|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไม้เรียว...การลงโทษที่รุนแรงของครู...จริงหรือ?
ครู นักเรียน และการลงโทษ
ถาม ครูตีนักเรียนผิดกฎหมายหรือไม่ ? ตอบ ครูหรืออาจารย์ในสถาบันการศึกษามีความเข้าใจคลาดเคลื่อนมานานว่า ครูมีสิทธิ์ตีนักเรียนเมื่อต้องการลงโทษเด็ก และยังมีระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ครูตีนักเรียนได้ในหัวข้อการลงโทษนักเรียน เมื่อพิจารณาตามหลักกฎหมายและรัฐธรรมนูญไทยรับรองสิทธิเสรีภาพในร่างกายของบุคคลไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือเด็ก อีกทั้งยังมีกฎหมายอาญากำหนดบทลงโทษการทำร้ายร่างกายบุคคลไว้ ส่วนกฎหมายแพ่งให้เรียกค่าเสียหายเมื่อถูกทำละเมิดร่างกายได้ ขณะที่กฎระเบียบของกระทรวงฯยังไม่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายต่างๆทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ครูมีสิทธิ์ตีทำร้ายเด็กได้ด้วยข้ออ้างว่า เพื่อสั่งสอน ขณะที่ชาวโลกได้เปลี่ยนระบบลงโทษเด็กไปจากการตีให้บาดเจ็บหรือเข็ดหลาบสู่ระบบตัดคะแนนหรือวิธีที่ไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายของเด็กแล้ว ครูหรืออาจารย์สัญชาติไทยยังติดอยู่กับระบบส่งเสริมการตอบโต้ด้วยความรุนแรงอยู่ ดังนั้น ณ ยุคไซเบอร์นี้ การตีนักเรียนด้วยวัตถุใดหรือด้วยมือให้เด็กบาดเจ็บไม่ว่าจะรุนแรงหรือน้อยเพียงใด ล้วนถือเป็นความผิดกฎหมายอาญาและขัดต่อรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองสิทธิทางร่างกายมิให้ผู้ใดทำละเมิดได้
ถาม นักเรียนมีสิทธิ์ฟ้องคดีเอาผิดกับครูที่ตีเขาได้หรือไม่ ? ตอบ เมื่อไม่มีกฎหมายให้อำนาจครูตีเด็กโดยหวายหรือไม้เรียวหรือเข็มขัดหนังหรือท่อนเหล็กหรือจับหัวโขกกระดาน ผู้ปกครองของนักเรียนมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นคดีอาญาได้ ส่วนโทษของครูนั้นขึ้นอยู่กับวิธีทำร้ายว่าทารุณเพียงใด ลักษณะบาดแผล ผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของผู้เสียหาย ศาลจะใช้ประกอบกับดุลพินิจลงโทษผู้กระทำความผิด นอกจากนั้น ผู้ปกครองยังมีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากครูและโรงเรียนที่เป็นนายจ้างของครู
ถาม ทำอย่างไรให้ครูใช้วิธีอื่นลงโทษ นอกจากการตีเด็ก ? ตอบ การปรับเปลี่ยนทัศนคติและความเชื่อของครูกับนักเรียนให้เข้ากับกฎหมายในปัจจุบันที่คุ้มครองผู้ใหญ่และเด็กอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งการตีเป็นการส่งเสริมให้เด็กนิยมความรุนแรงโดยตรงและเป็นการแสดงอำนาจระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก มิใช่การใช้เหตุผลพูดคุยกัน