YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~

::::: เรื่องราวในอินเดีย 3 ... ตอน อยากกลับบ้านแล้ว :::::

ตื่นขึ้นมาเช้าวันที่สอง ตอนหกโมงกว่าเพราะได้ยินเสียงแว่วๆ มาจากห้องโถงด้านล่าง
ชะโงกหน้าออกไปดู มีคนอินเดียราว 7-8 มาฝึกโยคะกันแล้ว ครูผู้หญิงสอนเป็นภาษามาลาตี
เห็นนายริชาร์ด เพื่อนชาวสก็อตแลนด์ที่อยู่ที่นี่มาสิบวันแล้วไปฝึกกับเขาด้วย
เป็นท่าอาสนะง่ายๆ เราอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปแจมกับเขาได้แป๊บเดียว
หลังจากนั้นก็เห็นนายริชาร์ดไปส่งมาภาษามือยึกๆ กับครูผู้หญิง
สักพักครูก็เปิดซีดีอะไรสักอย่างให้ (มารู้ตอนหลังว่าเป็นโยคะนิทรา – ไว้จะบอกค่ะว่าคืออะไร)
ซีดีบอกให้เราพูดโอมสามครั้ง แล้วก็นอนท่าศพ โอเคเลย อันนี้ถนัด
ลงนอนเหยียดแขนเหยียดขา หลับตาบนผ้าที่เขาปูไว้ให้
(คนอินเดียเวลาฝึกโยคะเขาไม่ใช้ yoga mat แบบที่เราใช้ แต่เขาจะปูผ้ากันเป็นส่วนใหญ่Z
เสียงซีดีบอกให้เรา relax ทั่วทั้งร่างกาย ให้ไล่ผ่อนคลายไปทีละส่วนๆ
อันนี้ไม่ยาก เพราะทำอยู่บ่อยๆ ตอนสอนก็ให้นักเรียนทำเหมือนกัน
หลังจากผ่อนคลายเสร็จ เกือบจะหลับอยู่แล้ว เสียงจากซีดีก็แว่วมา
“Remember that you will not sleep in the Yoga Nidra” (แปลง่ายๆ ว่า ห้ามหลับนะจ๊ะ)
คล้ายๆ ทำสมาธิในท่านอนโดยห้ามหลับ ให้เราอยู่ปริ่มๆ ระหว่างหลับกับตื่น
ยากนะ ขอบอก โดยเฉพาะต้องฟังซีดีเป็นภาษาอังกฤษด้วยนี่สิ
อะไรไม่แย่เท่าเสียงแตรรถที่ดังอยู่ตลอดเวลา นึกถึงตอนอยู่เมืองไทยนะ
เวลาเข้าคลาสโยคะ แต่ละสตูดิโอก็พยายามสร้างบรรยากาศกันสุดฤทธิ์
เปิดเพลงเบาๆ สบายๆ ฟังเสียงน้ำ เสียงนกร้อง เสียงสายฝน เสียงธรรมชาติ
แต่อยู่นี่เหรอ หึหึหึ เสียงแตรรถปี๊นป๊านนี่มันผ่อนคลายจริงๆ นะนายจ๋า ~~~

สุดท้ายก็ฝึกโยคะนิทราต่อไปไม่ไหว ผ่านไปได้แต่สิบนาทีก็ลุกหนีแล้วเรา
เพื่อนร่วมชั้นเราทยอยลุกกันทีละคนสองคน เหลือริชาร์ดนอนหลับตานิ่งอยู่คนเดียว
(ตอนนี้ยังไม่เริ่มเรียน ยังลุกหนีได้อยู่ ฮ่าๆๆๆ)
ไม่นานก็ได้ยินเสียงกระดิ่งดังบอกเวลาอาหาร (คล้ายๆ การทดลองของ Pavlov เลยวุ้ย)
กินในถาดเหมือนเมื่อวานนี้ ตอนนี้เริ่มคุ้นกับจานข้าวโตๆ แล้ว
เมื่อคืนกับเมื่อเช้ามีนักเรียนมาสมทบเพิ่ม ตอนนี้มีราวๆ 12 คนน่าจะได้
ห้องอาหารเริ่มเสียงดัง แต่ละคนไม่มีน้ำแข็งกันเลย เลยไม่ต้องละลายให้เสียเวลา
พูดคุยสนิทสนมกันอย่างกะรู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน
ถามชื่อกัน แต่ยังไม่มีใครจำใครได้หรอก คงต้องถามอย่างนี้กันไปอีกสักอาทิตย์



