Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2560
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 กรกฏาคม 2560
 
All Blogs
 
แด่ผู้ปรารถนานิพพานชาตินี้ 25กค2560

#แด่ผู้ปรารถนาพระนิพพานชาตินี้
อย่าเพิ่งพูดเสียงดังไป
เดี๋ยวกรรม(ไม่ดี) จะได้ยิน
เพราะกรรมจะแจกข้อสอบทันที
ถ้าแจกข้อสอบยากไป คือเจอบททดสอบแรงๆ
เดี๋ยวเราจะรับไม่ไหว
ฉะนั้น ให้เราปรารถนาเงียบๆ ภายใน
อย่าเที่ยวประกาศหรือพูดบ่อยนัก
ถ้ากำลังใจตนยังไม่มากพอ

โดยเฉพาะผู้ที่ปรารถนาพระนิพพานในชาตินี้
กรรมจะตามซัดกระหน่ำอย่างหนักเลยทีเดียว
เหมือนจกนว.เขารู้ว่าเราจะจากเขาไป
เดี๋ยวไม่ได้ชดใช้กรรมเก่ากัน
ก็เลยตามทวงหนีกันซะเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย

กรรม เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ยากแก่การเข้าใจ
ว่าธรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแล้วนะ แต่ไม่ใช่
กลับเป็นเรื่องกรรมที่ละเอียดอ่อนกว่ามาก
เพราะความเป็นจริง ธรรมมิใช่เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนอะไร
แต่กรรมนั้น มีความลึกและมีความสลับซับซ้อนมาก
เพราะคนเราเกิดมานับชาติไม่ถ้วน
ในแต่ละชาติก็จะทำกรรมทั้งดีและไม่ดี สลับกันไป
ยิ่งคนที่ไม่มีศีลธรรม ก็เลยหลงทำกรรมไม่ดีซะมาก
ฉะนั้น กรรมของคนเรา จึงเปรียบเหมือน "ฟอสซิล"
คือซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมมายาวนาน
กรรมก็เลยซ้อนกรรมมากจนแยกไม่ออก
(กรรมซ้อนกรรม)

เวลาที่มีความทุกข์ใจมาก
เราเลยไปโทษคนอื่นหรืออย่างอื่นแทน
เพราะเรายังไม่มีสติปัญญาเป็นของตนเอง
แต่ถ้าเรามีสติปัญญา เราก็จะเข้าใจธรรม (ธรรมดา)
เราจะเข้าใจธรรมเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้
ต้องเข้าใจเรื่องกรรมด้วย (กฎแห่งกรรม)
เข้าใจยังไม่พอ ต้องทำใจยอมรับกรรมด้วย

บางคนเกิดมาแล้ว
จำกรรมไม่ดีของตนที่เคยทำไว้ชาติก่อน
บางคนทุกข์เพราะกรรมที่ไม่ดีที่ตนเคยทำไว้
บางคนทุกข์เพราะกรรมไม่ดีของผู้อื่นทำให้กับเรา
อันนี้เรียกว่า เป็นกรรมไม่ดีที่ผู้อื่นกระทำกับเรา
เรียกว่า สร้างกรรมกันไม่รู้จบสิ้น

แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียเวลาสงสัย
ถ้าเรามีพระในจิต มีธรรมในใจ
วันนั้น เราก็จะเข้าใจในเรื่องกรรมไปเอง (กฎแห่งกรรม)
คือทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าตนเอง
โดยที่เราไม่ต้องสงสัยว่า กรรมที่เกิดขึ้นกับตนนี้ ..
เป็นกรรมเก่าหรือกรรมใหม่
ถ้าใจเรามีธรรมแล้ว ถึงจะเป็นกรรมใหม่
ถึงใครจะทำไม่ดี พูดไม่ดีหรือคิดไม่ดีกับเรา
เราก็ให้อภัยได้อย่างง่ายดาย
เพราะเราต้องการจบ.ชาตินี้
เราไม่ต้องการก่อภพก่อชาติกับผู้ใดอีก
คือเราจะไม่ก่อกรรมก่อเวรกันอีกแล้ว
สรุปก็คือ อโหสิกรรมให้กันได้ทั้งหมด
โดยที่ไม่ติดใจอะไรทั้งสิ้น
ฉะนั้น คนที่มีดวงตาเห็นธรรม หรือพระโสดาบัน
จึงปิดประตูนรกของตนเองได้.ไม่ยากนัก
เพราะจิตเข้าใจความเป็นธรรมดา.ทุกอย่าง