กฎเรื่องการลงโทษของกระทรวงศึกษาธิการควรยกเลิกการโบยตีด้วยหวายหรือไม้บรรทัดได้แล้วเพราะขัดต่อกฎหมาย ทำให้ครูหลายคนต้องโทษคดีอาญาเพราะความหลงผิดว่ามีสิทธิทำได้ ทั้งที่การตีกระทำต่อร่างกายของเด็กจัดเป็นการทำร้ายร่างกายอันผิดต่อกฎหมายอาญาและมีโทษจำคุกด้วย หากกระทรวงฯต้องการให้การตีเด็กทำได้โดยชอบ ก็ควรแก้ไขกฎหมายให้คุ้มครองครูเพื่อจะไม่ต้องรับโทษอาญาเหมือนที่กฎหมายของหมอคุ้มครองการฉีดยา การผ่าตัด คนไข้ซึ่งกระทำเพื่อการรักษาอาการป่วยเจ็บ มิใช่การทำร้ายร่างกาย
ถาม การลงโทษด้วยการตียังมีใช้ในสังคมโลกอยู่หรือไม่ ? ตอบ ประเทศที่ไม่คุ้มครองสิทธิในร่างกายของคนก็ยังมีใช้กันอยู่บ้าง ณ ปัจจุบันนี้กฎหมายสูงสุดของหลายประเทศจะให้ความคุ้มครองสิทธิในร่างกายของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้หลายประเทศที่เจริญทางจิตวิญญาณเปลี่ยนแปลงวิธีลงโทษจากการตีทำร้ายร่างกายเด็กไปสู่วิธีอื่นที่เหมาะสมและช่วยลดความรุนแรงทางสังคมลง อาทิเช่น การตัดคะแนนความประพฤติ การตักเตือนเด็กด้วยวาจาหรือหนังสือ การยืนนอกห้อง การเขียนรายงานหรือคัดลายมือ การรายงานต่อผู้ปกครอง เป็นต้น ญี่ปุ่น จีน สหรัฐ อังกฤษ และชาติยุโรปอื่น ไม่มีการตีเด็กด้วยไม้เรียวหรือท่อนไม้หรือไม้บรรทัดเหล็กกันมานานแล้ว แต่ไทยยังใช้ระบบลงโทษด้วยการตีอยู่ในโรงเรียนของรัฐหรือของเอกชนบางแห่ง มันบ่งบอกชัดว่า โรงเรียนไทยยังไม่พัฒนาตัวเองให้เข้ากับระบบกฎหมายเยี่ยงอารยประเทศอื่น เด็กไทยยังถูกกดขี่ ข่มขู่ และกระทำอย่างไม่เป็นธรรมอยู่ในโรงเรียนไทยอยู่ สิ่งที่ได้รับหลังจากเด็กถูกทำทารุณหนัก คือ สภาพจิตใจที่แย่และทัศนคติเลวร้ายต่อผู้อื่น อันอาจส่งผลให้เปลี่ยนตัวเองไปสร้างปัญหาให้สังคมภายหลังก็ได้ หากเจอผู้ใหญ่ที่มีอำนาจช่วยปกป้องคนผิดหรือสถาบันแล้วมุ่งทำลายล้างเด็กให้ย่อยยับเพื่อแก้แค้นที่เปิดเผยความเลวร้ายนี้ มันจักกลายเป็นแผลเป็นในหัวใจของเด็กต่อระบบการศึกษาของคนไทยวันนี้
จากคำถามและคำตอบข้างบนทำให้มีการแสดงความคิดเห็นดังต่อไปนี้
เด็กด่าครู และทำอันตรายแก่เพื่อนเกือบถึงชิวิต และทำความเสียหายภายในโรงเรียนทั้งน้ำดื่มส่วนร่วมของโรงเรียน สมควรโดนทำโทษหรือไม่ จากครูไม่กล้าตี
การลงโทษของครูต้องอยู่ภายใต้ก.ม.อาญาที่ใช้บังคับกับคนไทยโดยไม่แบ่งแยก ครูไม่มีใบอนุญาตพิเศษให้ตีเด็กได้ การตีถือเป็นการทำร้ายร่างกายผู้อื่นตามก.ม.ต้องถูกลงโทษอาญาเท่าเทียมกับชาวบ้าน แต่การลงโทษด้านการศึกษานั้นมีหลายแบบ เช่น ตัดคะแนน ว่ากล่าวตักเตือนด้วยหนังสือ แจ้งผู้ปกครองรับทราบ นี่เป็นหลักลงโทษสากลที่ทำกันทั่วโลกและไทยก็รับมาใช้แล้วด้วย หากทำรุนแรงมากๆก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจให้ทำตามขั้นตอนคดีได้ แต่ครูไม่ควรเสี่ยงเอาตัวเข้าคุกด้วยการตีเด็กซึ่งส่งผลต่อกายและจิตใจของเด็ก ไม่คุ้มค่าแน่นอน
