สังคมที่อบอุ่น....เกิดขึ้นได้จากการแบ่งปัน
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
11 ธันวาคม 2551
 
 
โศกนาฏกรรมความงาม เมื่อสวยเลือกไม่ได้ 1

โศกนาฏกรรมแห่งความงาม เรื่องแรกที่ดิชั้นอ่านแล้วคิดว่าเป็นการทรมานร่างกายที่สุดแสน การมัดเท้าของสตรีชาวจีน



บางประวัติบอกว่า “ ในประเทศจีนสมัยก่อน กษัตริย์มีกิ๊กหลายคน (ขออนุญาตใช้ศัพท์ธรรมดา)และประสบปัญหาว่าไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้อย่างทั่วถึง ประสบปัญหาด้านการบริหารการจัดการ สาวๆในสต๊อคแอบหนีไปหาผู้ช่วยให้ความอบอุ่นแทน เลยต้องหาวิธีป้องกันซึ่งก็ได้แก่การรัดเท้าให้เดินเหินไม่ถนัด ทีนี้ต่อมาเลยเกิดค่านิยมว่าสาวๆในราชสำนักรัดเท้า ถือเป็นแฟชั่นไฮโซไป ประชาชีเลยอยากไฮโซบ้าง พากันรัดเท้าเป็นทิวแถว ไม่รวย นั่งกินนอนกินจริงทำไม่ได้ “

บางประวัติก็ว่า “ สนมของฮ่องเต้ราชวงศ์(ช่างมันเหอะจำไม่ได้ละ) รัดเท้าให้เล็กและขึ้นไปรำบนแท่นดอกบัวที่สร้างสูงจากพื้นอย่างสวยงาม ทำให้ฮ่องเต้พอใจมาก ค่านิยมนี้จึงเริ่มมีมาเรื่อยๆ “ ผู้หญิงยุคที่รัดเท้าจะผอมมากค่ะเพราะถ้าน้ำหนักมากจะทำให้เท้ารับน้ำหนักไม่ได้ บางคนรัดไว้จนเท้าเน่าก็มีค่ะ จะมีกฎว่าห้ามให้ผู้ชายเห็นเวลาถอดรองเท้า เพราะเท้าจะโดนรัดจนเหม็นรุนแรงมาก



โจวกุ้ยเจิน แม่เฒ่าวัย 86 เจ้าของเท้าดอกบัวทองคำ ซึ่งมิเคยย่างกรายออกไปเกินกว่ากำแพงดินของหมู่บ้านหลิวอี้ว์ มณฑลหยุนหนัน (ยูนนาน) กระทั่งเมื่อเธอเริ่มเต้นรำประกอบแผ่นเสียง เธอจึงเริ่มมีโอกาสได้ออกไปยลโฉมโลกภายนอก ที่จำต้องอุดอู้อยู่ในหมู่บ้านนั้น มิใช่ว่าเธอมิอยากออกไปท่องโลกกว้าง ทว่า ความเชื่อคร่ำครึในสังคมจีนที่ “ขนาดเท้าเป็นมาตรฐานตัดสินคุณค่าของผู้หญิง ยิ่งเล็กยิ่งงาม” ทำให้แม่เฒ่าโจวถูกจับมัดเท้าแต่เด็ก จนเท้าของเธอมีรูปร่างผิดแผกจากมนุษย์ทั่วไป ด้วยมีขนาดเท่าซองบุหรี่ ส่วนกระดูกเท้านั้นเล่า ก็งองุ้มผิดธรรมชาติ มาตรความสวยงาม ที่สังคมชายเป็นใหญ่ตั้งขึ้น เพื่อสนองตัณหาของตนนั้น กลับเป็นเครื่องพันธนาการสตรี ซึ่งถูกจองจำให้อยู่เหย้าเฝ้าเรือน ด้วยเท้าทั้งสองข้างของเธอถูกมัดตรึง จำกัดการเติบโตให้อยู่ในรองเท้าดอกบัวทองคำขนาดเล็กเพียงไม่กี่นิ้ว พอๆกับอิสรภาพของเธอที่ถูกรัดตรึงโดยสภาพสังคมที่กำหนดให้สตรีเป็นเพียงวัตถุสนองตัณหาความใคร่ของชาย

แม่เฒ่าโจว เอื้อนเอ่ยเรื่องราวของชีวิตห้วง 3 แผ่นดินของเธอว่า ก่อนประธานเหมาสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ.1949 นั้น ชีวิตของพวกเธอแสนจะสุขสบาย ด้วยสังคมยังคงมีกระแสนิยมความงาม โดยวัดจากขนาดของเท้า ยิ่งเท้าเล็กเท่าไหร่ยิ่งหมายถึง โอกาสที่มากขึ้นเท่านั้น เท้าดอกบัวทองคำของแม่เฒ่าโจว ทำให้เธอได้มีโอกาสแต่งงานกับชายหนุ่มรูปหล่อ ฐานะดี ซึ่งชีวิตสมรสของเธอก็ดำเนินไปอย่างสุขสม แม้จะต้องแต่งงานถึง 2 ครั้ง