เสร็จสิ้นเวลาอาหาร ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นจากภายใน
อารมณ์คล้ายๆ ระเบิดกำลังจะลง ตุ่ยๆ กำลังจะได้ที่ในอีกไม่นานเท่าไหร่
แย่แล้ว กระดาษทิชชู่ใช้หมดไปแล้วเมื่อเช้านี้ หยึยๆ ทำไงดี
ไม่เป็นไร เดี๋ยวออกไปหาซื้อก็ได้ ไม่น่ายาก นี่เราก็อยู่กลางเมือง
เดินออกไปคนเดียว พุ่งหาร้านขายของชำร้านแรก
พี่แขกแกยึกๆ หัวบอกว่าไม่มี เราก็ถามว่าแล้วไปซื้อที่ไหนได้
คุณพี่นี่ แทนที่ไม่รู้แล้วจะบอกว่าไม่รู้ ดันชี้ส่งๆ ไปแล้วบอกว่า ‘next shop’
ไอ้เราหันหา next shop ก็เจอแต่ฝูงพี่ควายกำลังดำเนินสบายกันกลางถนน
หรือว่าไอ้ next shop ของมันนี่อยู่ต่อจากฝูงพี่ควายนี่ไปฟระเนี่ย
ว่าแล้วก็ทำใจดีสู้ควาย เดินนิ่งๆ เข้าหาฝูงพี่ควาย ที่นอนอยู่กลางถนน
ฟุตบาทที่นี่ก็อุทิศให้เป็นส้วมของท่านๆ ไปแล้ว มนุษย์เดินดินธรรมดาอย่างเราๆ เนี่ย
เลยต้องระเห็จลงมาเดินกลางถนนกับรถที่บีบแตรเป็นรถเข็นขายไอติมโบราณ

เอาล่ะสิ จังหวะนี้ รถพี่ท่านก็บีบแตรมาแต่ไกล พี่ควายเขาโง้งก็เดินเบียดมา
จะหลบควายให้รถชน หรือจะหลบรถให้ควายขวิดดีวะเนี่ย ไม่เอาทั้งสองอย่างได้มั้ย
ทำใจเดินไปตรงๆ ไม่เบี่ยงเข้าหารถหรือเข้าหาควายทั้งนั้น
เชี้ยบ!!! เหลือช่องขนาดพอดีตัวให้มนุษย์อย่างเราเดินผ่านให้อย่างปลอดภัย
พี่ควายได้แต่เหล่ตามองไม่ว่าอะไร เฮ้อ...ถอนใจโล่งอก
ป๊าดดดดดดด! เกือบ! ระเบิดกองใหญ่พะเนินเทินทึกอยู่ข้างๆ เท้า
พี่ควายคงสุขภาพดีน่าดู เจอระเบิดควายแบบนี้ ระเบิดเราหดกลับเข้าไปเลย
ก็นี่ถ้าขายาวอีกหน่อย ก้าวเมื่อกี้คงเหยียบกับระเบิดพอดี

ผ่านฝูงควายกับกองระเบิดมาแล้วก็ยัยงไม่เห็น next shop ของเจ้านั่นเลย
ต้องเดินต่อไปอีกไกลเลยแหละ ถึงจะเห็น วิ่งข้ามถนนไปถามหากระดาษทิชชู่
“ไม่มี” คือคำตอบ
แว้ก! ทำไมกระดาษทิชชู่มันหายากงี้ฟระ
“ยูต้องย้อนกลับไปที่ supermarket ฝั่งนู้น” แขกพูดแล้วยักคอ
จนตอนนี้เริ่มจะยักคอตามพี่ท่านแล้วโดยอัตโนมัติ