ยุคนี้การตีเด็กแล้วอ้างว่าทำเพื่อสั่งสอนเด็กนั้นใช้ไม่ได้เพราะหลักวิทยาศาสตร์ทางจิตยืนยันแล้วว่า ไม่ส่งผลดีต่อกายหรือใจของเด็กเลย มันเป็นความเชื่อเก่าๆที่ถูกหักล้างด้วยวิทยาศาสตร์ไปแล้ว ทำให้ทั่วโลกยึดหลักใหม่ด้วยวิธีลงโทษที่ไม่กระทำต่อกายโดยตรง แต่ใช้การตัดคะแนน การทำทัณฑ์บนที่จะส่งผลต่อการต้องถูกไล่ออกให้ผู้ปกครองรับทราบและช่วยดูแลเด็กอบรมให้ดีขึ้น เป็นต้น เพราะมีก.ม.คุ้มครองเด็กและรธน.คุ้มครองเสรีภาพสิทธิในร่างกายเด็กเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ อีกทั้งไม่ส่งเสริมให้ผู้ใหญ่ใช้อำนาจหรือพละกำลังทำร้ายเด็กด้วยสารพัดข้ออ้างอีกต่อไป
ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า เด็กที่ถูกตีโดยครูไม่ว่าจะถูกแกล้งหรือทำโทษจริงๆก็ตาม ล้วนส่งผลให้เด็กเติบโตขึ้นแล้วไปรังแกผู้ด้อยกำลังกว่าตนเพราะชื่นชมกับการใช้กำลังของครูที่ทำต่อเด็กอย่างเขาที่ต่อต้านครูไม่ได้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ฝ่ายวิชาชีพครูต้องเลี่ยงเหตุผลนี้ในการสร้างนักเลงบ้ากำลังขึ้นมาอีกคนโดยฝีมือครูเอง ทั้งที่เพื่อลดเด็กที่ชื่นชมแนวคิดใช้พละกำลังข่มเหงผู้ด้อยกว่า จึงต้องเริ่มต้นที่ครูด้วย ครูยุคใหม่จึงต้องปรับแนวคิดการลงโทษให้เข้ายุคสมัยด้วย ครูฝรั่งเจอปัญหาเด็กเกเรรุนแรงกว่าครูไทย แต่ไม่มีข่าวการใช้ตีหรือทำร้ายเด็ก นักเรียนฝรั่งก็อยู่ร่วมกับครูได้กลายเป็นเด็กดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งไม้เรียว นี่เป็นบทพิสูจน์
ชีวิตครูดีๆมีค่ากว่าเด็กเกเรคนหนึ่ง ถ้าอยากลงโทษเด็กเกเรเพื่อสั่งสอนก็ควรเลือกที่ไม่ทำลายตัวเอง แต่ใช้วิธีสอนสิ่งดีๆแล้วทำทัณฑ์บนไว้ หรือ ตัดคะแนนความประพฤติของเขา เพราะถ้าคะแนนลดเหลือเท่าเกณฑ์ต้องซ้ำชั้น อย่าลืมแจ้งผู้ปกครองอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะส่งผลต่อการปรับปรุงตัวเด็กโดยฝ่ายผู้ปกครองร่วมมือด้วย น่าจะดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย คือ ให้โอกาสเด็ก ถ้าไม่ปรับแก็ก็ต้องออกจากร.ร.ตามระเบียบ สิ่งสำคัญคือ ครูต้องลงโทษด้วยใจสุจริต จึงมีค่าต่ออนาคตของเด็ก
ความคิดหนึ่งความคิดใช้กับคนทุกคนไม่ได้ คนทุกคนไม่ได้ใช้ได้กับทุกวิธี และเหตุการณ์จริงกับทฤษฏีมันต่างกัน และถ้าจะต่อไปว่าก็เลือกซักหนึ่งวิธีเพื่อใช้ให้เหมาะสม ตอบ
หนึ่งโรงเรียนเด็กเป็นร้อยเป็นพันคน ครูแค่หยิบมือ ดังนั้นขอถามคุณผู้รู้ว่า ถ้าคุณอยู่ในสถานะการณ์นั้นที่นักเรียนกำลังวุ่นวายไม่เรียนควบคุมไม่ได้ คุณจะทำอย่างไร
