หยางกวนซานเตี๋ย(阳关三叠)หรือด่านหยางกวนสามท่อน
เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมของชนชาวจีนเป็นเวลาช้านาน
เดิมทีนั้นเป็นกวีเจ็ดคำ (หนึ่งบาทมีเจ็ดคำ) แต่งโดยหวังเวย(王维)
กวีผู้โด่งดังที่สุดผู้หนึ่งในสมัยราชวงศ์ถัง
หยางกวนซานเตี๋ย เดิมชื่อว่า เว่ยเฉิงฉวี่ (渭城曲)หรือกวีเมืองเว่ย
เว่ยเฉิง ก็คือเมืองเสียนหยางในสมัยราชวงศ์ฉินนั่นเอง
เนื้อหาขอกวี มีอยู่ว่า
渭城朝雨浥轻尘,
สายฝนที่เพิ่งตกไปในยามเช้า ทำให้พื้นดินเมืองเว่ยยังคงชื้นแฉะอยู่
客舍青青柳色新。
ต้นหลิวข้างๆโรงเตี้ยม ก็ผลิออกใบใหม่ สีเขียวอ่อน
劝君更尽一杯酒,
ก่อนเดินทางไป ขอให้นายดื่มเหล้าอีกซักจอก
西出阳关无故人。
ออกไปนอกด่านหยวน ก็จะไม่มีเพื่อนเก่าคนนี้อีกแล้ว

ต่อมาในยุคหลังก็มีคนนำกวีบทนี้
ไปขยายเป็นเพลง ที่แบ่งเป็นสามท่อน
เลขสามสำหรับ ชาวจีน มีนัยว่า จำนวนมาก
ดังนั้น สามท่อน จึงมีเนื้อหาประมาณว่าส่งเพื่อนที่จากไปไกล
ร่ำราแล้วร่ำราอีก ไม่อยากให้จากไป เพราะเกรงจะไม่ได้พบกันอีก
และได้ออกมาเป็น หยางกวนซานเตี๋ย
เตี๋ย (叠) แปลว่า ซ้ำ ท่อน
แต่ทุกท่อน ก็ยังคงเก็บรักษากวีเดิมไว้อย่างสมบูณร์
เพียงแต่เพิ่มเติ่มเนื้อหาบางส่วน
ในสมัยถังนั้นจีนถูกรุกรานจากชาวต่างชาติทางตะวันตกเป็นประจำ
จึงมีการส่งคนไปดูแลตามเมืองชายแดน ซึ่งกวีๆหลายคนก็ถูกส่งไปด้วย
ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่กวีบทนี้ เป็นที่นิยมไปทั่วประเทศจีน
สมัยโบราณ เพลงและกวี คือสิ่งเดียวกัน
ดังนั้นหลังจากที่เพลงนี้ได้รับความนิยม
จึงถูกดัดแปลงมาเป็นเพลงสำหรับการบรรเลงกู่ฉินนั่นเอง
ซึ่งการบรรเลงกู่ฉิน แบ่งเป็นสองประเภท
อย่างแรกคือ ฉินฉวี่(琴曲) หรือเพลงฉิน
เป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อบรรเลงล้วนๆ
จึงเป็นเพลงที่ดึงความสามารถของกู่ฉินและผู้บรรเลงได้ดีที่สุด
อีกแบบคือ ฉินเกอ (琴歌)หรือกวีฉิน
ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งมา เพื่อประกอบทำนองกวีเท่านั้น
เพลงกู่ฉินรูปแบบนี้ ทำให้กู่ฉินกลายเป็นแค่เครื่องมีประกอบ
ในสมัยราชวงศ์ซ่ง เคยมีกฎหมายว่า
เพลงกู่ฉินทุกเพลง ต้องมีเนื้อร้อง
แต่ต่อมา เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญในยุคหลัง
พบว่า ฉินเกอ เป็นสิ่งที่ทำลายจิตวิญญาณที่แท้จริงของกู่ฉิน
ยุคหลังๆจึงปรากฎฉินเกอน้อยลงเรื่องๆ
ซึ่งส่งผลให้ทุกวันนี้ การบรรกู่ฉินประกอบคำร้อง จึงหาพบได้ไม่ง่ายเท่าไรนัก
จากกวีดั้งเดิมของหวังเหวย
เราจะพบว่า มีการเขียนถึงเหล้า
คนโบราณ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
จะให้ความสำคัญกับการใช้เหล้ามาก
ไม่ว่าจะเป็นพิธีอะไรก็ตาม ก็ต้องมีเหล้าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
จากบทกวี เราพบว่า คนที่ส่งเหล้าให้เพื่อนอีกจอก ให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก
และนอกจากเหล้าจอกสุดท้อย จะเป็นสัญลักษณ์ของการลาจากแล้ว
ยังเป็นการสื่อถึงความหวัง ที่จะให้ประเทศสงบสุข ไร้สงคราม
เมื่อประเทศสงบสุข จึงจะไม่ต้องพัดพราดครับ
จึงไม่แปลกเลยที่ทำไมบทเพลงบทนี้ จึงได้รับความนิยม
ตราบจนมาถึงทุกวันนี้
วันนี้รู้สึกตัวเองเขียนเนื้อหา ได้มีสาระที่สุดในรอบปี
ชัชชล ไทยเขียว
พี่ก๋าว่าอีกหน่อย
อาจจะต้องเอามาทำเป็นหนังสือน่ะครับ