่องของการศึกษาเล่าเรียน ถามถึงกระแสต่อต้านในเรื่องนี้ ก็คือคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ คนรักเราก็จะยินดีกับเราว่า เออ...ดีใจด้วยเด็กคนนี้มีบุญ แต่ถ้าเกิดบางคนอาจจะมีคิดอคติกับเราก็ต้องปล่อยวาง เพราะถ้าฟังความคิดร้อยคนเราก็จะเป็นบ้าไปซะก่อน เราต้องนิ่งมั่นใจในสิ่งที่ทำว่า เราทำถูกต้องแล้ว"
"ถามว่าแอนนี่คาดหวังกับการยกลูกให้เป็นลูกบุญธรรมอาจารย์หมอแค่ไหน ก็อาจารย์หมอบอกว่าให้แอนนี่เลี้ยงลูกได้ตามสบายเลย ไม่ใช่ว่าแอนนี่จะไปยกลูกให้เป็นลูกคนอื่นนะ แกแค่จะดูแลในเรื่องของการศึกษาแค่นั้นเอง จะไม่มายุ่งวุ่นวายว่าจะต้องดูแลยังไง จะต้องเลี้ยงยังไง คือให้เราเลี้ยงให้เราดูแลน้องเต็มที่ได้ ในส่วนของด้านกฎหมายที่จะจดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรม ก็คงจะเป็นหลังวันที่ 14 ก็คงจะเป็นการรับขวัญไปก่อน เป็นพิธีเหมือนสมัยก่อนค่ะ มีผูกข้อไม้ข้อมือ ส่วนนามสกุลเด็กก็ใช้ของแอนนี่ หมอไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับน้องเลย แค่ดูแลการศึกษาแค่นั้นเอง"
บอก ฟิล์ม ควรขอขมาทุกคนก่อนบวช สำหรับตนให้อโหสิกรรมแต่ไม่ลืม พร้อมแขวะคงเป็นงานบวชที่มีคนถือหมอนเยอะที่สุด
"เขาจะบวชก็ดีใจด้วย คิดว่างานนี้น่าจะเป็นงานที่มีคนถือหมอนเยอะที่สุด เห็นเคยพูดไว้ ถ้าถามเรื่องขอขมา อยากให้เขามาขอขมาไหม ก็จริงๆ แล้วตามศาสนาพุทธต้องเดินสายขอขมาไปด้วยกาย วาจา ใจ จะด้วยการที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ก็ควรจะขอขมาทุกคนค่ะ แต่สำหรับเราไม่คาดหวังหรอก ยังไงก็ให้อยู่แล้วให้อภัย ให้อภัยแต่ไม่ลืม"
ส่วนเรื่องฟ้องร้อง เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ บิ๊กบอสอาร์เอสฯ กับผู้กำกับดัง พจน์ อานนท์ ฐานหมิ่นประมาท เจ้าตัวโบ้ยให้มูลนิธิเพื่อนหญิงจัดการ แต่ที่กำลังจะถูกอาร์เอสฯฟ้องกลับกรณีเอาชื่อ ฟิล์ม ไปอ้างเป็นพ่อของ ทีฆายุ ทำให้เสียชื่อเสียง แอนนี่ กลับอ้อนวอนให้สงสาร เพราะตนกับลูกไม่มีทางสู้
"คือเรื่องฟ้องตอนนี้ทางมูลนิธิเป็นคนจัดการ แอนนี่ก็มอบอำนาจให้ดูแลเรื่องนี้ เพราะตัวแอนนี่เองก็ไม่มีเวลาดูเรื่องนี้เลยทำงานอย่างเดียว ส่วนเรื่องจะถอดชื่ออีกฝ่ายจากการเป็นพ่อเด็กหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องกลับไปถามทั้งสองฝ่ายว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้ามันมาถึงจุดตรงนั้นแล้วก็ยินดีค่ะ ในเมื่อเรื่องนี้แอนนี่เป็นคนตัดสินใจเอง ไม่เป็นไร แอนนี่ว่าประชาชนหลายๆ คนเราไม่สามารถที่จะพูดได้ว่าใครเป็นพ่อไม่อย่างนั้นดาราดังๆ ก็คงจะเป็นพ่อของน้องๆ หลายๆ คนไปแล้ว มันไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ใช่จะพูดได้ว่าใครเป็นพ่อก็ได้ อันนี้อยากให้ดูนิดนึงว่ามันน่าจะมีอะไรเกิดขึ้น"