ความคิดอาจใช้กับทุกคนไม่ได้ แต่กฎหมายใช้กับคนสัญชาติไทยทุกสาขาวิชาชีพ การแก้ปัญหาเด็กเกเรต้องมาจากความร่วมมือของครูใหญ่และครูน้อยร่วมใจกันใช้บทลงโทษที่ระเบียบเขียนไว้ บังคับใช้ให้เคร่งครัดเป็นตัวอย่างแก่นักเรียน แล้วต้องให้ผู้ปกครองรับรู้พฤติกรรมลูกของเขาประกอบการลงโทษด้วย ครูคนเดียวแก้ไขเด็กเกเรคนเดียวแล้วยิ่งมีมากคนก็ต้องทำเป็นทีม จะแก้คนเดียวไม่ได้ ครูก็ไร้อภิสิทธิ์ใบอนุญาตให้ละเมิดก.ม.อาญาไม่ได้ ตัวอย่างครูชายตีเด็กกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าพวกเขาขัดคำสั่งก็เห็นแล้วว่าเมื่อตีเด็ก ครูก็หมดอนาคต แต่ระเบียบร.ร. กฎกระทรวงก็ระบุการลงโทษเด็กไว้เป็นขั้นตอน การลงโทษบวกการสอน มิใช่แฝงการแก้แค้น วิธีการและเจตนาจึงแตกต่างกัน โทษหนักเบายุคใหม่ปรับเข้ากับก.ม.ไว้แล้ว ถ้าครูยึดวิถีเดิม ก็ต้องไม่พ้นชะตาเดียวกับครูชายที่เป็นคดีอาญาและต้องหมดอนาคตครูไป การแก้ไขเด็กเกเรเป็นภาระหน้าที่ของครูและผู้ปกครองซึ่งมีอำนาจเหนือเด็กอยู่แล้ว แค่เลือกใช้วิธีลงโทษและการร่วมมือจากผู้ปกครองที่รักลูกด้วย ต้องใช้สติเหนืออารมณ์ ครูในร.ร.อาชีวะยังต้องทำหน้าที่อย่างระวังเพราะวัยรุ่นมีพลัง ถ้าขาดการยอมรับในเหตุผลการลงโทษ ป่านนี้คงมีครูอาชีวะถูกเด็กซ้อมน่วมทุกวันไปแล้ว
การตีเด็ก ในความคิดของผม เป็นการห้ามปรามเด็ก ไม่ใช่การลงโทษเด็ก ผลก็คือ เด็กทำตัวดีขึ้น การตัดแต้ม เป็นการห้ามปรามเด็กไม่ได้ ผลก็คือเด็กออก และสร้างภาระให้ผู้ปกครอง(ตัดแต้มถ้าใช้กับเด็กเรียนจะมีผล แต่ใช้กับเด็กเกเรไม่ได้ครับ)
การปกครองเด็กแนวคิดยุคใหม่แบบสากลโลกทำให้ครูไทยต้องเปลี่ยนแนวคิดแบบเดิมจากไม้เรียวสร้างเด็กไป สังคมครูไทยไม่ได้รับใบอนุญาตตีเด็กซึ่งก.ม.ถือว่าเป็นการทำร้ายเด็กมีพรบ.คุ้มครองเด็กออกมายืนยันอีก ทำให้ต้องนำวิธีลงโทษเด็กแบบใหม่ที่ไม่ขัดก.ม.ออกมาบังคับใช้ทั้งเด็กเรียนหรือเด็กเกเรให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน มันคือกฎสังคมโรงเรียนแบบสากลโลก ความคิดเป็นเรื่องหนึ่งที่มีต่างกันได้ แต่ต้องมีมาตรฐานเดียวกัน จะแยกลงโทษเด็กเรียนกับเด็กเกเรต่างกฎกันไม่ได้ ถ้าเด็กเรียนทำผิดก็ต้องโดนแบบเดียวกับเด็กเกเรที่ละเมิดกฎเดียวกัน จึงสร้างการลงโทษแบบเดียวโดยไม่ขัดต่อก.ม.เพราะคนไทยต้องอยู่ใต้ก.ม.เดียวกัน จะให้ครูแยกลงโทษเด็กตามอำเภอใจไม่ได้ เมื่อสร้างกฎแล้ว เด็กเรียนกับเด็กเกเรละเมิดกฎนั้น ก็ต้องลงโทษเหมือนกัน จึงเป็นธรรม มันยากเมื่อเอาอารมณ์มาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องธรรมดาของมนุษย์ ถ้าเราเป็นพ่อแม่เห็นลูกถูกเฆี่ยนตีด้วยสารพัดไม้ กับครูตีนักเรียนก็มีอารมณ์แตกต่างกันแล้ว บ้างจึงบอกว่าลูกเราไม่โดนตีบ้างก็ไม่รู้ว่าเจ็บหรือไม่ ทำไมครูถูกศาลตัดสินจำคุกเพราะเฆี่ยนตีนักเรียนที่ไม่เอาขยะไปทิ้ง เพราะการตีในสายตาก.