ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
ไม้เรียว...การลงโทษที่รุนแรงของครู...จริงหรือ?

ครู นักเรียน และการลงโทษ

ถาม ครูตีนักเรียนผิดกฎหมายหรือไม่ ?
ตอบ
ครูหรืออาจารย์ในสถาบันการศึกษามีความเข้าใจคลาดเคลื่อนมานานว่า ครูมีสิทธิ์ตีนักเรียนเมื่อต้องการลงโทษเด็ก และยังมีระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ครูตีนักเรียนได้ในหัวข้อการลงโทษนักเรียน เมื่อพิจารณาตามหลักกฎหมายและรัฐธรรมนูญไทยรับรองสิทธิเสรีภาพในร่างกายของบุคคลไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือเด็ก อีกทั้งยังมีกฎหมายอาญากำหนดบทลงโทษการทำร้ายร่างกายบุคคลไว้ ส่วนกฎหมายแพ่งให้เรียกค่าเสียหายเมื่อถูกทำละเมิดร่างกายได้ ขณะที่กฎระเบียบของกระทรวงฯยังไม่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายต่างๆทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ครูมีสิทธิ์ตีทำร้ายเด็กได้ด้วยข้ออ้างว่า เพื่อสั่งสอน ขณะที่ชาวโลกได้เปลี่ยนระบบลงโทษเด็กไปจากการตีให้บาดเจ็บหรือเข็ดหลาบสู่ระบบตัดคะแนนหรือวิธีที่ไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายของเด็กแล้ว ครูหรืออาจารย์สัญชาติไทยยังติดอยู่กับระบบส่งเสริมการตอบโต้ด้วยความรุนแรงอยู่ ดังนั้น ณ ยุคไซเบอร์นี้ การตีนักเรียนด้วยวัตถุใดหรือด้วยมือให้เด็กบาดเจ็บไม่ว่าจะรุนแรงหรือน้อยเพียงใด ล้วนถือเป็นความผิดกฎหมายอาญาและขัดต่อรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองสิทธิทางร่างกายมิให้ผู้ใดทำละเมิดได้

ถาม นักเรียนมีสิทธิ์ฟ้องคดีเอาผิดกับครูที่ตีเขาได้หรือไม่ ?
ตอบ
เมื่อไม่มีกฎหมายให้อำนาจครูตีเด็กโดยหวายหรือไม้เรียวหรือเข็มขัดหนังหรือท่อนเหล็กหรือจับหัวโขกกระดาน ผู้ปกครองของนักเรียนมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นคดีอาญาได้ ส่วนโทษของครูนั้นขึ้นอยู่กับวิธีทำร้ายว่าทารุณเพียงใด ลักษณะบาดแผล ผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของผู้เสียหาย ศาลจะใช้ประกอบกับดุลพินิจลงโทษผู้กระทำความผิด นอกจากนั้น ผู้ปกครองยังมีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากครูและโรงเรียนที่เป็นนายจ้างของครู

ถาม ทำอย่างไรให้ครูใช้วิธีอื่นลงโทษ นอกจากการตีเด็ก ?
ตอบ
การปรับเปลี่ยนทัศนคติและความเชื่อของครูกับนักเรียนให้เข้ากับกฎหมายในปัจจุบันที่คุ้มครองผู้ใหญ่และเด็กอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งการตีเป็นการส่งเสริมให้เด็กนิยมความรุนแรงโดยตรงและเป็นการแสดงอำนาจระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก มิใช่การใช้เหตุผลพูดคุยกัน กฎเรื่องการลงโทษของกระทรวงศึกษาธิการควรยกเลิกการโบยตีด้วยหวายหรือไม้บรรทัดได้แล้วเพราะขัดต่อกฎหมาย ทำให้ครูหลายคนต้องโทษคดีอาญาเพราะความหลงผิดว่ามีสิทธิทำได้ ทั้งที่การตีกระทำต่อร่างกายของเด็กจัดเป็นการทำร้ายร่างกายอันผิดต่อกฎหมายอาญาและมีโทษจำคุกด้วย หากกระทรวงฯต้องการให้การตีเด็กทำได้โดยชอบ ก็ควรแก้ไขกฎหมายให้คุ้มครองครูเพื่อจะไม่ต้องรับโทษอาญาเหมือนที่กฎหมายของหมอคุ้มครองการฉีดยา การผ่าตัด คนไข้ซึ่งกระทำเพื่อการรักษาอาการป่วยเจ็บ มิใช่การทำร้ายร่างกาย

ถาม การลงโทษด้วยการตียังมีใช้ในสังคมโลกอยู่หรือไม่ ?
ตอบ
ประเทศที่ไม่คุ้มครองสิทธิในร่างกายของคนก็ยังมีใช้กันอยู่บ้าง ณ ปัจจุบันนี้กฎหมายสูงสุดของหลายประเทศจะให้ความคุ้มครองสิทธิในร่างกายของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้หลายประเทศที่เจริญทางจิตวิญญาณเปลี่ยนแปลงวิธีลงโทษจากการตีทำร้ายร่างกายเด็กไปสู่วิธีอื่นที่เหมาะสมและช่วยลดความรุนแรงทางสังคมลง อาทิเช่น การตัดคะแนนความประพฤติ การตักเตือนเด็กด้วยวาจาหรือหนังสือ การยืนนอกห้อง การเขียนรายงานหรือคัดลายมือ การรายงานต่อผู้ปกครอง เป็นต้น ญี่ปุ่น จีน สหรัฐ อังกฤษ และชาติยุโรปอื่น ไม่มีการตีเด็กด้วยไม้เรียวหรือท่อนไม้หรือไม้บรรทัดเหล็กกันมานานแล้ว แต่ไทยยังใช้ระบบลงโทษด้วยการตีอยู่ในโรงเรียนของรัฐหรือของเอกชนบางแห่ง มันบ่งบอกชัดว่า โรงเรียนไทยยังไม่พัฒนาตัวเองให้เข้ากับระบบกฎหมายเยี่ยงอารยประเทศอื่น เด็กไทยยังถูกกดขี่ ข่มขู่ และกระทำอย่างไม่เป็นธรรมอยู่ในโรงเรียนไทยอยู่ สิ่งที่ได้รับหลังจากเด็กถูกทำทารุณหนัก คือ สภาพจิตใจที่แย่และทัศนคติเลวร้ายต่อผู้อื่น อันอาจส่งผลให้เปลี่ยนตัวเองไปสร้างปัญหาให้สังคมภายหลังก็ได้ หากเจอผู้ใหญ่ที่มีอำนาจช่วยปกป้องคนผิดหรือสถาบันแล้วมุ่งทำลายล้างเด็กให้ย่อยยับเพื่อแก้แค้นที่เปิดเผยความเลวร้ายนี้ มันจักกลายเป็นแผลเป็นในหัวใจของเด็กต่อระบบการศึกษาของคนไทยวันนี้