"ถามว่าถ้าเขาไม่ฟ้องกลับ แต่แลกกับการให้เราถอนฟ้อง อันนี้ก็ต้องถามผู้ใหญ่ก่อน เพราะว่าจริงๆ แล้วทางมูลนิธิและทางผู้ใหญ่ดูแลในเรื่องนี้อยู่ ต้องปรึกษากันก่อนว่าจะเอายังไง ซึ่งเรื่องที่แอนนี่จะฟ้องหรือไม่ก็ยังไม่รู้อะไรเลย เดี๋ยวต้องดูอีกทีว่าแกจะเอายังไง คือเราไม่ได้จะมาแข่งขันหรือฟาดฟันใคร ไม่ได้จะล้มใคร เราแค่ทำเพื่อน้อง เพราะว่าต่อไปในอนาคตมันต้องมีคำตอบให้เด็ก ไม่ใช่ว่าจะมาลอยๆ แบบนี้"
"จริงๆ ก็เหนื่อยนะ ก็น่าสงสารน้อง เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เสียหายที่สุด หรือว่าคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือเด็ก เพราะว่าเหมือนกับผู้ใหญ่มาฟาดฟันกันเอง หมายถึงตัวแอนนี่ด้วย ตอนนี้เลยไม่อยากจะไปดูเรื่องนี้แล้ว แล้วแต่เลยค่ะ เราต้องปลงแล้ว แล้วแต่ใครจะทำอะไร เพราะว่าเราทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพียงแต่ว่าสงสารน้องแค่นั้น ก็แล้วแต่ความคิดใครว่าจะเอายังไง ตัวแอนนี่ก็ไม่ได้เตรียมอะไรนะคะ มีความจริงใดๆ ก็พูดไป แต่ถ้าเขาไม่ฟ้องก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีและน่ารักมาก เพราะว่าแอนนี่เองก็มีแค่แอนนี่กับลูก ก็คงสู้อะไรไม่ได้จริงๆ ค่ะ"
"คือตอนนี้แอนนี่อยากให้ทุกอย่างออกมาสวยงาม แอนนี่ขอแบบนั้น ขอให้มันจบดีๆ ทุกคนเหนื่อยมากแล้วกับเรื่องนี้ มันเป็นมหากาพย์ที่ยาวมากเกินไป อยากให้มันจบแบบที่สวยงามมากๆ อยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ และดีๆ ด้วยซ้ำ แต่แอนนี่ก็ไม่รู้ว่าจะออกมายังไง เรื่องจะมีการนัดเคลียร์ตัวต่อตัวแอนนี่ไม่รู้เลย เพราะแอนนี่ก็ไม่รู้ว่าฝั่งไหนจะคิดยังไง มาจนถึงวันนี้มันก็ค่อนข้างแรงสำหรับเรา มันแรงมาก แต่ถ้าผู้ใหญ่ให้ความเมตตาน้องทีฆายุกับแอนนี่จริงๆ ก็ลองดูแล้วกันค่ะ"
เผยหลังเปลี่ยนชื่อ-นามสุกลจาก "ฐิฏิพร เสฎฐภูมิ" มาเป็น "ณชชญา ธนัตถ์ฐิตาภา" ทำให้ชีวิตดีขึ้น
"ตอนนี้เปลี่ยนชื่อนามสกุลแล้วดีขึ้นค่ะ เป็นชื่อที่เราคิดเองด้วย คือถ้าจิตสั่งกาย ถ้าเราคิดดีมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ไปไหนมาไหนก็ดีขึ้น สบายมากขึ้น อยากไปไหนก็ไป พาน้องไปเที่ยวก็ได้ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว ซึ่งแอนนี่ก็ได้ไปช่วยเหลือคนที่ถูกน้ำท่วมด้วยที่หาดใหญ่ คือ จริงๆ แอนนี่จะแค่ไปให้กำลังใจเขา แต่เขามาให้กำลังใจแอนนี่ก็น่ารักดี ทั้งๆ ที่เขาทุกข์กว่าเรา เขายังมาให้กำลังใจเรา เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้วเงินก็ซื้อไม่ได้ค่ะ"
ที่มา manager.co.th
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [