Group Blog
เมษายน 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
“แม่เลี้ยง” เปิดใจทั้งน้ำตา คิดไม่ถึง “หนุ่ม” จะแจ้งจับคดีอาญา
“แม่เลี้ยง” เปิดใจ รัก “หนุ่ม กรรชัย” เหมือนลูก เผยที่ผ่านมาให้หนุ่มมากกว่าลูกคนอื่นเพราะสงสารที่ไม่มีพ่อมีแม่ ไม่คิดว่าจะโดนฟ้องร้อง แจงตนไม่รู้เรื่องกฎหมายอยากได้อะไรทำไมไม่บอก จะได้จัดสรรตั้งแต่แรก สุดช้ำใจปล่อยโฮโดนหนุ่มแจ้งอาญาคิดไม่ถึงว่าจะทำกันได้ น้อยใจที่ผ่านมาคิดว่าเป็นลูก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่ ตัดพ้อหนุ่มคงเกลียดตนเองถึงทำได้ขนาดนี้ สะเทือนใจหนุ่มเรียก “แม่เลี้ยง” ทั้งที่แต่ก่อนเรียก “แม่” วอนขอให้หยุดเรียกคำนี้

เป็นเรื่องราวใหญ่โตเลยทีเดียวเมื่อ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแม่เลี้ยง “นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย” และ “นายอัคระ กำเนิดพลอย” พี่ชายต่างมารดา ต่อศาลแพ่งธนบุรี เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนผู้จัดการมรดกและจัดแบ่งมรดกของบิดา “นายประกอบ กำเนิดพลอย” เนื่องจากคู่กรณีไม่ยอมแบ่งมรดกในส่วนที่ตนสมควรจะได้ ซ้ำยังโอนทรัพย์สินบางอย่างไปเป็นของทายาทคนอื่นและบุคคลอื่น รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดร่วม 100 ล้าน

เท่านั้นไม่พอเจ้าตัวก็ยังให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อและรายการ “แฉแต่เช้า” ว่า ตั้งแต่พ่อตายก็ไม่เคยได้รับการหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือจากฝ่ายแม่เลี้ยง ซ้ำยังหนีหน้าไม่ยอมเคลียร์เรื่องสมบัติ แม้กระทั่งบวชก็มีเพียงป้าเป็นธุระจัดการให้ แถมยังเล่าถึงชีวิตสุดรันทดสมัยที่ต้องเข้าไปอยู่บ้านกับแม่เลี้ยงว่า ต้องไปนอนกับคนขับรถ และซักเสื้อผ้ารวมกับคนรับใช้ พร้อมทั้งแฉว่าคู่กรณีนำพระเครื่องรางของพ่อขาย จน “พลอยไพลิน กำเนิดพลอย” ลูกสาวของ “เชษฐา กำเนิดพลอย” หลานสาวของนางวิมลรัตน์ทนไม่ไหวออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน พร้อมกับงัดหลักฐานใบอุปสมบทที่มีชื่อของนางวิมลรัตน์เป็นผู้เซ็นต์รับรองการบวช ตีแสกหน้าหนุ่มเข้าอย่างจัง จนหนุ่มต้องออกมาแถลงข่าวในบ่ายวันนี้

ล่าสุดหลังจากที่เก็บตัวเงียบมานาน ในที่สุด “วิมลรัตน์ กำเนิดพลอย” หญิงชราวัย 74 ปีที่หนุ่มระบุว่าเป็น “แม่เลี้ยง” ก็ได้ออกมาเปิดใจกับ ASTV บันเทิงผู้จัดการรายวัน ถึงชีวิตความผูกพันกับหนุ่ม รวมไปถึงเรื่องคดีความที่ถูกฟ้องร้อง งานนี้เจ้าตัวบอกว่า เรื่องคดีการฟ้องร้องมรดกไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เรื่องที่หนุ่มแจ้งความดำเนินคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่สะเทือนใจมากที่สุด