จากคำถามและคำตอบข้างบนทำให้มีการแสดงความคิดเห็นดังต่อไปนี้

เด็กด่าครู และทำอันตรายแก่เพื่อนเกือบถึงชิวิต และทำความเสียหายภายในโรงเรียนทั้งน้ำดื่มส่วนร่วมของโรงเรียน สมควรโดนทำโทษหรือไม่ จากครูไม่กล้าตี

การลงโทษของครูต้องอยู่ภายใต้ก.ม.อาญาที่ใช้บังคับกับคนไทยโดยไม่แบ่งแยก ครูไม่มีใบอนุญาตพิเศษให้ตีเด็กได้ การตีถือเป็นการทำร้ายร่างกายผู้อื่นตามก.ม.ต้องถูกลงโทษอาญาเท่าเทียมกับชาวบ้าน แต่การลงโทษด้านการศึกษานั้นมีหลายแบบ เช่น ตัดคะแนน ว่ากล่าวตักเตือนด้วยหนังสือ แจ้งผู้ปกครองรับทราบ นี่เป็นหลักลงโทษสากลที่ทำกันทั่วโลกและไทยก็รับมาใช้แล้วด้วย หากทำรุนแรงมากๆก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจให้ทำตามขั้นตอนคดีได้ แต่ครูไม่ควรเสี่ยงเอาตัวเข้าคุกด้วยการตีเด็กซึ่งส่งผลต่อกายและจิตใจของเด็ก ไม่คุ้มค่าแน่นอน


ยุคนี้การตีเด็กแล้วอ้างว่าทำเพื่อสั่งสอนเด็กนั้นใช้ไม่ได้เพราะหลักวิทยาศาสตร์ทางจิตยืนยันแล้วว่า ไม่ส่งผลดีต่อกายหรือใจของเด็กเลย มันเป็นความเชื่อเก่าๆที่ถูกหักล้างด้วยวิทยาศาสตร์ไปแล้ว ทำให้ทั่วโลกยึดหลักใหม่ด้วยวิธีลงโทษที่ไม่กระทำต่อกายโดยตรง แต่ใช้การตัดคะแนน การทำทัณฑ์บนที่จะส่งผลต่อการต้องถูกไล่ออกให้ผู้ปกครองรับทราบและช่วยดูแลเด็กอบรมให้ดีขึ้น เป็นต้น เพราะมีก.ม.คุ้มครองเด็กและรธน.คุ้มครองเสรีภาพสิทธิในร่างกายเด็กเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ อีกทั้งไม่ส่งเสริมให้ผู้ใหญ่ใช้อำนาจหรือพละกำลังทำร้ายเด็กด้วยสารพัดข้ออ้างอีกต่อไป

ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า เด็กที่ถูกตีโดยครูไม่ว่าจะถูกแกล้งหรือทำโทษจริงๆก็ตาม ล้วนส่งผลให้เด็กเติบโตขึ้นแล้วไปรังแกผู้ด้อยกำลังกว่าตนเพราะชื่นชมกับการใช้กำลังของครูที่ทำต่อเด็กอย่างเขาที่ต่อต้านครูไม่ได้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ฝ่ายวิชาชีพครูต้องเลี่ยงเหตุผลนี้ในการสร้างนักเลงบ้ากำลังขึ้นมาอีกคนโดยฝีมือครูเอง ทั้งที่เพื่อลดเด็กที่ชื่นชมแนวคิดใช้พละกำลังข่มเหงผู้ด้อยกว่า จึงต้องเริ่มต้นที่ครูด้วย ครูยุคใหม่จึงต้องปรับแนวคิดการลงโทษให้เข้ายุคสมัยด้วย ครูฝรั่งเจอปัญหาเด็กเกเรรุนแรงกว่าครูไทย แต่ไม่มีข่าวการใช้ตีหรือทำร้ายเด็ก นักเรียนฝรั่งก็อยู่ร่วมกับครูได้กลายเป็นเด็กดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งไม้เรียว นี่เป็นบทพิสูจน์


ชีวิตครูดีๆมีค่ากว่าเด็กเกเรคนหนึ่ง ถ้าอยากลงโทษเด็กเกเรเพื่อสั่งสอนก็ควรเลือกที่ไม่ทำลายตัวเอง แต่ใช้วิธีสอนสิ่งดีๆแล้วทำทัณฑ์บนไว้ หรือ ตัดคะแนนความประพฤติของเขา เพราะถ้าคะแนนลดเหลือเท่าเกณฑ์ต้องซ้ำชั้น อย่าลืมแจ้งผู้ปกครองอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะส่งผลต่อการปรับปรุงตัวเด็กโดยฝ่ายผู้ปกครองร่วมมือด้วย น่าจะดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย คือ ให้โอกาสเด็ก ถ้าไม่ปรับแก็ก็ต้องออกจากร.ร.ตามระเบียบ สิ่งสำคัญคือ ครูต้องลงโทษด้วยใจสุจริต จึงมีค่าต่ออนาคตของเด็ก


ความคิดหนึ่งความคิดใช้กับคนทุกคนไม่ได้ คนทุกคนไม่ได้ใช้ได้กับทุกวิธี และเหตุการณ์จริงกับทฤษฏีมันต่างกัน และถ้าจะต่อไปว่าก็เลือกซักหนึ่งวิธีเพื่อใช้ให้เหมาะสม ตอบ… หนึ่งโรงเรียนเด็กเป็นร้อยเป็นพันคน ครูแค่หยิบมือ ดังนั้นขอถามคุณผู้รู้ว่า ถ้าคุณอยู่ในสถานะการณ์นั้นที่นักเรียนกำลังวุ่นวายไม่เรียนควบคุมไม่ได้ คุณจะทำอย่างไร