ม.คือ การทำร้ายร่างกายที่ผิดก.ม. ถามว่าครูมีใบอนุญาตพิเศษให้ทำร้ายร่างกายหรือไม่ ครูแสดงไม่ได้ ก็ผิดก.ม. ศาลไม่ได้อยากลงโทษ แต่ก.ม.ไม่มีข้อยกเว้นให้ครูตีเด็กด้วยข้ออ้างว่า อบรมสั่งสอน เลย การตัดคะแนนจึงเป็นทางสายกลางที่ปกป้องครูไว้แล้วยังสอนเด็กได้ระดับหนึ่ง ถ้าเขาไม่ฟังก็ต้องออกไปตามระเบียบที่รู้ล่วงหน้าแล้ว เด็กฝรั่งครูฝรั่งก็ใช้วิธีนี้สอนเด็กเรื่องวินัยทางอ้อม เขายังเป็นมหาอำนาจได้ ทำไมครูไทยตีเด็กมาเป็นร้อยปี จึงยังไม่เป็นมหาอำนาจเสียที น่าคิดเหมือนกัน
ร้อยกว่าปีที่ครูไทยสอนเด็กไทยโดยผ่านการลงโทษด้วยไม้เรียว แส้หนัง ปาชล็อก หยิกเนื้อ ทั้งที่ความรู้ครูไทยไม่ต่างจากฝรั่ง บางคนเก่งการสอนมากกว่า ส่วนเด็กไทยก็ไม่ได้โง่กว่าเด็กฝรั่งเลย การลงโทษก็รุนแรงกว่า ทำไมเด็กฝรั่งเติบโตไปสร้างประเทศได้ดีกว่าเด็กไทย มันบอกชัดว่า การลงโทษไม่ได้สร้างเด็กไทยให้เก่งกว่าเด็กฝรั่ง มันต่างกันที่ระบบการสอนการเรียน มิใช่การลงโทษ การเรียนในโลกจึงไม่เน้นการลงโทษ แต่พยายามให้เด็กเรียนรู้ ยอมรับ การมีระเบียบวินัยและผลจากการละเมิดที่ตัวเองและครอบครัว จะได้ช่วยประคองกันมิให้ต้องถูกลงโทษสถานหนัก มิใช่ปล่อยให้ครูรับผิดชอบฝ่ายเดียว การลงโทษยุคใหม่จึงเริ่มเข้าสู่ระบบสากลมากขึ้น ครูไทยรุ่นใหม่ก็ปรับตัวได้ดีขึ้น มีน้อยคนที่ยังหลงในวังวนเก่าๆ สุดท้ายจะถูกกาลเวลากลืนไปเพราะไม่อยากติดคุก พ่อแม่เด็กก็พัฒนารักษาสิทธิเด็กเพิ่มขึ้น ครูมีทางเลือกลงโทษหลากหลายที่มิใช่การตีเด็ก ไม่ชอบตัดคะแนน ก็ไปใช้วิธีที่กระทรวงเปิดไว้ได้ ก็เลือกไปตามนั้น อย่าคิดท่าพิสดารแปลกไปจากที่เขียนไว้ก็พอ ถือว่าใจกว้างกว่าฝรั่งแล้ว ลงโทษอะไรก็ได้ที่ไม่ตีเด็กเน้นการลงโทษให้เด็กมีจิตสำนึกเกิดขึ้นเป็นหลัก
การตีเด็กใช้กับเด็กบางคนที่ทนทานทางจิตใจและกลัวครูเท่านั้น ถ้าเจอเด็กที่ถูกสอนเรื่องสิทธิเสรีภาพทางร่างกายของตัวเองเข้มข้น ครูจะแตะต้องเด็กด้วยไม้เรียวหรือแส้หนังหรือลูบไล้เด็กยังไม่ได้ เพราะเขาจะรักร่างกายของตัวเองมาก รู้ว่ามีสิทธิอะไรที่คนอื่นทำกับเขาไม่ได้ ณ วันนี้ครูไทยตระหนักดีแล้วว่า การตีคือติดคุก กระทรวงจึงออกหลักลงโทษออกมาให้ครูไทยเลือกใช้กันเอง แต่ต้องไม่ใช่การทำร้ายเด็กด้วยสารพัดข้ออ้างว่ารักจึงตี เพราะก.ม.ไม่ได้ยกเว้นเหตุผลนี้ไว้ ครูจึงไม่มีใบอนุญาตให้ตีเด็ก อีกอย่างหนึ่ง วิธีลงโทษที่กระทรวงออกมาให้เลือกใช้นั้น ไม่เจาะจงว่าต้องใช้กับเด็กเรียนหรือเด็กเกเร ครูไทยก็เลือกใช้ตามใจชอบ หนักเบาก็มีให้เลือกได้ ไม่เสี่ยงติดคุกด้วย เราต้องไม่ลืมว่าวันนี้เด็กไทยจำนวนมากเข้าใจและรู้จักปกป้องตัวเองจากการทำร้ายของผู้อื่นหรือครูเพิ่มขึ้นแล้ว ร.