คราวนี้ก็เดินย้อนกลับมาผ่านฝูงควายด้วยความมั่นใจมากกว่าเดิม
แต่ supermarket ยังปิดอยู่ ทั้งที่สิบโมงกว่า ควรจะเปิดตั้งแต่สิบโมง
ก็เลยเดินเรื่อยๆ ย้อนไปอีกทาง เจอร้านขายของชำอีกร้าน
“ไม่มี” อีกแล้วเหรอเนี่ย คนอินเดียเอาอะไรเช็ดตรูซคะ สงสัยจริงๆ
“ลองไปดูที่ร้านขายเครื่องเขียนฝั่งนั้นสิ” พี่แขกชี้นิ้ว แต่ว่าร้านเครื่องเขียนเนี่ยนะ
ไม่ได้การ ต้องอธิบายใหม่ กระดาษชำระน่ะบังจ๋า เข้าใจมั้ยจ๊ะ
“ใช่ๆๆๆ นั่นแหละ ไปดูร้านเครื่องเขียน” พี่แกยืนยันคำเดิมวุ้ย เราเลยข้ามถนนไปถาม
“ไม่มี” แขกร้านเครื่องเขียนบอก แถมทำหน้าแปลกๆ ใส่เราอีก
แต่ยังอุตส่าห์ใจดีบอกเราว่าไปซื้อที่ไหนได้ เพียงแต่ว่าพี่แกพูดเป็นภาษามาลาตี
เอาเลยคับพี่ หนูฟังรู้เรื่องหมดเลยคับ เจี๊ยกกก! ไม่เข้าใจจ้า
หมดแรงเลยบอก “ฉุกะริยา” (ขอบคุณฮับ) แล้วเดินกลับที่พักดีกว่า
เจอพลพรรคกำลังตั้งท่าจะออกไปพอดี เลยขอร่วมวงไปอีกรอบ
คนเดียวหาไม่เจอ หาหลายคนน่าจะหาเจอ แล้วหลายคนก็กำลังประสบปัญหาเดียวกับเราด้วย
ว่าที่โยคี 7-8 คน เลยพร้อมใจกันเดินฝ่าสายฝนที่ไม่เคยหยุด
ออกไปปฏิบัติตามล่าหากระดาษทิชชู่กัน ณ บัดนั้น
และแล้ว ทีมตามล่าฯ ก็ประสบความสำเร็จ ที่อินเดียนี้ อาจกล่าวได้ว่า
ทิชชู่ป็นเวชภัณฑ์ชนิดหนึ่งเพราะเราไปเจอมันในร้านขายยา!!!



สามโมงรถบุโรทั่งคันหนึ่งก็มารับเราจาก Yoga therapy centre มุ่งหน้าไปยังอาศรม
ไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาถึงอาศรมกลางป่าท่ามกลางฝนที่ตกอย่างน่ารำคาญที่สุดในโลก
ดูเหมือนเมฆจะไม่มีวันหมดฟ้า นึกถึงหนังสือเรื่อง “ฝนตกตลอดเวลา” ของพี่คุ่น
ความรู้สึกตอนนั้น “ไม่ประทับใจเลย” ไม่ชอบ และอยากกลับบ้านสุดๆ
ยามหน้าตาใจดี แต่ถือปืนกระบอกเบ้อเริ่มรี่มาหาเรา แล้วให้เราเปิดกระเป๋า
ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่สบายใจได้ หายห่วง ตรวจซะเข้มขนาดนี้
ริชาร์ดพกมีดเดินป่ามาด้วย ดูเหมือนพี่ยามจะตกใจไม่น้อย จึงขอเก็บเอาไว้
เสร็จสิ้นเราก็แยกย้ายเข้าห้องห้องละสี่คน ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า “ผิดหวัง”
สภาพห้องเละเทะ ม่านตกย้อยหักพัง ผ้าห่มเปียกๆ กองอยู่บนพื้น
พื้นห้องแฉะเพราะฝนสาด ผ้าปูที่นอนชื้น มุ้งระเกะระกะสกปรก
ประชาญ – ครูสอนโยคะของเรา – เอากุญแจตู้ล็อกเกอร์มาให้ เรามีกันคนละตู้
แต่ปรากฏว่าตู้ของเราล็อกไม่ได้เพราะข้างในตัวล็อกเต็มไปด้วยใยแมงมุม
เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งพูดเหมือนบอกตัวเอง ... ก็คุ้มราคาที่เราจ่ายนะ
(650USD รวมค่ากิน ค่าห้อง ค่าเรียน ตลอดเวลาหนึ่งเดือน)
เรามาเรียน มาฝึก ไม่ได้มาเที่ยวนี่นา จริงมั้ยๆ ... คุณเธอพยายามทำเสียงสดใด
เรายิ้มรับแกนๆ นั่งหมดแรงอยู่บนเตียงชื้นๆ ก่อนจะลงมือรื้อกระเป๋าแบบอืดๆ
ถอนหายใจเฮือก...นี่เราจะต้องอยู่ที่นี่ไปหนึ่งเดือนเหรอนี่

