เร็วนี้ผมไม่ได้ค่อยได้เล่นกู่ฉิน
รวมถึงไม่ค่อยได้อัพบลอค
คิดว่าทุกท่านคงเห็นๆกันอยู่
เนื่องด้วยเร็วๆนี้สันสนวุ่นวาย
เพราะรู้ว่ากู่ฉินจะเล่นได้ดี
ต้องมีความเข้าใจปรัชญาในบทเพลง
ต้องเข้าใจวัฒนธรรมและประเพณียุคนั้น
ยิ่งคิดมากก็ยิ่งไม่กล้าเล่น
ไปๆมาๆกลายเป็นไม่อยากเล่น
เพราะคิดว่าตัวเองความรู้ไม่พอ
ซึ่งแนวคิดข้างต้นถือว่าค่อนข้างถูกต้อง
แต่ก็ไม่ทั้งหมด
ปรัชญาชีวิตส่วนใหญ่
ก็ไม่ได้เกิดจากการที่เราไปพยายามเข้าใจบทสรุป
เหมือนเรียนภาษาแต่มัวแต่ไปอ่านไวยการณ์
แต่ในความเป็นจริง
ปรัชญาจะเกิดการการสังเกตุเหตุการณ์ด้วยตนเอง
แล้วคำนวนมาเป็นบทสรุปที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
ดังนั้นปรัชญาที่คนรุ่นก่อนคิดไว้
ผมคิดว่ามันก็แค่กากความคิดชาวบ้านดีๆนี่เอง
เร็วๆนี้ผมไปร่วมงานกู่ฉินกับปรมาจารย์
ผมเล่นเพลง "ประมงเมายามเย็น"
มี อ. หลินโหย่วเหริน ผู้สืบทอดกู่ฉินสายกว่างหลิง เป็นผู้ให้คำแนะนำ
(เพลงเดียวกันแต่คนละรายการครับ พอดีการแสดงกับปรมาจารย์ยังไม่มีคลิป)
พอเล่นจบ อ. ก็จะให้คำแนะนำ
อ. บอกว่า เพลงนี้เหมือนคนหาปลา
กลับบ้านตอนค่ำ ดื่มเหล้า เฮฮา
ฟ้าเริ่มมืด เหล้าก็ดื่มมาก ก็เมาหนัก
ร้องเพลง ครึกครื้น พายเรือกลับบ้าน
และแล้วคนหาปลาก้หายเข้าไปในความมืด
การแนะนำจากปรมาจารย์ครั้งนั้น
การเล่นเพลงนี้ผมก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ตอนนั้นเลยโทรไปแนะนำเพื่อนเรื่องสิ่งที่รู้มา
เพื่อนบอกว่า
"ที่ อ. พูดมา ยังไม่ถือว่าเด็ด"
"?"
"เพราะการที่ตีความเพลงกู่ฉิน
ไปจบที่เปลือกนอกของเพลง
เช่น กินเหล้าแล้วเพลงต้องเมา
ถือเป็นอะไรที่ยังไม่ถึงขั้น
ปัญญาชนพูดถึงเหล้าหรือชาก็ตาม
ล้วนสื่อถึงปรัชญาอันลึกซึ้งทั้งนั้น"
"อ่อ"
ทีนี้กลับมาที่แนวคิดของผม
ที่จริงผมก็สงสัยว่าทำไม
อ. ถึงบอกแต่อารมณ์เพลง
ไม่พูดถึงปรัชญาแฝงเลย
ผมคิดว่า อ. คงไม่อยากให้"กาก"
มากักกันความคิดของผมซะมากกว่า
บางครั้งคนเราก็ถูกทฤษฎีตีกรอบไว้
สิ่งที่ควรจะเหมาะกับเรา
แต่กฎบอกไว้ว่า ไม่ได้นะ ไม่ถูกต้อง
ฟังดูน่าเสียดาย
ผมคิดว่า เพลงกู่ฉิน
ก็เหมินกับความคิด
เมื่อมีเหตุการณ์ ถึงจะมีบทสรุป
ถ้าเรามัวแต่ไปตกอยู่ในบ่อบทสรุป
สิ่งที่ได้ก็เป็นแค่ภาษางามๆที่ใช้จริงได้ยาก
ปรัชญาในความคิดผม
ไม่ใช่เกิดจากปัญญาชนคนรู้หนังสือเสมอไป
ความเข้าใจชีวิต เกิดจากประสบการณ์ชีวิต
การสังเกตุ การประเมิน การวิเคราะห์
ซึ่งผมคิดว่าชาวบ้านทั่วไปบางครั้ง
เค้าอาจจะเข้าใจอะไรมากกว่าคนรู้หนังสือด้วยซ้ำ
เพียงแต่การนำเสนอไม่ได้สวยหรูซักเท่าไร
แล้วด้วยการยกย่องกู่ฉินเป็นเครื่องมือของคนรู้หนังสือมากเกินไป
ทำให้ปัจจัยสนับสนุนในการสื่อสาร เลยต้องสวยหรูตามไปด้วย
หรูจนหนีชีวิตจริงไกลจนเกินไป
กลายเป็นโลกแห่งจินตนการที่เหนือกว่าแฮรี่พอตเตอร์
เหมือนคุณย่าผม สอนคุณพ่อตอนจะเข้ากรุงเมื่อสมัยหนุ่มๆ
"อยากอย่ากิน หิวให้กิน"
ปรัชญาง่ายๆ จากคนที่เขียนหนังสือไม่เป็น
และทำนาด้วยความลำบากมาทั้งชีวิต
ปรัชญาที่เขียนด้วยภาษาสวยๆ
โดยมีพื้นฐานจากหลักการง่ายๆ
ด้วยปัญญาชน คนรู้หนังสือ
ผมคิดว่า
มันก็แค่ปัญญาอ่อนชนที่มีเวลาว่างมากเกินไปก็เท่านั้น!
ตอนนี้ผมอาจจะไม่รู้ว่าคนหาปลาเค้าคิดอะไร
อย่างมากก็อ่านทิศทางความคิดและวิธีการนำเสนอ
แต่คงไม่ตีกรอบให้ตัวเองด้วยบทสรุปของชาวบ้านอีกต่อไป
การเล่นดนตรีของท่าน...บล็อกก่อนที่เข้ามา
เห็นกล่าวถึงเรื่องโน้ตดนตรีแนวใหม่....อยากรู้จังครับว่ามีลักษณะ
อย่างไรกันครับ