กระทั่งยุคปฏิวัติจีนใหม่ของพรรคค้อนเคียว ที่พิชิตชัยชนะในปี ค.ศ. 1949 นั้น ชะตาของแม่เฒ่าก็ถึงจุดพลิกผัน เมื่อบ้านของเธอถูกยึด พ่อแม่สามีคนที่ 2 ถูกทุบตีจนตาย เนื่องจาก ครองทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับสังคมคอมมิวนิสต์ โจวถูกริบทรัพย์สิน จนเธอจำต้องยอมก้มหน้ารับชะตากรรม ทำงานหนักในคอมมูน ทั้งที่เท้าทั้งสองข้างก็มิอำนวยให้เธอใช้แรงงงาน

เพื่อที่จะได้เท้าขนาดเล็ก ซึ่งเรียกขานกันว่าเท้าดอกบัว (ในรายที่เล็กมากจะเรียกดอกบัวทองคำ) สาวน้อยวัย 6 ปี จะถูกนำตัวมาบิดงอรวบนิ้วเท้าทั้ง 5 เข้าหากัน จากนั้น จึงพันด้วยผ้าลินินขาวสะอาด ไล่จากหัวแม่เท้ายันปลายเท้าอย่างแน่นหนา กระทั่งกระบวนการแสนทรมานดังกล่าวผ่านไป กระดูกเท้าของหญิงสาวเหล่านั้น จะค่อยเติบโตอย่างผิดรูปผิดร่างภายใต้รองเท้าเล็กกระจิดริด ซึ่งพวกเธอแต่ละคนจะทำขึ้นใช้เอง

เมื่อเยื้องย่างด้วยท่าอ้อนแอ้นแลดูสวยงาม ความเจ็บปวดแสนสาหัส ราวเข็มพันเล่มกลับทิ่มแทงพวกเธอมิรู้จบ เท้าที่ถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา จนเป็นแผลเน่าส่งกลิ่นเหม็น แต่ด้วยความจำยอม ปล่อยให้ประเพณีจองจำอิสรภาพ พวกเธอจึงต้องจำทน ให้เท้าที่ดูสมส่วนสวยงามตามธรรมชาติ ต้องกลายสภาพเป็นเท้าคนพิการตลอดชีวิต

มีหนังสืออยู่เล่มนึงชื่อ 1000 ปี ประเพณีกามรัญจวน บอกเล่าเรื่องการมัดเท้าว่า “ บ้านไหนมีลูกสาวต้องถูกแม่จับมัดเท้าหมดทุกคน เพราะความรักลูก จับมัดกันตั้งแต่ 6 ขวบ มีกรรมวิธีเล่าไว้อย่างละเอียด แช่ในปัสสาวะ ยัดลงในกระเพาะแกะที่เพิ่งตายสดๆ ฯลฯ “

เพราะในสังคมจีนเชื่อว่าลูกสาวใครไม่มัดเท้าจะไม่ได้แต่งงาน พ่อแม่จะอับอาย พอมัดเท้าแล้ว กว่าจะหัดเดินอีกครั้ง เดินไปไหนมาไหนลำบาก จึงต้องหัดแต่เย็บปักถักร้อย นั่งเย็บรองเท้าใส่เอง จนกว่าจะแต่งงานออกไปใครมีเท้ายิ่งเล็กยิ่งดี เวลาแม่สื่อมาติดต่อหาสาวไปแต่งงานดูตัวกัน เค้าไม่สนใจหน้าตาน่ะว่าสวยมั้ย สนใจแต่ขนาดรองเท้า เพราะฝ่ายหญิงต้องส่งรองเท้าดอกบัวทองคำที่ตัวเองทำเองไปให้ฝ่ายชายดู

อีกอย่างมีนัยยะสำคัญของการกดขี่ด้วย เพราะว่า ผู้หญิงที่ถูกมัดเท้าจะต่อต้าน ต่อสู้ขัดขืนสามีหรือแม่สามีได้ยังไง

ด้วยผู้หญิงเชื่อว่า การมัดเท้าจะช่วยยกระดับทางสังคม และเสริมความงามให้กับหญิงสาว จนในที่สุด เท้าของหญิงสาวกลายเป็นเครื่องตัดสินอนาคตชีวิตสมรส และความพึงพอใจทางกามารมณ์ที่ชายพึงมีต่อหญิง ฉะนั้น หญิงสาวแดนมังกรจำนวนมาก จำต้องพิกลพิการเพราะวัตรปฏิบัติ สนองตัณหาชายดังกล่าว

ขอบคุณข้อมูล และ เข้าไปอ่านเรื่องแม่เฒ่าได้จากเว็บ //www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&order_reply=0&post_id=1208840