ความคิดอาจใช้กับทุกคนไม่ได้ แต่กฎหมายใช้กับคนสัญชาติไทยทุกสาขาวิชาชีพ การแก้ปัญหาเด็กเกเรต้องมาจากความร่วมมือของครูใหญ่และครูน้อยร่วมใจกันใช้บทลงโทษที่ระเบียบเขียนไว้ บังคับใช้ให้เคร่งครัดเป็นตัวอย่างแก่นักเรียน แล้วต้องให้ผู้ปกครองรับรู้พฤติกรรมลูกของเขาประกอบการลงโทษด้วย ครูคนเดียวแก้ไขเด็กเกเรคนเดียวแล้วยิ่งมีมากคนก็ต้องทำเป็นทีม จะแก้คนเดียวไม่ได้ ครูก็ไร้อภิสิทธิ์ใบอนุญาตให้ละเมิดก.ม.อาญาไม่ได้ ตัวอย่างครูชายตีเด็กกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าพวกเขาขัดคำสั่งก็เห็นแล้วว่าเมื่อตีเด็ก ครูก็หมดอนาคต แต่ระเบียบร.ร. กฎกระทรวงก็ระบุการลงโทษเด็กไว้เป็นขั้นตอน การลงโทษบวกการสอน มิใช่แฝงการแก้แค้น วิธีการและเจตนาจึงแตกต่างกัน โทษหนักเบายุคใหม่ปรับเข้ากับก.ม.ไว้แล้ว ถ้าครูยึดวิถีเดิม ก็ต้องไม่พ้นชะตาเดียวกับครูชายที่เป็นคดีอาญาและต้องหมดอนาคตครูไป การแก้ไขเด็กเกเรเป็นภาระหน้าที่ของครูและผู้ปกครองซึ่งมีอำนาจเหนือเด็กอยู่แล้ว แค่เลือกใช้วิธีลงโทษและการร่วมมือจากผู้ปกครองที่รักลูกด้วย ต้องใช้สติเหนืออารมณ์ ครูในร.ร.อาชีวะยังต้องทำหน้าที่อย่างระวังเพราะวัยรุ่นมีพลัง ถ้าขาดการยอมรับในเหตุผลการลงโทษ ป่านนี้คงมีครูอาชีวะถูกเด็กซ้อมน่วมทุกวันไปแล้ว


การตีเด็ก ในความคิดของผม เป็นการห้ามปรามเด็ก ไม่ใช่การลงโทษเด็ก ผลก็คือ เด็กทำตัวดีขึ้น การตัดแต้ม เป็นการห้ามปรามเด็กไม่ได้ ผลก็คือเด็กออก และสร้างภาระให้ผู้ปกครอง(ตัดแต้มถ้าใช้กับเด็กเรียนจะมีผล แต่ใช้กับเด็กเกเรไม่ได้ครับ)


การปกครองเด็กแนวคิดยุคใหม่แบบสากลโลกทำให้ครูไทยต้องเปลี่ยนแนวคิดแบบเดิมจากไม้เรียวสร้างเด็กไป สังคมครูไทยไม่ได้รับใบอนุญาตตีเด็กซึ่งก.ม.ถือว่าเป็นการทำร้ายเด็กมีพรบ.คุ้มครองเด็กออกมายืนยันอีก ทำให้ต้องนำวิธีลงโทษเด็กแบบใหม่ที่ไม่ขัดก.ม.ออกมาบังคับใช้ทั้งเด็กเรียนหรือเด็กเกเรให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน มันคือกฎสังคมโรงเรียนแบบสากลโลก ความคิดเป็นเรื่องหนึ่งที่มีต่างกันได้ แต่ต้องมีมาตรฐานเดียวกัน จะแยกลงโทษเด็กเรียนกับเด็กเกเรต่างกฎกันไม่ได้ ถ้าเด็กเรียนทำผิดก็ต้องโดนแบบเดียวกับเด็กเกเรที่ละเมิดกฎเดียวกัน จึงสร้างการลงโทษแบบเดียวโดยไม่ขัดต่อก.ม.เพราะคนไทยต้องอยู่ใต้ก.ม.เดียวกัน จะให้ครูแยกลงโทษเด็กตามอำเภอใจไม่ได้ เมื่อสร้างกฎแล้ว เด็กเรียนกับเด็กเกเรละเมิดกฎนั้น ก็ต้องลงโทษเหมือนกัน จึงเป็นธรรม มันยากเมื่อเอาอารมณ์มาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องธรรมดาของมนุษย์ ถ้าเราเป็นพ่อแม่เห็นลูกถูกเฆี่ยนตีด้วยสารพัดไม้ กับครูตีนักเรียนก็มีอารมณ์แตกต่างกันแล้ว บ้างจึงบอกว่าลูกเราไม่โดนตีบ้างก็ไม่รู้ว่าเจ็บหรือไม่ ทำไมครูถูกศาลตัดสินจำคุกเพราะเฆี่ยนตีนักเรียนที่ไม่เอาขยะไปทิ้ง เพราะการตีในสายตาก.ม.คือ การทำร้ายร่างกายที่ผิดก.ม. ถามว่าครูมีใบอนุญาตพิเศษให้ทำร้ายร่างกายหรือไม่ ครูแสดงไม่ได้ ก็ผิดก.ม. ศาลไม่ได้อยากลงโทษ แต่ก.ม.ไม่มีข้อยกเว้นให้ครูตีเด็กด้วยข้ออ้างว่า อบรมสั่งสอน เลย การตัดคะแนนจึงเป็นทางสายกลางที่ปกป้องครูไว้แล้วยังสอนเด็กได้ระดับหนึ่ง ถ้าเขาไม่ฟังก็ต้องออกไปตามระเบียบที่รู้ล่วงหน้าแล้ว เด็กฝรั่งครูฝรั่งก็ใช้วิธีนี้สอนเด็กเรื่องวินัยทางอ้อม เขายังเป็นมหาอำนาจได้ ทำไมครูไทยตีเด็กมาเป็นร้อยปี จึงยังไม่เป็นมหาอำนาจเสียที น่าคิดเหมือนกัน


ร้อยกว่าปีที่ครูไทยสอนเด็กไทยโดยผ่านการลงโทษด้วยไม้เรียว แส้หนัง ปาชล็อก หยิกเนื้อ ทั้งที่ความรู้ครูไทยไม่ต่างจากฝรั่ง บางคนเก่งการสอนมากกว่า ส่วนเด็กไทยก็ไม่ได้โง่กว่าเด็กฝรั่งเลย การลงโทษก็รุนแรงกว่า ทำไมเด็กฝรั่งเติบโตไปสร้างประเทศได้ดีกว่าเด็กไทย มันบอกชัดว่า การลงโทษไม่ได้สร้างเด็กไทยให้เก่งกว่าเด็กฝรั่ง มันต่างกันที่ระบบการสอนการเรียน มิใช่การลงโทษ การเรียนในโลกจึงไม่เน้นการลงโทษ แต่พยายามให้เด็กเรียนรู้ ยอมรับ การมีระเบียบวินัยและผลจากการละเมิดที่ตัวเองและครอบครัว จะได้ช่วยประคองกันมิให้ต้องถูกลงโทษสถานหนัก มิใช่ปล่อยให้ครูรับผิดชอบฝ่ายเดียว การลงโทษยุคใหม่จึงเริ่มเข้าสู่ระบบสากลมากขึ้น ครูไทยรุ่นใหม่ก็ปรับตัวได้ดีขึ้น มีน้อยคนที่ยังหลงในวังวนเก่าๆ สุดท้ายจะถูกกาลเวลากลืนไปเพราะไม่อยากติดคุก พ่อแม่เด็กก็พัฒนารักษาสิทธิเด็กเพิ่มขึ้น ครูมีทางเลือกลงโทษหลากหลายที่มิใช่การตีเด็ก ไม่ชอบตัดคะแนน ก็ไปใช้วิธีที่กระทรวงเปิดไว้ได้ ก็เลือกไปตามนั้น อย่าคิดท่าพิสดารแปลกไปจากที่เขียนไว้ก็พอ ถือว่าใจกว้างกว่าฝรั่งแล้ว ลงโทษอะไรก็ได้ที่ไม่ตีเด็กเน้นการลงโทษให้เด็กมีจิตสำนึกเกิดขึ้นเป็นหลัก


การตีเด็กใช้กับเด็กบางคนที่ทนทานทางจิตใจและกลัวครูเท่านั้น ถ้าเจอเด็กที่ถูกสอนเรื่องสิทธิเสรีภาพทางร่างกายของตัวเองเข้มข้น ครูจะแตะต้องเด็กด้วยไม้เรียวหรือแส้หนังหรือลูบไล้เด็กยังไม่ได้ เพราะเขาจะรักร่างกายของตัวเองมาก รู้ว่ามีสิทธิอะไรที่คนอื่นทำกับเขาไม่ได้ ณ วันนี้ครูไทยตระหนักดีแล้วว่า การตีคือติดคุก กระทรวงจึงออกหลักลงโทษออกมาให้ครูไทยเลือกใช้กันเอง แต่ต้องไม่ใช่การทำร้ายเด็กด้วยสารพัดข้ออ้างว่ารักจึงตี เพราะก.ม.ไม่ได้ยกเว้นเหตุผลนี้ไว้ ครูจึงไม่มีใบอนุญาตให้ตีเด็ก อีกอย่างหนึ่ง วิธีลงโทษที่กระทรวงออกมาให้เลือกใช้นั้น ไม่เจาะจงว่าต้องใช้กับเด็กเรียนหรือเด็กเกเร ครูไทยก็เลือกใช้ตามใจชอบ หนักเบาก็มีให้เลือกได้ ไม่เสี่ยงติดคุกด้วย เราต้องไม่ลืมว่าวันนี้เด็กไทยจำนวนมากเข้าใจและรู้จักปกป้องตัวเองจากการทำร้ายของผู้อื่นหรือครูเพิ่มขึ้นแล้ว ร.ร.ฝรั่งในไทยไม่ตีเด็ก แต่ไปใช้วิธีอื่นลงโทษกันนานแล้วเพราะเขานำแนวคิดต้นแบบจากฝรั่งมาใช้กับเด็กไทยด้วย ถ้าครูไทยบางคนยังยึดถือวิธีใช้ไม้เรียวกับเด็กเกเร แต่เด็กเรียนไปใช้ตัดคะแนน เมื่อทำผิดกฎเดียวกัน ก็เป็นทางเลือกที่ครูทำได้ แต่ต้องรับผิดชอบผลที่ทำไปด้วยตัวเอง หากมันไปผิดก.ม.และผู้ปกครองเอาเรื่อง รอยแผลจากไม้เรียวในบางคนมันอยู่ทนทั้งทางกายและในจิตใจเชียวนะ บางคนรอยไม้เรียวชุบน้ำมันยังอยู่คาหลังของเขาจนถึงวัยแก่เลย


แนวคิดเรื่องการตีเด็กควรมีอยู่หรือไม่ ได้ถูกยืนยันโดยคำพิพากษาของศาลไปแล้วว่า จะอ้างว่าตีเพราะสอนวินัย รักเด็กมาก อยากให้เป็นคนดี เมื่อตีคือทำร้าย ศาลก็ต้องลงโทษจำคุกครู เมื่อผู้ปกครองเด็กไม่เห็นพ้องกับวิธีลงโทษนั้น ส่วนครูไทยกลุ่มใดยังเลือกใช้วิธีลงโทษด้วยใช้ไม้เรียว ปาชอล์ก หยิกเนื้อ แส้หนัง ก็ทำต่อไป ถ้าเจอผู้ปกครองที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพในร่างกายของลูก ครูไทยกลุ่มนั้นก็ต้องขึ้นศาลตามระเบียบสังคมในวันนี้ มันเป็นเสรีภาพทางความเชื่อของครูไทยกลุ่มนั้นและของผู้ปกครองเด็ก ใครยังนิยมให้ครูตีเด็ก ลูกถูกตี ก็ไม่ผิดที่จะปล่อยให้ครูตีลูกต่อไป ใครไม่พอใจวิธีลงโทษแบบนี้ก็ใช้สิทธิทางศาลได้เพราะกระทรวงห้ามการตีเด็กด้วยไม้เรียวสารพัดขนาดนานแล้ว นี่คือกฎสังคมระหว่างครู นักเรียน และผู้ปกครองในยุคไซเบอร์กันแล้ว


บางคนเคยมาเล่าให้ฟังว่า ลูกเรียนชั้นป.6 ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำเพราะท้องเสียกะทันหัน แต่เวลานั้นครูน่าจะอารมณ์ไม่ดีจากเรื่องส่วนตัวสักอย่าง ไม่อนุญาตแล้วยังสั่งให้ยืนหน้าชั้นประณามเธอที่แย้งว่าทนไม่ไหวจริงๆ ลูกวิ่งออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ถูกครูสั่งยืนประจานแล้วให้เพื่อนรุมปาชอล์กใส่เธอ ใครไม่ยอมปาจะถูกลงโทษแบบเดียวกัน หลายคนนั่งร้องไห้ไม่อยากทำเพื่อน บางคนก็ยอมปา ส่วนลูกก็กลัวครู ยอมยืนให้ครูปาชอล์กเป็นคนแรก ต่อมาถูกเพื่อนปาจนเจ็บทนไม่ไหว วิ่งไปนั่งร้องไห้แล้วโทร.บอกแม่ พอไปถามครูก็บอกว่าเด็กขัดคำสั่งครูที่กำลังสอนใกล้จบแล้ว หวังดีจึงลงโทษสถานเบาแบบนั้น ลองสมมติดูว่าถ้าครูอื่นมองกับผู้ปกครองมอง มันได้ภาพต่างกัน ทั้งที่ดูจากหน้าต่างเดียวกันใช่ไหม จะถูกหรือผิด ถ้าในร.ร.ก็อยู่ที่ผู้คุมกฎนั้นจะเห็นอย่างไร ถ้าไปศาลจะมองอย่างไร มันก็ใช้ตำราหรือจิตใจหรืออารมณ์คนละแบบกัน

ลงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้..คลิกที่นี่

อยากให้ลองทำวิจัยดูซิว่า ทุกวันนี้สติปัญญาของเด็กลดลง เพราะอะไรกันแน่
-การยกเลิกการลงโทษโดยไม้เรียว
-สังคมรอบข้าง
-ปัญหาครอบครัว
-การปฏิรูปการศึกษา
หากเกาไม่ถูกที่คันก็คงต้องทรมานกับการคันต่อไปล่ะครับ