ร.ฝรั่งในไทยไม่ตีเด็ก แต่ไปใช้วิธีอื่นลงโทษกันนานแล้วเพราะเขานำแนวคิดต้นแบบจากฝรั่งมาใช้กับเด็กไทยด้วย ถ้าครูไทยบางคนยังยึดถือวิธีใช้ไม้เรียวกับเด็กเกเร แต่เด็กเรียนไปใช้ตัดคะแนน เมื่อทำผิดกฎเดียวกัน ก็เป็นทางเลือกที่ครูทำได้ แต่ต้องรับผิดชอบผลที่ทำไปด้วยตัวเอง หากมันไปผิดก.ม.และผู้ปกครองเอาเรื่อง รอยแผลจากไม้เรียวในบางคนมันอยู่ทนทั้งทางกายและในจิตใจเชียวนะ บางคนรอยไม้เรียวชุบน้ำมันยังอยู่คาหลังของเขาจนถึงวัยแก่เลย
แนวคิดเรื่องการตีเด็กควรมีอยู่หรือไม่ ได้ถูกยืนยันโดยคำพิพากษาของศาลไปแล้วว่า จะอ้างว่าตีเพราะสอนวินัย รักเด็กมาก อยากให้เป็นคนดี เมื่อตีคือทำร้าย ศาลก็ต้องลงโทษจำคุกครู เมื่อผู้ปกครองเด็กไม่เห็นพ้องกับวิธีลงโทษนั้น ส่วนครูไทยกลุ่มใดยังเลือกใช้วิธีลงโทษด้วยใช้ไม้เรียว ปาชอล์ก หยิกเนื้อ แส้หนัง ก็ทำต่อไป ถ้าเจอผู้ปกครองที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพในร่างกายของลูก ครูไทยกลุ่มนั้นก็ต้องขึ้นศาลตามระเบียบสังคมในวันนี้ มันเป็นเสรีภาพทางความเชื่อของครูไทยกลุ่มนั้นและของผู้ปกครองเด็ก ใครยังนิยมให้ครูตีเด็ก ลูกถูกตี ก็ไม่ผิดที่จะปล่อยให้ครูตีลูกต่อไป ใครไม่พอใจวิธีลงโทษแบบนี้ก็ใช้สิทธิทางศาลได้เพราะกระทรวงห้ามการตีเด็กด้วยไม้เรียวสารพัดขนาดนานแล้ว นี่คือกฎสังคมระหว่างครู นักเรียน และผู้ปกครองในยุคไซเบอร์กันแล้ว
บางคนเคยมาเล่าให้ฟังว่า ลูกเรียนชั้นป.6 ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำเพราะท้องเสียกะทันหัน แต่เวลานั้นครูน่าจะอารมณ์ไม่ดีจากเรื่องส่วนตัวสักอย่าง ไม่อนุญาตแล้วยังสั่งให้ยืนหน้าชั้นประณามเธอที่แย้งว่าทนไม่ไหวจริงๆ ลูกวิ่งออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ถูกครูสั่งยืนประจานแล้วให้เพื่อนรุมปาชอล์กใส่เธอ ใครไม่ยอมปาจะถูกลงโทษแบบเดียวกัน หลายคนนั่งร้องไห้ไม่อยากทำเพื่อน บางคนก็ยอมปา ส่วนลูกก็กลัวครู ยอมยืนให้ครูปาชอล์กเป็นคนแรก ต่อมาถูกเพื่อนปาจนเจ็บทนไม่ไหว วิ่งไปนั่งร้องไห้แล้วโทร.บอกแม่ พอไปถามครูก็บอกว่าเด็กขัดคำสั่งครูที่กำลังสอนใกล้จบแล้ว หวังดีจึงลงโทษสถานเบาแบบนั้น ลองสมมติดูว่าถ้าครูอื่นมองกับผู้ปกครองมอง มันได้ภาพต่างกัน ทั้งที่ดูจากหน้าต่างเดียวกันใช่ไหม จะถูกหรือผิด ถ้าในร.ร.ก็อยู่ที่ผู้คุมกฎนั้นจะเห็นอย่างไร ถ้าไปศาลจะมองอย่างไร มันก็ใช้ตำราหรือจิตใจหรืออารมณ์คนละแบบกัน
ลงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้..คลิกที่นี่
อยากให้ลองทำวิจัยดูซิว่า ทุกวันนี้สติปัญญาของเด็กลดลง เพราะอะไรกันแน่ -การยกเลิกการลงโทษโดยไม้เรียว -สังคมรอบข้าง -ปัญหาครอบครัว -การปฏิรูปการศึกษา หากเกาไม่ถูกที่คันก็คงต้องทรมานกับการคันต่อไปล่ะครับ