หยุดที่เรานะ เรื่องกรรมทั้งหลาย ทั้งปวง
ส่วนใครอยากทำกรรมไม่ดีกับเราก็ตามใจเขาเถิด
เพราะทุกคนรู้แล้วว่านั่นคือ อกุศลกรรม (กรรมไม่ดี)
ใครจะเอาก็เอาไป ใครอยากจะทำก็ทำไป
เราหยุดแล้ว.ท่านหยุดหรือยัง???
เป็นต้น
เพราะเราไม่สามารถไปห้ามคนที่กำลังทำไม่ดี
แค่คิดก็ผิดแล้ว
ฉะนั้น ควรแก้ไขต้นเหตุ คือจิตใครจิตมัน

ใครที่คิดจะเปลี่ยนคนอื่นเขา.จงเลิกซะ
เลิกเป็นผู้จัดการกรรมผู้อื่นเขา
เพราะกรรมของตนก็ยังมีมาก ยังไม่ได้แก้ไขเลย
ฉะนั้น แก้ปัญหาให้ถูกจุด
คือแก้ที่จิตของตนเอง
เพราะคนทุกวันนี้ คิดแต่จะแก้ไขผู้อื่นเขา
ปัญหาโลกแตก จึงไม่จบไม่สิ้น
ถึงมีกฎหมายก็ทำไรไม่ได้ถนัดนัก
เพราะคนส่วนใหญ่มักอยู่เหนือกฎหมาย
การเบียดเบียนกันทางโลก จึงมีมากให้เห็น
ในทางธรรมก็มี ยกเว้น พระอรหันต์
คือผู้หลุดพ้นที่แท้จริงเท่านั้น

เพราะฉะนั้น การรักษาจิต รักษาใจ
จึงเป็นสิ่งจำเป็น และรักษากันยาก
เพราะไม่ค่อยจะมีสติปัญญากัน
จิตเราเลยไม่ตั้งมั่น ไม่มั่นคง
คือไม่มั่นในพระรัตนตรัย หรือในความดี
เราคิดว่าจะทำดีๆ แต่ก็ดีไม่ได้สักทีนึง
ปกติ ทุกคนเป็นคนดีหมด
ที่ไม่ดีนั้น เป็นเพราะว่า เราเผลอสติกันบ่อย
ก็เลยคิด เลยทำ เลยพูดในสิ่งที่ไม่ดี
เพราะเมื่อไหร่เราเผลอสติ จิตก็จะไหลลงต่ำอยู่เรื่อย
พอสติมา กิเลสก็หมอบ
พอเราเผลอสติ กิเลสก็โผล่ รื่นเริง สนุกกันใหญ่
สุดท้าย กิเลสนำพาให้ใจเราทุกข์
และไม่พาเราออกจากทุกข์ด้วยนะ (กิเลส)
สรุปแล้วกิเลสนำพาให้ใจเราทุกข์อย่างเดียว
พระพุทธองค์ทรงมีหลักให้เราพ้นทุกข์ได้ไม่ยาก
คือทางเอก คือทางสายกลาง (มรรคมีองค์๘)
เพราะคนมีศีลธรรมเท่านั้น ที่มีสิทธิ์พ้นทุกข์ได้
สรุปแล้วมีศีล สมาธิ ปัญญา เราถึงได้ดวงตาเห็นธรรม

เพราะฉะนั้น เราอย่าปรารถนาพระนิพพานอย่างเดียว
จงทำความปรารถนาของตนให้เป็นจริงด้วยเถิด
โดยการเจริญอริยมรรค (มรรคมีองค์๘)
คือมีทั้งศีล สมาธิ ปัญญา
มิใช่ มีอย่างใดอย่างหนึ่ง
บางคนไม่ทำภาวนา เอาแต่รักษาศีลอย่างเดียว
ไม่ยอมเจริญสติ ไม่ขยันทรงสมาธิ
แล้วเมื่อไหร่ ปัญญาจะเกิดกับจิตตนสักที
หรือวิปัสสนาญาณ จะเกิดขึ้นกับเราสักที

ฉะนั้น เรื่องการปล่อยวาง หรือการยอมรับก็ทำไม่ได้
สุดท้ายเราเองนั่นแหละ ที่จะทุกข์ใจต่อไป

แต่ถ้าเคยมีแล้ว เคยทำได้แล้ว
แต่ไม่ทรง ไม่ต่อเนื่อง
ต่อไปต้องทำให้ต่อเนื่องด้วย
ถ้าทำไม่ต่อเนื่อง ผลก็คือ #จิตไม่เจริญในธรรมเท่าที่ควร
จิตเดินวนไปวนมา เหมือนย่ำเท้าอยู่กับที
สรุปก็คือ จิตอยู่ที่เดิม ไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย

ทีเรียนหนังสือเรายังต้องเรียนให้จบคอร์สเลย
การปฏิบัติธรรม ก็เช่นกัน
คือเจริญมรรคให้ครบถ้วนด้วย
เราถึงจะได้ธรรม (จิตเป็นธรรม.ธรรมเป็นจิต)