คำแนะนำสำหรับครูในประเทศไทย
สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทราบถ้าคุณเป็นครู หรือกำลังตัดสินใจที่จะเป็นครูในประเทศไทย

1. การลงโทษทางกายเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548
2. กฎหมายนี้บังคับใช้กับทุกโรงเรียน ทั้งรัฐบาลและเอกชน
3. ไม่มีการได้รับข้อยกเว้นจากผู้ปกครอง ต่อให้ผู้ปกครองอนุญาตให้ตีเด็กและคุณปฏิบัติตาม นั่นก็หมายถึงคุณกำลังทำผิดกฎหมายอยู่ดี
4. ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ การดำเนินคดีก็คงเป็นหนึ่งในนั้น การพิสูจน์หลักฐานอาจนำไปสู่การบันทึกประวัติอาชญากร และคุณก็จะตกงาน คิดดูให้ดี!
5. เด็กๆมีสิทธิ์ที่จะเรียนหนังสือโดยปราศจากความหวาดกลัว คุณมีหน้าที่ให้ความมั่นใจกับพวกเขา
6. ถ้าคุณเป็นครูในโรงเรียนไทยและมีข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษทางกาย กรุณาติดต่อเรา เรารับประกันว่าข้อมูลของคุณจะไม่ถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม
7. เราได้พูดคุยกับครูหลายคนที่เชื่อว่ากฎหมายยืดหยุ่นได้ และพวกเขาสามารถตีเด็กได้ตามแต่สถานการณ์ นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด
8. กฎหมายไม่มีการผ่อนปรน กฎหมายก็คือกฎหมาย และไม่มีข้อแม้ในการลงโทษ ไม่ว่าจะตีเบาหรือแรงก็ถือว่าผิดกฎหมายทั้งนั้น
9. การทารุณกรรมเด็ก ยังไงๆก็คือการทารุณกรรมเด็ก ไม่สำคัญว่าจะที่ไหน ไทย อเมริกา หรือแอฟริกา ทุกที่ก็เหมือนกัน


แถลงการณ์กระทรวงศึกษาธิการ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

"กระทรวงศึกษาได้ออกกฎกระทรวงที่ห้ามลงโทษเด็กด้วยความรุนแรง ดังนั้นครูหรือเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนคนใดที่ใช้วิธีการลงโทษด้วยความรุนแรง สมควรให้ถูกออก หรือถูกเอาผิดทางวิชาชีพหรือทางกฎหมาย แต่การตีเด็กยังเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในโรงเรียนหลายแห่งในประเทศไทย ครูบางคนไม่ตระหนักในกฎระเบียบดังกล่าว ในขณะที่ครูบางคนทราบดีแต่ไม่ใส่ใจที่จะปฏิบัติตาม"



จาก
//www.thai.corporalpunishmentthailand.com/

ทำให้ครูหลายคน(อาจจะส่วนใหญ่)ทิ้งไม้เรียว รวมทั้งทิ้งความทุ่มเทใจและกายเพื่อจะทำให้เด็กที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียนและไม่เชื่อฟังนั้นไป ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมในภายหลังได้

ถ้าเป็นเช่นนั้นใครจะรับผิดชอบ

หรือว่า

ชั่งหัวมัน


Create Date : 13 มกราคม 2554
Last Update : 13 มกราคม 2554 13:58:48 น. 17 comments
Counter : 5467 Pageviews.

 
ผมเคยเป็นครูอาสาสมัครอยู่สองสามปี เคยตีเด็กบ้าง ไม่น่าจะเกินสิบครั้ง เป็นการตีฝ่ามือพอเจ็บๆคันๆ ในสมัยนั้นยังเป็นเรื่องปกติธรรมดา ผมตีทั้งๆที่ไม่อยากทำ และมีเจตนาที่ดีอย่างแน่นอน เด็กรู้ว่าถูกตีเพราะอะไร ผมต้องการให้เขาแก้ไขอย่างไร ผมปฏิบัติต่อลูกอย่างเดียวกัน ตีเขาสักสองหรือสามครั้งเท่านั้น ในชีวิต พอเจ็บๆคันๆเท่านั้น แต่ทั้งหมดนี้หลังจากความพยายามโน้มน้าว ชักชวนด้วยวิธีการต่างๆก่อนแล้ว

แต่ถ้าผมยังเป็นครูอยู่ในเวลานี้ ผมจะไม่ตีเด็กเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะมีกฎหมาย แต่เพราะสังคมเปลี่ยนแปลงไปมาก เด็กไม่เชื่อเหมือนที่พวกผมเชื่อเมื่อยังเป็นเด็ก ที่เชื่อไว้ก่อนว่า ครูตีเพราะต้องการให้เราได้ดี

โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก หาวิธีอื่นๆที่เป็นวิธีที่ได้ผล และสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกจะดีกว่า

ผมเห็นใจครูมีตีเด็กด้วยความหวังดี มีเจตนาบริสุทธิ์ที่ยังคงเชื่อว่าไม้เรียวสร้างคนดี แต่ถ้าท่านถามผม ผมว่าอย่าดีกว่าครับ

//bharot.wordpress.com


โดย: bharot IP: 124.121.172.65 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:17:04:32 น.  

 
คุณครูที่รักทุกท่านครับ ท่านจะไปตีทำไมมันจะชั่วก้อปล่อยมันไป ยังไงคนที่จะรับกรรมก้อคือพ่อแม่ของเด็กนั่นเอง เรียนไม่ดี ก้อโทษครู เด็กชั่ว เด็กโง่ ก้อโทษครู สรุปแล้วปล่อยซะ ท่านก้อสอนตามเวลาและหน้าที่ก้อพอแล้ว อย่าไปหาเหาใส่หัวเลยครับ ให้พวกพ่อแม่ที่เทอดทูนสิทธิ์ทั้งหลายจัดการเองเลย เราสอนหนังสือครับ อย่างอื่นให้ผู้เป็นพ่อแม่และ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนอื่นทำดีกว่าเถอะครับ เราสอนคนที่ตั้งใจเรียนก้อพอ ดีกว่านะครับ...คุณครูที่รัก และ เคารพ...ทุกท่าน...รักครูเสมอ


โดย: คนไทยพันธุ์แท้ IP: 125.26.222.235 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:23:13:41 น.  