คำแนะนำสำหรับครูในประเทศไทย สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทราบถ้าคุณเป็นครู หรือกำลังตัดสินใจที่จะเป็นครูในประเทศไทย
1. การลงโทษทางกายเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 2. กฎหมายนี้บังคับใช้กับทุกโรงเรียน ทั้งรัฐบาลและเอกชน 3. ไม่มีการได้รับข้อยกเว้นจากผู้ปกครอง ต่อให้ผู้ปกครองอนุญาตให้ตีเด็กและคุณปฏิบัติตาม นั่นก็หมายถึงคุณกำลังทำผิดกฎหมายอยู่ดี 4. ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ การดำเนินคดีก็คงเป็นหนึ่งในนั้น การพิสูจน์หลักฐานอาจนำไปสู่การบันทึกประวัติอาชญากร และคุณก็จะตกงาน คิดดูให้ดี! 5. เด็กๆมีสิทธิ์ที่จะเรียนหนังสือโดยปราศจากความหวาดกลัว คุณมีหน้าที่ให้ความมั่นใจกับพวกเขา 6. ถ้าคุณเป็นครูในโรงเรียนไทยและมีข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษทางกาย กรุณาติดต่อเรา เรารับประกันว่าข้อมูลของคุณจะไม่ถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม 7. เราได้พูดคุยกับครูหลายคนที่เชื่อว่ากฎหมายยืดหยุ่นได้ และพวกเขาสามารถตีเด็กได้ตามแต่สถานการณ์ นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด 8. กฎหมายไม่มีการผ่อนปรน กฎหมายก็คือกฎหมาย และไม่มีข้อแม้ในการลงโทษ ไม่ว่าจะตีเบาหรือแรงก็ถือว่าผิดกฎหมายทั้งนั้น 9. การทารุณกรรมเด็ก ยังไงๆก็คือการทารุณกรรมเด็ก ไม่สำคัญว่าจะที่ไหน ไทย อเมริกา หรือแอฟริกา ทุกที่ก็เหมือนกัน
แถลงการณ์กระทรวงศึกษาธิการ 1 กันยายน พ.ศ. 2553
"กระทรวงศึกษาได้ออกกฎกระทรวงที่ห้ามลงโทษเด็กด้วยความรุนแรง ดังนั้นครูหรือเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนคนใดที่ใช้วิธีการลงโทษด้วยความรุนแรง สมควรให้ถูกออก หรือถูกเอาผิดทางวิชาชีพหรือทางกฎหมาย แต่การตีเด็กยังเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในโรงเรียนหลายแห่งในประเทศไทย ครูบางคนไม่ตระหนักในกฎระเบียบดังกล่าว ในขณะที่ครูบางคนทราบดีแต่ไม่ใส่ใจที่จะปฏิบัติตาม"
จาก //www.thai.corporalpunishmentthailand.com/
ทำให้ครูหลายคน(อาจจะส่วนใหญ่)ทิ้งไม้เรียว รวมทั้งทิ้งความทุ่มเทใจและกายเพื่อจะทำให้เด็กที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียนและไม่เชื่อฟังนั้นไป ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมในภายหลังได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นใครจะรับผิดชอบ
หรือว่า
ชั่งหัวมัน
Create Date : 13 มกราคม 2554 |
Last Update : 13 มกราคม 2554 13:58:48 น. |
|
17 comments
|
Counter : 5467 Pageviews. |
|
|
|
