Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2560
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
24 สิงหาคม 2560
 
All Blogs
 

การเข้าถึงกระแสพระ 24สค2560fb PhuBodin

#การเข้าถึงกระแสพระ
การที่เราจะเข้าถึงกระแสพระรัตนตรัยได้นั้น
เราต้องเข้าถึงกระแสจิตของตนเองให้ได้ก่อน
นั่นหมายถึงเราต้องทำจิตตนเองให้ละเอียดอ่อนก่อน
ส่วนวิธีทำง่ายๆก็คือ เริ่มต้นจากการสวดมนต์ให้เป็นนิจ
คือต้องสวดมนต์เป็นเวลา อย่าสวดตามใจตนเอง
อันนี้ เราต้องมีระเบียบ มีวินัยในตนเอง
จะสวดกี่โมงกี่ทุ่ม เลือกเอาตามเราสะดวก
สวดมนต์บ่อยๆ ศีลเราก็ต้องรักษาด้วยเช่นกัน
สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ๆ อย่าไปกังวลเรื่องศีลมากนัก
เพราะศีลหรือธรรมนั้น จะละเอียดตามจิตเรา
ใหม่ๆ จะให้ศีลละเอียดเหมือนพระอริยเจ้าไม่ได้
เพราะด้วยจิตเราเอง
ฉะนั้น ให้เราเน้นเรื่องจิต เรื่องสติตนเองก่อน

การสวดมนต์ มีอาสงส์มากทำให้จิตเข้าถึงสมถะได้
คือทำให้จิตใจเราสงบสุขได้เช่นกัน
เพราะการภาวนา หรือปฏิบัติธรรมนั้น
เขาเริ่มนับตั้งแต่บุญชั้นทาน ศีล ภาวนา เป็นไปตามลำดับ
การภาวนานั้น เราต้องต้นที่การเจริญสติภาวนา(การสร้างสติ)
การสร้างสติก็เพื่อให้เรารู้จักตนเอง อยู่กับตนเองมากๆ
แล้วเราก็จะพบเจอจิตตนเอง คือพบตนเอง
ปฏิบัติธรรมต้องพบตนเองก่อน พบจิตตนเองก่อน
เราถึงจะพบธรรม แต่ต้องพบเจอสภาวะจิตของตนเองก่อน
นี่คือขบวนการทำให้จิตตนเองอ่อนนุ่มก่อน
จากเมื่อเป็นคนจิตใจหยาบกระด้าง
พอเรามาทำกรรมฐาน คือการเจริญสติภาวนา
พอเราเริ่มมีความรู้สึกบ่อยๆแล้ว จิตภายในจะค่อยๆนิ่ง
และกลายเป็นสมาธิไปเอง พอจิตเป็นสมาธิแล้ว
เราก็จะพบจิตพบตนเอง พบว่าตนเองนั้น มิใช่เป็นคนเลวร้ายอะไรเลย
กลับมีจิตเมตตาเหมือนพระ เหมือนทุกคนที่เป็นคนดี
และเราก็จะรู้ว่า ทำไมก่อนหน้านี้ เราเป็นคนไม่ดี
ตอนนี้เรารู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ว่าเราเลว เราไม่ดีทำไม
เพราะเรา หมายถึงกายหยาบ ไม่ได้ช่วยจิตภายในเลย
คือเราไม่ทำกรรมฐาน หรือไม่ทำภาวนาเลย
จิตที่ส่ายไปมา จิตไม่เคยหยุดนิ่งเป็นนั้น
กลับกลายเป็นว่า จิตดีๆภายในของตนนั้น วิ่งตามกิเลส
เพราะถ้าจิตเราไม่เคยหยุดนิ่งเป็นเลย ก็จะไม่รู้เลยว่า
นี่เรากำลังวิ่งตามกิเลสหรือว่าตามอะไร..
เราไม่รู้เลยว่า เราตกอยู่ภายใต้อำนาจกิเลสมืดโดยมิรู้ตัว
มารู้ตัวอีกทีก็เต็มไปด้วยความทุกข์ทั้งปวง
แถมทุกข์แล้ว กลับหาทางออกกันเองไม่ได้
ยกเว้น คนที่เข้าหาธรรม
คือเริ่มต้นทำกรรมฐาน
ทำกรรมฐานเราก็ต้องเข้าไปให้ถึงทั้งสองกอง
(สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน)
สมถะว่าด้วยการทำจิตใจ ส ง บ สุ ข
แต่วิปัสสนาว่าด้วยการ ป ล่ อ ย ว า ง