 
การอบรมเด็กบางครั้งการว่ากล่าวตักเตือนก็ได้ผล แต่สำหรับเด็กบางคนเท่านั้น เด็กบางคนอยู่บ้านทำอะไรก็ได้ ตวาดพ่อแม่ก็ไม่เป็นไร แต่พอมาอยู่โรงเรียนกลับทำตัวดีเรียบร้อย แต่บางคนอยู่บ้านเรียบร้อย แต่พออยู่โรงเรียนกลับไม่ปฏิบัติตามกฎของโรงเรียน เมื่อครูตักเตือนก็ไม่เชื่อฟัง จนต้องเชิญผู้ปกครองมาเพื่อชี้แจงให้ผู้ปกครองฟัง แต่ผู้ปกครองไมเชื่อครูกลับเชื่อลูกของตัวเองที่อยู่บ้านเรียบร้อย แล้วจะให้ครูทำอย่างไรดีครับ


โดย: ครูอยากให้ศิษย์ได้ดี IP: 118.173.231.10 วันที่: 16 มิถุนายน 2554 เวลา:10:52:08 น.  

 
ผมว่าระบบการศึกษาไทยมันเน่าเฟะมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ผมไม่เคยเห็นความสำคัญของไม้เรียวเลย ผมว่าเด็กจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่ตัวเด็กอยู่ที่จิตสำนึกครูไทยมักจะบ้าอำนาจ สมัยโบราณมักยกย่องเชิญชูครูเกินกว่าเหตุ ครูคือพ่อแม่คนที่สองแต่แท้ที่จริงก็คนละนามสกุล เรียนโรงเรียนแล้วได้อะไร ที่มีอนาคตทุกวันนี้ได้ขอบอกตามตรงว่าเกิดจากการเรียนพิเศษนอกโรงเรียน เรียนในโรงเรียนไม่ได้แต่ณตอนนั้นมีระบบกศนแล้วไปเรียนพวกกวดวิชาผมก็สอบเข้ามหาลัยและเรียนจบมาได้ทำไมต้องทนกับระบบกฏระเบียบบ้าๆของโรงเรียนไม่ได้มีอะไรดีเลยเน่าเฟะมากมาย จบออกมาก็หางานทำได้ไม่เห็นจะต้องยกย่องครูเลย ครูมีหน้าที่สอนก็สอนไปไม่จำเป็นต้องมาแสดงออกว่าตีเพราะรัก มันคือการทำร้ายร่างกาย แสดงถึงความบ้าอำนาจและป่าเถื่อนอย่านำมันกลับมาใช้เลยไม้เรียวเนี่ยไม่ได้ทำให้ใครดีขึ้นหรอก


โดย: baddogaho IP: 58.9.73.211 วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:21:52:05 น.  

 
(ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า เด็กที่ถูกตีโดยครูไม่ว่าจะถูกแกล้งหรือทำโทษจริงๆก็ตาม ล้วนส่งผลให้เด็กเติบโตขึ้นแล้วไปรังแกผู้ด้อยกำลังกว่าตนเพราะชื่นชมกับการใช้กำลังของครูที่ทำต่อเด็กอย่างเขาที่ต่อต้านครูไม่ได้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ฝ่ายวิชาชีพครูต้องเลี่ยงเหตุผลนี้ในการสร้างนักเลงบ้ากำลังขึ้นมาอีกคนโดยฝีมือครูเอง ทั้งที่เพื่อลดเด็กที่ชื่นชมแนวคิดใช้พละกำลังข่มเหงผู้ด้อยกว่า จึงต้องเริ่มต้นที่ครูด้วย ครูยุคใหม่จึงต้องปรับแนวคิดการลงโทษให้เข้ายุคสมัยด้วย ครูฝรั่งเจอปัญหาเด็กเกเรรุนแรงกว่าครูไทย แต่ไม่มีข่าวการใช้ตีหรือทำร้ายเด็ก นักเรียนฝรั่งก็อยู่ร่วมกับครูได้กลายเป็นเด็กดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งไม้เรียว นี่เป็นบทพิสูจน์)
ใครวิจัยครับ อย่าอ้างมั่วๆ ถ้าจะใช้ไม้เรียวตีเด็ก แต่เก็บข้อมูลกับเด็กก็ได้คำตอบหนึ่ง ถ้าไปเก็บแบบสอบถามครูก็ได้อีกคำตอบหนึ่ง คนที่ได้ดีเพราะไม้เรียวมรเยอะครับ ลองถามดู


โดย: ครู IP: 223.207.99.221 วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:19:51:00 น.  

 
ร้อยกว่าปีที่ครูไทยสอนเด็กไทยโดยผ่านการลงโทษด้วยไม้เรียว แส้หนัง ปาชล็อก หยิกเนื้อ ทั้งที่ความรู้ครูไทยไม่ต่างจากฝรั่ง บางคนเก่งการสอนมากกว่า ส่วนเด็กไทยก็ไม่ได้โง่กว่าเด็กฝรั่งเลย การลงโทษก็รุนแรงกว่า ทำไมเด็กฝรั่งเติบโตไปสร้างประเทศได้ดีกว่าเด็กไทย มันบอกชัดว่า การลงโทษไม่ได้สร้างเด็กไทยให้เก่งกว่าเด็กฝรั่ง มันต่างกันที่ระบบการสอนการเรียน มิใช่การลงโทษ การเรียนในโลกจึงไม่เน้นการลงโทษ แต่พยายามให้เด็กเรียนรู้ ยอมรับ การมีระเบียบวินัยและผลจากการละเมิดที่ตัวเองและครอบครัว จะได้ช่วยประคองกันมิให้ต้องถูกลงโทษสถานหนัก มิใช่ปล่อยให้ครูรับผิดชอบฝ่ายเดียว การลงโทษยุคใหม่จึงเริ่มเข้าสู่ระบบสากลมากขึ้น ครูไทยรุ่นใหม่ก็ปรับตัวได้ดีขึ้น มีน้อยคนที่ยังหลงในวังวนเก่าๆ สุดท้ายจะถูกกาลเวลากลืนไปเพราะไม่อยากติดคุก พ่อแม่เด็กก็พัฒนารักษาสิทธิเด็กเพิ่มขึ้น ครูมีทางเลือกลงโทษหลากหลายที่มิใช่การตีเด็ก ไม่ชอบตัดคะแนน ก็ไปใช้วิธีที่กระทรวงเปิดไว้ได้ ก็เลือกไปตามนั้น อย่าคิดท่าพิสดารแปลกไปจากที่เขียนไว้ก็พอ ถือว่าใจกว้างกว่าฝรั่งแล้ว ลงโทษอะไรก็ได้ที่ไม่ตีเด็กเน้นการลงโทษให้เด็กมีจิตสำนึกเกิดขึ้นเป็นหลัก