โฮ....อยากกลับบ้าน!!!





 

Create Date : 05 ตุลาคม 2553
11 comments
Last Update : 5 ตุลาคม 2553 9:12:24 น.
Counter : 1222 Pageviews.

 


มีครบอกเราว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งไปอินเดีย
ไม่รู้ว่าทำไมเขาไม่บอกเหตุผล
แวะมาอ่านบ๊อกนี้ก่อนนอนค่ะ

 

โดย: อุ้มสี 5 ตุลาคม 2553 2:53:56 น.  

 

 

โดย: นนนี่มาแล้ว 5 ตุลาคม 2553 5:32:28 น.  

 

อดทน ๆ นะคะ 1 เดือนแม้มันจะลำบากพี่ว่ามันน่าจะได้อะไรที่คุ้มค่า อย่าน้อยก็ได้เห้นผุ้คนอีกซีกโลกหนึ่ง สู้ๆๆ

 

โดย: เอื้องผึ้งจันทร์ผา 5 ตุลาคม 2553 8:20:07 น.  

 

อ้าว ไปอยู่อินเดียซะแล้ว

 

โดย: t_karnya 5 ตุลาคม 2553 10:56:55 น.  

 

href="//glitter.kapook.com/category.php?category_id=115&sid=7379a5ac7ac7753ef352e6f433d9cbff" target="_blank">คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: muster (muster ) 5 ตุลาคม 2553 13:40:24 น.  

 

ไปอินเดียปีหน้าจะพกกระดาษไปเป็นลังเลย :p

 

โดย: gvujp IP: 203.146.136.113 5 ตุลาคม 2553 15:34:31 น.  

 

อ่านแล้วน่ากลัวง่ะ ทิชชู่สุดขอบฟ้า...

 

โดย: แม่น้องกะบูน 5 ตุลาคม 2553 20:13:58 น.  

 

เป็นการฝึกที่ "เข้าถึง" จริงๆเลยครับ

 

โดย: ST.Exsodus 5 ตุลาคม 2553 20:40:49 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับน้องเสี้ยว

พี่ก๋าเพิ่งรู้นะครับว่าทิชชู่หายากมากเลย 5555

ปกติพักในดรงแรมตลอดครับ
ทิชชู่เลยไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาคือไฟมันดับบ่อยมากนี่สิครับ 555





 

โดย: กะว่าก๋า 6 ตุลาคม 2553 6:47:56 น.  

 

pavlov...555

 

โดย: KS IP: 203.142.48.218 28 ตุลาคม 2553 20:43:42 น.  

 

เอ่อ ตอนนี้เริ่มหลอนๆ แล้วอ่ะ จะไหวมั้ยเนี่ยเรา

 

โดย: บุศ (สมาชิกหมายเลข 751189 ) 3 พฤษภาคม 2556 11:52:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.