ฉะนั้น สมถะ จึงมิใช่การหลุดพ้นอย่างถาวร
แต่เป็นการปล่อยวางชั่วคราวเท่านั้น
เพราะถ้าสมาธิจิตเราถอน หรือไม่ได้อยู่ในฌาน
จิตใจเราก็จะไม่สงบ ไม่สุขใจ
คือวุ่นวาย หรือทุกข์เหมือนเดิม
แค่ทำใจตนให้สงบก็แย่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงคำว่าสุขเลย
แค่นี้ พวกเรายังทำกันไม่ได้
เพราะจิตเราตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม
คือ เราเคยทำกรรมไม่ดีมาก่อน
ฉะนั้น ชาตินี้ เดี๋ยวนี้ เราก็ต้องมาเสวยกรรมไม่ดีของตน
กรรมส่วนกรรม ปล่อยให้เขาทำหน้าของเขาไป
เรามีหน้าที่ยอมรับกฎแห่งกรรม
แต่ถ้าใครฝืนกฎ คือไม่ยอมรับกฎธรรมดานั้น
คนๆนั้นก็จะทุกข์ใจไปตลอด จนกว่าจิตภายในปล่อยวางเป็น
คำว่าปล่อยวางนั้น พูดง่ายแต่ทำยาก
เพราะว่ามันมีขบวนการของมันในตัว
คือ ก่อนที่จิตจะปล่อยวางนั้น จิตต้องพบเจอความจริงแท้เสียก่อน
นั่นหมายถึง เราต้องทำจิตตนให้สว่างก่อน
คือทำจิตตนเองให้มีแสงในตัวก่อน
เรียกว่า ปัญญา
แต่ถ้ามีปัญญาบ้างแล้ว เราก็จะรู้จักคำว่า ปล่อยวาง
คืออะไร มันเป็นยังไง..
คนที่รู้จักปล่อยวางแล้ว เขาจักเข้าใจดี
และก็เข้าใจคนที่ยังปล่อยวางไม่เป็น ปล่อยวางยังไม่ได้
คนที่ปล่อยวางเป็นแล้ว จึงเข้าใจทุกอย่าง
เพราะเราเคยผ่านจากจุดตรงนั้นมาแล้ว
ไม่ยากหรอก สำหรับคนเอาจริงเอาจัง
แต่ยากสำหรับคนไม่เอาจริงเอาจัง
ลองถามตนเองดูนะว่า เมื่อเราจะเอาจริงจังสักที
ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เราก็จะพบเจอความทุกข์ทั้งปวงอยู่แบบนี้
จนกว่าเราจะฝึกจิตและได้ปัญญา
เราถึงมีสิทธิ์ออกจากทุกข์เหมือนเขาได้
____________________________

ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เข้าไม่ถึงพระ กระแสพระ
ก็เพราะว่า เราอยู่คนละแดนกับท่าน
เพราะจิตพระเป็นยังไง แล้วจิตเราเป็นยังไง
พอจะเข้าใจแล้วนะว่า ทำไม
เพราะเหตุใด เราถึงเข้าไม่ถึงท่าน

สั้นๆพอเนอะ เห็นใจคนสมาธิสั้น เขาเสียโอกาส
สมาธิสั้น จะอ่านธรรมยาวๆไม่ได้
เพราะจิตไม่เป็นสมาธิ จิตฟุ้งซ่าน จิตส่ายไปมาอยู่เรื่อย
เหนื่อยนะ และน่าเห็นใจจิตผู้คนแบบนี้จังเลย
เพราะตนเองเคยเป็นมาก่อน ทุกข์มาก่อน
แต่ตอนนี้ จิตอยู่นิ่งเฉยเป็นแล้ว
แถมมีเมตตาในจิตอีกตะหาก
สรุปแล้ว หาทุกข์ไม่เจอ เพราะวันๆนึง พบเจอแต่สงบสุข
แต่เราไม่ได้หยุดเพียงสองคำนี้เท่านั้น
เพราะต้องพากันไปพระนิพพานอีก
ฉะนั้น เราอย่าได้หยุดเพียงสมถะ "สงบสุข"
เราต้องวิปัสสนาต่อไปเลย
เพราะการวิปัสสนาว่าด้วยการละปล่อยวางนะ อย่าลืมๆ
การวิปัสสนานั้น จิตเราต้องมีพลังมากพอนะ
ไม่งั้น จิตไม่ออกมาวิปัสสนา
จิตก็จะติดสงบ ติดสุข อยู่แบบนั้น
ฉะนั้น เราต้องช่วยจิต แกะจิตตนเองออกมา
การอธิษฐานจิตตรงถึงพระพุทธเจ้าเท่านั้น พอจะช่วยได้
คำว่า อธิษฐาน สำคัญแล้วนะ
แต่ก่อนอธิษฐานจิตนั้น สำคัญกว่า..
เพราะอธิษฐานจิต ถ้าเราขาดสมาธิ จิตก็ไม่มีพลัง
คือลิงค์ไม่ถึงพระท่าน เข้าใจไหม..
โทรไม่ติด เพราะสัญญาณอ่อน
หมายถึงพลังจิตเราอ่อน ส่งไปไม่ถึงท่าน
ทุกวันนี้ พระหรือครูบาอาจารย์ต่างพยายามช่วยเหลือทุกคน
แต่ลูกหลานไม่รู้ เพราะจิตอยู่คนละช่องกับท่าน
จิตเราอยู่ช่องบาป อกุศล แต่ท่านอยู่ช่องบุญกุศล
ถ้าเราอยากอยู่แดนเดียวกับพระท่าน
ฉะนั้น เราก็แค่ทำจิตให้นิ่ง เป็นสมาธเท่านั้นเอง
พอเข้าใจนะครับ ลูกชาย ลูกหญิง ต่างมีดีกันภายในอยู่แล้ว