REPLY
magnabrain
Jan 12, 2011 @ 14:52:16

การตีเด็กใช้กับเด็กบางคนที่ทนทานทางจิตใจและกลัวครูเท่านั้น ถ้าเจอเด็กที่ถูกสอนเรื่องสิทธิเสรีภาพทางร่างกายของตัวเองเข้มข้น ครูจะแตะต้องเด็กด้วยไม้เรียวหรือแส้หนังหรือลูบไล้เด็กยังไม่ได้ เพราะเขาจะรักร่างกายของตัวเองมาก รู้ว่ามีสิทธิอะไรที่คนอื่นทำกับเขาไม่ได้ ณ วันนี้ครูไทยตระหนักดีแล้วว่า การตีคือติดคุก กระทรวงจึงออกหลักลงโทษออกมาให้ครูไทยเลือกใช้กันเอง แต่ต้องไม่ใช่การทำร้ายเด็กด้วยสารพัดข้ออ้างว่ารักจึงตี เพราะก.ม.ไม่ได้ยกเว้นเหตุผลนี้ไว้ ครูจึงไม่มีใบอนุญาตให้ตีเด็ก อีกอย่างหนึ่ง วิธีลงโทษที่กระทรวงออกมาให้เลือกใช้นั้น ไม่เจาะจงว่าต้องใช้กับเด็กเรียนหรือเด็กเกเร ครูไทยก็เลือกใช้ตามใจชอบ หนักเบาก็มีให้เลือกได้ ไม่เสี่ยงติดคุกด้วย เราต้องไม่ลืมว่าวันนี้เด็กไทยจำนวนมากเข้าใจและรู้จักปกป้องตัวเองจากการทำร้ายของผู้อื่นหรือครูเพิ่มขึ้นแล้ว ร.ร.ฝรั่งในไทยไม่ตีเด็ก แต่ไปใช้วิธีอื่นลงโทษกันนานแล้วเพราะเขานำแนวคิดต้นแบบจากฝรั่งมาใช้กับเด็กไทยด้วย ถ้าครูไทยบางคนยังยึดถือวิธีใช้ไม้เรียวกับเด็กเกเร แต่เด็กเรียนไปใช้ตัดคะแนน เมื่อทำผิดกฎเดียวกัน ก็เป็นทางเลือกที่ครูทำได้ แต่ต้องรับผิดชอบผลที่ทำไปด้วยตัวเอง หากมันไปผิดก.ม.และผู้ปกครองเอาเรื่อง รอยแผลจากไม้เรียวในบางคนมันอยู่ทนทั้งทางกายและในจิตใจเชียวนะ บางคนรอยไม้เรียวชุบน้ำมันยังอยู่คาหลังของเขาจนถึงวัยแก่เลย

REPLY
magnabrain
Jan 12, 2011 @ 15:00:58

แนวคิดเรื่องการตีเด็กควรมีอยู่หรือไม่ ได้ถูกยืนยันโดยคำพิพากษาของศาลไปแล้วว่า จะอ้างว่าตีเพราะสอนวินัย รักเด็กมาก อยากให้เป็นคนดี เมื่อตีคือทำร้าย ศาลก็ต้องลงโทษจำคุกครู เมื่อผู้ปกครองเด็กไม่เห็นพ้องกับวิธีลงโทษนั้น ส่วนครูไทยกลุ่มใดยังเลือกใช้วิธีลงโทษด้วยใช้ไม้เรียว ปาชอล์ก หยิกเนื้อ แส้หนัง ก็ทำต่อไป ถ้าเจอผู้ปกครองที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพในร่างกายของลูก ครูไทยกลุ่มนั้นก็ต้องขึ้นศาลตามระเบียบสังคมในวันนี้ มันเป็นเสรีภาพทางความเชื่อของครูไทยกลุ่มนั้นและของผู้ปกครองเด็ก ใครยังนิยมให้ครูตีเด็ก ลูกถูกตี ก็ไม่ผิดที่จะปล่อยให้ครูตีลูกต่อไป ใครไม่พอใจวิธีลงโทษแบบนี้ก็ใช้สิทธิทางศาลได้เพราะกระทรวงห้ามการตีเด็กด้วยไม้เรียวสารพัดขนาดนานแล้ว นี่คือกฎสังคมระหว่างครู นักเรียน และผู้ปกครองในยุคไซเบอร์กันแล้ว

ข้างบนคร๊าบเป็นแค่ครู ครูจะใหญ่กว่ากฏหมาบ้านเมืองหรือไง


โดย: baddogaho IP: 180.183.104.219 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:17:39 น.  

 
ประเด็นการใช้ไม้เรียวของครู
คุณควรจะตอบคำถามเหล่านี้ก่อนว่า คุณตีเพราะรักจริงหรือ หรือว่าตีเพราะเพียงอยากแ่ค่แสดงว่าคุณมีอำนาจเหนือเด็ก
ผลของการวิจัยมันเป็นแค่ส่วนประกอบ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุแหละผล
พ่อแม่เค้ามีสิทธิ์เหนือคุณเยอะ คำว่าครูยังอยากจะได้คำยกย่องว่าเป็นพ่อแม่คนที่สองเหมือนเดิมอีกเหรอ ผมว่ามันคงไม่ได้ผลนะหรือคุณจะบอกว่าคุณเป็นครูทีดีนะตีเด็กก็เพราะอยากให้เด็กได้ดี
งั้นคุณคงต้องไปรื้อฟื้นระบบใหม่หมดและ ให้สังคมของคำว่าครูไม่มีสิ่งเหล่านี้ก่อนและกัน
1. อมนกเขาแลกเกรด
2. กระทำชำเลาเด็ก
3.ตีเด็กเพราะความบ้าอำนาจ
4.แยกแยะส่วนตัวออกจากงาน
ทำได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้จะหาว่าผมเกลียดครูชอบบ้าอำนาจยกย่องตัวเองก็ว่าได้ โด่มันก็ย้อนรอยคำตอบ ที่ว่าเด็กคุยกันโดนตีทั้งห้องเพราะปลาตายตัวเดียวเหม็นทั้งข้องนั่นแหละฟะ งั้นอย่ามาอ้างว่าตีเพราะรักมันดูทุเรศในสายตาอ่ะ
โลกสากลเค้ายืนยันและว่าครูมีหน้าที่แค่สอนก็สอนไปสอนไม่ได้ก็ลาออกไปทำอาชีพอื่นสะไป
ครูตามติวเตอร์ไม่เห็นเ้ค้าต้องเอาไม้เรียวมาไล่ตีใคร เค้้าก็สอนได้สอนได้ดีกว่าครูในโรงเรียนสะอีก สอนให้เด็กสอบติดมหาลัยเยอะแยะไม่ยักจะต้องมีกฏบ้าบอแสดงความบ้าอำนาจของครูหรอก
เด็กอ่ะนะเค้าจะดีหรือไม่ดีมันอยู่ที่จิตใจเค้า เลี้ยงไรก็เลี้ยงได้ยกเว้นใจเข้าใจสะไอ้พวกครูหัวโบราณ


โดย: baddogaho IP: 180.183.104.219 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:25:26 น.  