โดย: bharot IP: 124.121.172.65 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:17:04:32 น. |
|
|
|
โดย: คนไทยพันธุ์แท้ IP: 125.26.222.235 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:23:13:41 น. |
|
|
|
โดย: ครูอยากให้ศิษย์ได้ดี IP: 118.173.231.10 วันที่: 16 มิถุนายน 2554 เวลา:10:52:08 น. |
|
|
|
โดย: baddogaho IP: 58.9.73.211 วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:21:52:05 น. |
|
|
|
โดย: ครู IP: 223.207.99.221 วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:19:51:00 น. |
|
|
|
โดย: baddogaho IP: 180.183.104.219 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:17:39 น. |
|
|
|
โดย: baddogaho IP: 180.183.104.219 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:25:26 น. |
|
|
|
โดย: scimovie วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:32:01 น. |
|
|
|
โดย: OR IP: 58.11.94.10 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:1:45:08 น. |
|
|
|
โดย: baddogaho IP: 192.168.1.121, 180.183.48.90 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:13:00:50 น. |
|
|
|
โดย: เห็นด้วยกับไม้เรียว IP: 101.108.115.81 วันที่: 16 พฤษภาคม 2555 เวลา:7:58:12 น. |
|
|
|
โดย: scimovie วันที่: 21 พฤษภาคม 2555 เวลา:9:29:20 น. |
|
|
|
โดย: ครูที่ดี..เขาไม่ตีเด็กกันหรอก IP: 125.25.241.152 วันที่: 20 มิถุนายน 2555 เวลา:22:16:26 น. |
|
|
|
โดย: ครู IP: 203.172.173.58 วันที่: 6 มิถุนายน 2556 เวลา:14:01:19 น. |
|
|
|
โดย: มองมุมใหม่ IP: 223.204.161.157 วันที่: 27 สิงหาคม 2556 เวลา:19:59:40 น. |
|
|
|
โดย: สาริน IP: 171.7.17.119 วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:21:33:21 น. |
|
|
|
โดย: นางวนิดาจูมดอก IP: 27.55.233.210 วันที่: 8 สิงหาคม 2557 เวลา:7:57:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]
|
แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
แต่ถ้าผมยังเป็นครูอยู่ในเวลานี้ ผมจะไม่ตีเด็กเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะมีกฎหมาย แต่เพราะสังคมเปลี่ยนแปลงไปมาก เด็กไม่เชื่อเหมือนที่พวกผมเชื่อเมื่อยังเป็นเด็ก ที่เชื่อไว้ก่อนว่า ครูตีเพราะต้องการให้เราได้ดี
โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก หาวิธีอื่นๆที่เป็นวิธีที่ได้ผล และสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกจะดีกว่า
ผมเห็นใจครูมีตีเด็กด้วยความหวังดี มีเจตนาบริสุทธิ์ที่ยังคงเชื่อว่าไม้เรียวสร้างคนดี แต่ถ้าท่านถามผม ผมว่าอย่าดีกว่าครับ
//bharot.wordpress.com