ขอให้ทุกท่านจงเข้าถึงกระแสพระได้โดยง่ายดายด้วยเทอญ
เพราะจะได้เข้าถึงพระพุทธคุณง่าย
โดยเฉพาะเข้าถึงกระแสพระมหาเมตตาฯได้โดยง่ายดาย
โมทนาสาธุ
ภูทยานฌาน

พระฝากมาบอกว่า ทุกคนสามารถเข้าถึงกันได้หมด
เพียงแต่ตอนนี้ ขณะนี้ พวกเรายังรับกรรม ชดใช้กรรมของตนอยู่
กรรมก็ทำหน้าที่ของเขาไปตามปกติ
กิเลสมีหน้าที่ ทำจิตเศร้าหมอง มัวหมอง ทำให้ทุกข์
แต่สติปัญญาหรือธรรมนั้น จะนำพาให้เราหลุดพ้นทุกข์
และไปพระนิพพานตามพระตถาคตเจ้าได้.ทุกคน
เพียงขอมีบุญเก่าของเก่าที่เราเคยทำมาบ้าง
โดยเฉพาะ ความเพียรชาตินี้ ต้องมีให้มาก
แต่ถ้าใครคิดว่า ยังมีไม่มาก กำลังใจยังน้อยเกินไป
อย่าลืมอธิษฐานจิต ให้จิตเขาพูดเอง
การให้จิตพูดเองภายในนั้น เราต้องทำสมาธิสักนิดก่อน
ที่เหลือ จิตจะพูดเอง.อัตโนมัติ
เพราะจิตภายในของทุกคน พระบอกว่า ดีหมดทุกคนเลย
เหตุที่จิตเลว เราเลว ก็เพราะว่า กิเลสมาจรเท่านั้นเอง
กิเลสก็เหมือนเมฆ นานๆมาบดบังแสงพระอาทิตย์สักทีนึง เป็นต้น
โมทนาสาธุ

Credit ภาพ::: Phinrada Promraksa
...

อยากพ้นทุกข์ อยากได้มรรคผล
อย่าเอาแต่ท่องตำรา ท่องพระไตรปิฏก
แต่ให้เราท่องจิต เพราะจิตตนเองนี่แหละ เป็นผู้พบธรรม
คนจะดีหรือเลว ขึ้นอยู่ที่จิตตัวนี้แหละ
แต่ถ้าจิตภายในของใครมันดีแล้ว ภายนอกหรือทุกอย่างก็จะดีหมด
เช่น จิตพระอริยเจ้านั่น กายหยาบท่านจะยังไง
คือกายจะขาว กายจะดำอย่างไร แต่สุดท้าย ท่านก็ดูดีในสายตาทุกคนพบเห็น
แต่ยังดีกว่ากายขาว แต่จิตดำมิ ทำหล่อ เก็กหล่อยังไงก็ดูไม่ดีอยู่ดี
สรุปแล้ว ดีหรหือไม่ดี ขึ้นอยู่ที่จิตใครจิตมัน สาธุ
...
เน้นจิต เน้นสติ เน้นบุญภายในนะครับ
ทำจิตให้เป็นพระ
เขาเป็นพระกันที่จิต หาใช่กายหยาบ

ฉะนั้น จงทำจิตตนให้เป็นบุญ
เพราะเนื้อนาบุญนั้น คือจิต

ที่นี่ จะพากันบวชจิต
แต่ถ้าเราสามารถบวชจิตได้แล้ว เรื่องบวชกายก็จะง่าย
แต่ถ้าเราบวชจิตกันไม่ได้ ถึงบวชกายไป ก็ไปไม่รอด
เผลอๆติดหนีสงฆ์ แทนที่จะบวชได้บุญใหญ่ กลับเป็นบาปหนัก
เพราะติดหนี้สงฆ์ เพราะเรารักษาใจตนไม่ได้นั่นเอง

เพราะฉะนั้น คนที่บวชเนกขัมมะนั้น
ใครจะได้บุญมากหรือน้อย ขึ้นอยู่ที่จิตคนนั้น ว่า..
ทรงสมาธิได้นานขนาดไหน เพราะขณะที่จิตนิ่ง เป็นสมาธิอยู่นั้น
ถือว่า จิตตั้งอยู่ฝ่ายบุญกุศล
โมทนาสาธุครับ
...
สาธุๆๆอนุโมทามิ นิพพานะปัจจะโยโหตุ ขอบพระคุณที่มาจากเฟสบุค ครูภูค่ะ Fb Phu Bodin 24สค2560
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1046984178772002&id=100003812895876
...


...

...

...

...




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2560
0 comments
Last Update : 24 สิงหาคม 2560 18:08:38 น.
Counter : 937 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.