การพันเท้าให้เล็กนั้น นอกจากจะเพื่อไม่ให้ผู้หญิงไปไหนมาไหนแล้ว

จากการวิจัยของฝรั่งทำให้ทราบว่า ผุ้ที่ทำการพันเท้า กล้ามเนื้อตั้งแต่บริเวณสะโพกลงไปจะต้องเกร็งมากในการเดินแต่ละครั้ง ซึ่งนั่นคือการทำให้ปากช่องคลอดกระชับอยู่ตลอดเวลา เพื่ออะไรคงไม่ต้องบอกนะคะ

ปัจจุบันประเพณีการมัดเท้าอาจจะจางหายไป ชาวโลกอาจจะตื่นตกใจที่ได้เห็นเรื่องราวของแม่เฒ่าชาวจีน เมื่อเหลียวกลับมามองปัจจุบัน ผู้หญิงก็ยังคงทรมานเท้าตนเองเพียงแต่รูปแบบเปลี่ยนไป เราไม่มัดเท้า แต่เรา เขย่งเท้าแทน การสวมรองเท้าซ้นสูงเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้กระดูกเท้าผิดรูปไป ยังไม่นับอันตรายจากการข้อเท้าพลิก และเส้นเลือดขอด การสวมซ้นสูง ทำให้ผู้หญิงขาเรียวและเดินสะโอดสะองค์อ้อนแอ้น วัตถุประสงค์เพื่อความงามเช่นกัน

การรัดเท้าเป็นค่านิยมที่แฝงการกดขี่สตรีเพศค่ะ ไม่ใช่เพื่อความสวยงาม เพราะสมัยก่อนเขาจะคิดว่าผู้หญิงฉลาด ก็กลัวว่าจะเดินทางไปไกลๆ พูดง่ายๆคือไม่อยากให้เปิดหูเปิดตา ก็เลยเป็นค่านิยมในการรัดเท้า โดยอ้างเพื่อความสวยงาม

วิวัฒนาการที่ก้าวหน้ากว่านั้นเห็นจะเป็นการตัดนิ้วก้อยที่เท้าทำให้ เท้าใส่ไซส์เล็กลง และเท้าดูเล็กและเรียวเวลาใส่รองเท้าเค้าบอกนิ้วก้อยที่เท้าไม่เห็นและไม่จำเป็น เพราะในปัจจุบันการออกแบบรองเท้าสวยๆด้านหน้าจะเล็กและแคบมากกกก

เรื่องตัดบางส่วนของเท้านี่มีมานานแล้วค่ะ ก็ผู้หญิงจีนที่เท้าดอกบัวนี่แหละค่ะ บางคนเท้าใหญ่อยากให้เล็กก็จะตัดบางส่วนของเท้าออกเพื่อให้ใส่รองเท้าเล็กๆได้ -*- ตำนานซินดรอเรลล่าของจีนก็มีเหมือนกันค่ะ ข้ามตอนอื่นไปละกันเพราะคงรู้เรื่องกันหมดแล้ว

เจ้าชายตามหาเจ้าของรองเท้าผ้าไหม จนมาถึงบ้านนางซิน พี่สาวนางซินใส่รองเท้าเล็กๆไม่ได้ เลยตัดส้นเท้าตัวเองเพื่อให้ใส่ได้ แต่โดนจับได้เพราะแผลที่ตัดเป็นแผลใหม่ใส่รองเท้าได้สักพักเลือดออกซึมออกมาให้เห็น ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เจ้าของรองเท้าจริงๆค่ะ

แล้วก็มีการตัดข้อนิ้วเท้าให้สั้นลงหรือให้เท่ากัน อย่างเช่น นิ้วชี้เท้าทั้งสองให้เท่ากันเพื่อให้ เวลาใส่นิ้วเท้าสวยขึ้น



รองเท้าแห่งอนาคตค่ะ

.....................................................

ที่มา.......
//www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q7234477/Q7234477.html


Create Date : 11 ธันวาคม 2551
Last Update : 11 ธันวาคม 2551 18:25:07 น. 3 comments
Counter : 3450 Pageviews.

 
กรรมจริงๆเลยเนอะ ความสวยเนี๊ยะ


โดย: the river of Aquarius วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:19:34:55 น.  

 
T____T


โดย: twins วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:10:58:13 น.  

 
ไร้สาระ เห้อ ทรมานหน่ะนั่น


โดย: ผมเอง IP: 180.183.114.129 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:26:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

jintean
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




สาวช่างฝัน ราศีกันย์ ขยันหาโปรเจคใหม่ๆมาเปลี่ยนแปลงชีวิต ชอบสิ่งท้าทาย ชอบความหลากหลาย รักสัตว์ แต่ไม่รักเด็ก ( เพราะไม่ใช่นางงาม ) ชอบลักษณะของเป็ด ( เพราะทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่าง ) ไม่ชอบเผด็จการ ชอบทำอาหาร ( แต่ไม่ค่อยมีฝีมือ ) ถ้าว่าง...เชิญมาคุยกันนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ
New Comments
[Add jintean's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com