หากผู้ใดเจริญในมรรคมีองค์๘นี้
ผู้นั้น จักเป็นอริยบุคคลได้
ตามแห่งบุรุษ๔คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้๘บุรุษ
หรือเรียกว่า อริยบุคคล๔ (บุรุษบุคคล๘)

ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป สาธุๆ
ภู ท ย า น ฌ า น
...
คอยหมั่นเติมพลังจิต.ด้วยการทำสมาธิ (ชาร์จจิต)
เพราะสมาธิคือที่พักจิตของเราอย่างดี
หรือสร้างกำลังใจตนเองไว้อยู่เสมอๆ
คือกำลังใจต้องได้จากพระ (พระรัตนตรัย)
เช่น เข้าให้ถึงคุณของพระ
(พุทธคุณและพระมหาเมตตาฯ)

พอจิตสบายดีแล้ว ค่อยพิจารณาธรรมใดๆ (วิปัสสนาธรรม)
สุดท้ายต้องลงไตรลักษณ์ทั้งหมดด้วย
โดยเฉพาะการพิจารณาขันธ์5ของตนเอง
ไม่ต้องไปพิจารษธรรมอะไรให้ไกลกว่านี้
เพราะรู้อะไรก็ไม่เท่า.รู้ภายในกาย ภายในใจของตนเอง
และมรรคผลนิพพาน ก็เกิดที่นี่
คำว่าสุขทุกข์ ก็เกิดที่นี่.คือใจของตน
ไม่มีใครเขาบรรลุธรรมนอกจิต
สาธุ
...
ความทุกข์ เหมือนลม ที่กำลังพัดผ่านกาย(ผิวหนัง)
และกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว
แต่ในระหว่างความทุกข์เกิดขึ้นที่ใจเรานั้น ยากที่จะทน
เพราะทุกข์นั้น มีสภาพที่ทนได้ยาก
รออีกนิดนึงนะ เดี๋ยวทุกข์ก็จะหายไปเอง โดยธรรมชาติ
เราแทบไม่ต้องไปทำอะไรมันเลย อยู่เฉยๆ
เหตุที่คนส่วนใหญ่อยู่เฉยไม่เป็นนี่เอง
เพราะไม่เคยฝึกจิตของตนอยู่นิ่งเฉยเป็นเลยสักที
ฉะนั้น พอมีสิ่งกระทบจิตเข้ามา เราก็ทนไม่ไหว (ใช่ไหม)

พระอรหันต์ท่านก็ยังมีทุกข์อยู่ เพียงแต่จิตไม่เอา
ท่านแยกกายแยกจิต และแยกในจิตออกจากกันเด็ดขาดแล้ว
ท่านยังไม่ตาย ท่านก็ยังมีทุกข์อยู่
ทุกข์อยู่ที่ไหน ที่ใจ ฉะนั้น ท่านดับได้แล้ว เราดับได้หรือยัง
เพราะร่างกายของคนเรานี้ เป็นกองทุกข์ กองสังขาร
รีบๆเพียรพยายามเข้า.จักพ้นทุกข์ได้เอง (ได้ด้วยปัญญา)
แต่เป็นปัญญาของตนเองเท่านั้นนะ ส่วนปัญญาผู้อื่นช่วยเราพ้นทุกข์ไม่ได้
นอกจากทำตามกัน ปฏิบัติตามกัน เดินสายเอกเดียวกัน
ฉะนั้น ผู้อื่นคือผู้ที่มีปัญญานั้น จึงไม่สามารถทำให้ผู้อื่นพ้นทุกข์เหมือนกันตนเองได้
เพราะอย่างมาก เป็นแค่ผู้บอกทางให้กับเขาเดินตาม หากเขาไม่ยอมเดินทำ ทำตาม
เราก็ช่วยไม่ได้ เพราะคนนั้น ต้องกินเองถึงจะอิ่มเอง
...
นักภาวนาใหม่ๆ ต้องคอยรู้จักให้กำลังใจตนเองบ่อยๆ ว่า..
เราจะโต เราจะแข็งแรงเข้าสักวัน
นั่นหมายถึง เราจะต้องมีสติ มีปัญญาเป็นของตนเอง
เราค่อยมีธรรมในใจ มีดวงตาเห็นธรรมหรือพ้นทุกข์
หรือหลุดพ้นเหมือนผู้อื่นเขาบ้าง
สาธุ
...

...
สาธุๆๆอนุโมทามิ ขอบพระคุณที่มาจากเฟสบุคครูภู Phu Bodin 25กค2560
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1029715447165542&id=100003812895876
...




...

...



Create Date : 25 กรกฎาคม 2560
Last Update : 25 กรกฎาคม 2560 9:25:12 น. 0 comments
Counter : 1846 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.