 
ขอบคุณครับทุกความคิดเห็น..


โดย: scimovie วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:32:01 น.  

 
ครูตีเด็ก ป.4 ด้วยไม้เรียว ที่ก้น 2ที แล้ว ตบบ้องหู ตบศรีษะ แล้ว บีบคอแล้วพลักไปกระแทกกับกับแพง สามารถเอาผิดได้มั้ย หลักฐานมีแค่เพื่อนๆๆเด็กร่วมห้อง และรอยเขียวช้ำ จากไม้เรียว 1จุด รบกวนตอบทีนะคะ ขอบคุณคะ


โดย: OR IP: 58.11.94.10 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:1:45:08 น.  

 
แนะนำให้คุณไปแจ้งความทำบันทึกประจำวันไว้กับทางตำรวจคร๊าบ แล้วก็นำใบแจ้งความนี้ไปพบกับผอของโรงเรียน แล้วก็ถามไถ่ถึงความเป็นมาเป็นไป หากผู้บริหารโรงเรียนไม่ให้ความร่วมมือก็สามารถแจ้งความอีกรอบโดยนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปว่าลูกของคุณถูกทำร้ายร่างกายแล้วอย่าลืมยื่นเรื่องไปทางกระทรวงศึกษาธิการด้วยนะคร๊าบให้ทางกระทรวงศึกษาเข้ามาตรวจสอบอ่ะคร๊าบ ยื่นเรื่องร้องเรียนได้คร๊าบ


โดย: baddogaho IP: 192.168.1.121, 180.183.48.90 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:13:00:50 น.  

 
หนูคิดว่าควรกลับมาใช้ไม้เรียว เนื่องจากการตักเตือนหรือหักคะแนนมันอาจไม่ได้ผล เนื่องจากปัจจุบันเด็กส่วนใหญ่ดื้อ ซ่า ไม่หลาบจำ การไม่ใช้ไม้เรียวย่อมไม่ได้ผล อย่างตอนที่หนูเรียนอยู่ชั้นประถม หนูดื้อ ไม่ส่งงาน แถมไม่มีศีลธรรมในใจเลย แต่ที่หนูจบป.6มาได้ก็เพราะไม้เรียวพ่อแม่และครูและการช่วยเหลือจากพ่อแม่พี่ชายและครูค่ะ บางวิชาเกรดหนูดีมากก็เพราะไม้เรียวคุณครูนี่แหละ และการตีเพื่อสั่งสอนให้หลาบจำ ก็ไม่ควรจัดว่าผิดกฎหมาย(ยกเว้นครูใช้อารมณ์ในการตี)ค่ะ


โดย: เห็นด้วยกับไม้เรียว IP: 101.108.115.81 วันที่: 16 พฤษภาคม 2555 เวลา:7:58:12 น.  

 
ขอบคุณแสดงความคิดเห็นครับ


โดย: scimovie วันที่: 21 พฤษภาคม 2555 เวลา:9:29:20 น.  

 
**ไม้เรียวไม่ได้ช่วยอะไรเลย .. สังคมไทยต่างหากที่เป็นสังคมกดขี่ เด็กไม่กล้าแสดงออกเก็บกดขาดสติปัญญาหาทางออกไปในทางที่ผิด เพราะผู้ใหญ่อะไรๆก็ใช้แต่กำลัง กดขี่ข่มเหงรังแก่เอาเปรียบ .. ไม้เรียวไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย..อย่ามามัวนิ่มแถวนี้ ... ไอ้พวกชอบใช้กำลังรังแกเด็ก**


โดย: ครูที่ดี..เขาไม่ตีเด็กกันหรอก IP: 125.25.241.152 วันที่: 20 มิถุนายน 2555 เวลา:22:16:26 น.  

 
แล้วแต่เถอะประเทศไทย


โดย: ครู IP: 203.172.173.58 วันที่: 6 มิถุนายน 2556 เวลา:14:01:19 น.  

 
ถ้าคิดว่าปรับเรื่องไม้เรียวแล้วประเทศไทย จะสากลขึ้น งั้นช่วยปรับมันทั้งหมดด้วยจะดีมาก ไม่ใช่แค่ก๊อปเขามาแค่เรื่องลงโทษแต่ ให้ช่วยก๊อปส่วนอื่นมาด้วย การตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เคารพกฏระเบียบของส่วนรวม รักษาสาธารณะสมบัติ เดี๋ยวก็ต้องโยนว่าครูก็สั่งสอนเรื่องเหล่านี้ให้เด็กสิ - - โว๊ะตัวเองยังขุดลูกจากที่นอนมาส่งให้ทันโรงเรียนไม่ได้เลย สิ่งเหล่านี้มันต้องเริ่มตั้งแต่ครอบครัวสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว เด็กฝรั่งอ่ะ เขาไม่ได้มาพึ่งโรเงรียนอย่างเดียว พ่อแม่เขาเอาใจใส่ลูกอบรมอย่างดี จะเลียนแบบเพื่อความเป็นสากลก็กรุณาดูให้มันทุกด้านไม่ใช่จะดูแต่ด้านที่ตัวเองชอบ


โดย: มองมุมใหม่ IP: 223.204.161.157 วันที่: 27 สิงหาคม 2556 เวลา:19:59:40 น.  

 
ครูรองรัตน์ ตันตยาภิรมย์ ชอบทำร้ายเด็กแรงวันนี้ก็เหวี่ยงเด็กไอรินล้มลงจาก
โต๋ะ และชอบรังแกเด็ก ดึงหูเด็ก และทำร้ายเด็กทั้งร่างกายและจิตใจซึ่งทำให้
เด็กไมไว้วางใจแต่ทำเป็นคุยกับพ่อแม่ีดีแต่ลับหลังทำเด็กยังกับไม่เป็นคน


โดย: สาริน IP: 171.7.17.119 วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:21:33:21 น.  

 
จะอย่างไร ครูยุกค์ใหม่สมัยไชเบอร์แล้ว ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต้องเก่งกว่าเด็ก..แม้แต่การพูดกับเด็กต้องมีทักษะ วาจาที่ดี การสอนต้องเรียนรู้ค้นค้ว้า..จึงมอบให้เด็กต้องเอาชนะเด็กด้วย..ความดี..เด็กจึงจะเชื่อฟังคุณครู...ในที่สุดเด็กก็ยอมเป็นเด็กดี..ยอมเรียน..นี่ต่างหาก ที่ครูจะต้องได้บุณได้กุศล คือคืนเด็กๆให้พ่อแม่ใคความเป็นเด็กดี..เด็กเก่ง


โดย: นางวนิดาจูมดอก IP: 27.55.233.210 วันที่: 8 สิงหาคม 2557 เวลา:7:57:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.