“หนุ่ย(ลูกชายคนที่สอง) เป็นคนพาหนุ่มเข้ามาหาแม่ประมาณอายุ 15-16 ปี แม่ก็เห็นว่าเป็นลูกพ่อก็ไม่ได้คิดอะไรมากช่างมันเหอะมันยังเด็ก เขาไม่ได้มาทำอะไรให้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย เราก็อยู่กันแบบเป็นแม่เป็นลูกตลอดเวลา ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นลูกเลี้ยง แม่เป็นเมียหลวงเมียน้อยไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก คิดแต่ว่าเขาเป็นลูก ก็เลี้ยงเขามีศักดิ์ศรีเท่ากันไปโรงเรียนก็มีคนขับรถไปส่ง”

ปฏิเสธเรื่องที่ “หนุ่ม” บอกว่าต้องไปนอนรวมกับคนขับรถ
“ห้องหนุ่มจะอยู่ข้างล่างเป็นห้องของพี่ยุ้ย(ลูกชายคนโต) มีพี่หนุ่ย(ลูกชายคนที่สอง)และก็มีเจ้าหนุ่ม และก็มีเพื่อนของเขาอีกคนหนึ่งก็นอนกันอยู่ตรงนั้นสามคนเตียงเบ้อเร่อเลย ไม่ใช่ว่าให้เขาไปอยู่กับคนขับรถเพราะคนขับรถไปกลับ บ้านเราไม่มีห้องสำหรับคนขับรถ อย่างเสื้อผ้าก็เหมือนกันก็ใช้เครื่องซักผ้าคนใช้เขาก็แบ่งแยกของเขาไปจะมาซักรวมกับของแม่ของลูกได้ไง ของแม่ก็จะมีของแม่ของลูกรวมกันอยู่ ไม่ใช่ว่าไอ้คนนี้มันไม่ใช่ลูกฉันไปซักรวมกับคนใช้ แม่ไม่ใช่คนอย่างนั้น”

“คือยังไงก็รักเหมือนลูก อย่าว่าแต่ลูกพ่อเลยนะถ้าเป็นลูกชาวบ้านถ้ามันน่ารักแม่ก็เก็บมาเลี้ยงเป็นลูกได้ แม่ยังเคยเลี้ยงลูกคนใช้เหมือนลูกหลานตัวเองเลย แล้วนี่เขาเป็นลูกพ่อด้วย ที่ให้สตางค์เขาไปเราก็ไม่ได้คิดอย่างอื่น ก็คิดว่าเขาเป็นลูกพ่อให้มันบ้าง แล้วไอ้การที่ว่าจะมามีทรัพย์สินแบ่งกันแม่ไม่เข้าใจเรื่องกฎหมาย ถ้าเข้าใจแม่ก็คงทำซะนานแล้วไม่ปล่อยมาถึงอย่างนี้ เพราะแม่มีแต่เดินถอยหลังลงโลงแต่เขาเดินไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นแม่ไม่งกอะไร เงินทองแม่ก็มีของแม่ใช้ แม่ไม่ได้งกอะไรทั้งนั้น ฉะนั้นแม่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปไว้ที่ไหน”

“ถ้าเขาจะเอาอะไรเข้ามาขอแม่ แม่ก็ให้ตลอด ลูกยังไม่ค่อยให้อะไรเลย นาฬิกาคาร์เทียเรือนเป็นล้านก็ยังให้ ปืนผาหน้าไม้ก็ให้เขาไปทั้งนั้น เขาขออะไรเราก็ให้หมด ขนาดระยะหลังที่พ่อตายไปแล้วมันมาขอพระก็ให้มันไปไม่ใช่ไม่ให้ ถามพวกพี่ๆ ได้เลยเพราะแม่เล่นพระไม่เป็น พ่อก็ให้พระแม่มาส่วนหนึ่งอยู่แล้ว แม่ไม่จำเป็นจะต้องมาแก่งแย่งกับเด็กหรือพวกลูกๆ”

ยันที่ผ่านมาหยิบยื่นเอื้อเฟื้อตลอด สวนทางกับสิ่งที่ “หนุ่ม” ให้สัมภาษณ์
“แม่จะให้เขาตลอดถามพี่หนุ่ยดูก็ได้เขามาขอพระบูชาองค์หนึ่งแต่เอาไป 3 องค์แม่ก็ให้ก็ให้ทั้งนั้น ขึ้นไปห้องพระจะเอาอะไรชี้ไปเหอะเอาไปได้ทั้งนั้น แม่ไม่ใช่คนหวงของให้มากกว่าลูกๆ ด้วยซ้ำ หนุ่ยเป็นคนที่ไม่ได้อะไรเลยมีแต่พระที่ห้อยอยู่พ่อให้ตอนที่เสีย”

“ที่ให้หนุ่มเยอะกว่าคนอื่นก็เพราะว่าสงสาร แม่มันก็ไม่มีพ่อมันก็ไม่มีก็สงสารมันก็ให้มัน แล้วพวกพี่ๆ ก็ไม่อิจฉาริษยาเลยให้ๆ ไปเถอะแม่ ทุกคนไม่มีใครอิจฉา ถ้าเขาไม่หาเรื่องขึ้นมาเขาก็อยู่อย่างสบาย หาเรื่องอย่างนี้แม่ก็ต่อสู้จนหัวชนฝา”

แจงสาเหตุที่ไม่ได้แบ่งมรดกตั้งแต่แรก
“เรื่องมรดกแม่ไม่เข้าใจเรื่องกฎหมายว่าจะต้องจัดสรรเอาอันนั้นมานี้ แม่เห็นว่าลูกๆ เอาใบมามอบให้เป็นผู้จัดการมรดกถ้าลูกๆ จะเอาอะไรก็คงให้เขาไป อย่างรีสอร์ตที่ชุมพรแม่ก็ต้องทำมาหากิน ถ้าไม่มีตรงนี้จะเอาที่ไหนมาเลี้ยงลูกแม่ ส่วนที่ว่างก็กะว่าจะขายและถ้าขายก็คงจะได้ประมาณ 20 ล้าน แม่ยังบอกกับหนุ่มเลยว่า ถ้าแม่ขายได้ 20 ล้านแม่จะให้หนุ่มเลย 5 ล้านนี่คือเรื่องจริง นอกจากนั้นก็แบ่งให้พี่ๆ ไป”

“แม่ทำรีสอร์ตก็ชวนเขามาลงทุนกับครอบครัวแต่เขาไม่เอา คือตอนที่พ่อเสียได้เงินมาก็เอาแบ่งกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเงินตรงนี้แม่จะต้องได้รับแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่าเราก็เอาแบ่งให้ทุกคนคนละ 2,250,000 พอแบ่งเสร็จก็บอกทุกคนว่า แม่จะทำรีสอร์ตนะลูกมีใครจะมาลงทุนบ้างไหม ถ้าไม่ทำอะไรเลยเราไม่มีเงินกินนะลูก มีแต่จะกินเข้าไปไม่มีเงินเข้ามา ทำตรงนั้นแม่ก็เห็นว่าต้องมีคนเช่าต้องมีคนเข้าไปอยู่ ถ้าไม่มีก็ต้องเสี่ยงเอา ถ้าเกิดว่าเงินมันจะหมดก็ไม่เป็นไรมันก็หมดเงินแม่เอง พี่น้องก็มาลงทุนกันแต่หนุ่มเขาไม่ลง เขาต้องการเงิน 2 ล้านก็เอาไป”


ที่มา ผู้จัดการออนไลน์



Create Date : 24 เมษายน 2552
Last Update : 24 เมษายน 2552 11:20:33 น.
Counter : 1625 Pageviews.

0 comments

Mimi-jaiko
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]