|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
2 เมษายน 2551 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไร้กรอบ
***เคยได้ยินชื่อ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ไหมครับ?? เขาเคยเป็นวิศวกรขององค์การอวกาศนาซา ประเทศสหรัฐ อเมริกา เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เคยได้รับรางวัลงานวิจัย ที่ดีที่สุดระดับโลกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ไอพ่น ตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะ
1.อยากดูแลพ่อแม่ 2.ไม่อยากเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านพักคนชรา 3.อยากเที่ยว และ 4.ชอบกินอาหารอร่อย
เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง ผมประทับใจ บทสัมภาษณ์ของ ดร.วรภัทรใน "เสาร์สวัสดี"ของ"กรุงเทพธุรกิจ"
เมื่อประมาณ 1-2 เดือนก่อนมาก คนอะไรก็ไม่รู้ ชีวิตมันส์ เป็นบ้าความคิดก็กวนเหลือหลาย ตอนที่เขาเป็นอาจารย์ วิธีการสอนหนังสือของเขาแปลกกว่าคนอื่น"ผมออกนอกกรอบ ตลอดเวลา" เขาบอก
เขาเคยพาเด็กวิศวะไปที่ริมสระว่ายน้ำ เรียนไปและดูนิสิตสาว ๆ ว่ายน้ำไปด้วย คาดว่าคงไปเรียนเรื่อง "คลื่น"ระหว่างท่าฟรีสไตล์ กับท่าผีเสื้อ คลื่นที่เกิดขึ้นของท่าไหนถี่กว่ากัน ระหว่างชุดทูพีซ กับวันพีซ แรงเสียดทานกับน้ำ ชุดไหนมากกว่ากัน แนวการศึกษา น่าจะออกไปทำนองนี้
แต่ที่ชอบที่สุดคือตอนที่เขาออกข้อสอบ ข้อสอบของเขาสั้นและ กระชับมาก
"จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย"
โหย...เด็กวิดวะอึ้งกันทั้งห้อง คำตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้ง โจทย์แบบง่ายๆ เช่น ปั้นจั่นมีกี่ชนิด
ผลปรากฎว่าได้ศูนย์กันทั้งห้อง เพราะเป็นคำตอบที่ไม่ได้ แสดงความคิดที่ลึกซึ้งสมกับที่เรียนมาทั้งเทอมเหตุผลที่ ดร.วรภัทรออกข้อสอบด้วยการให้นิสิตออกข้อสอบเอง เป็นเหตุผลที่ตรงกับใจผมมาก
"ชีวิตคนเราจะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องหาโจทย์มาเอง คิดแล้วทำ ถ้าผิดแล้วอาจารย์จะปรับให้"
เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา รอคนคาบทุกอย่าง มาป้อนให้ไม่รู้จักคิดเอง
"ถ้ารอและตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง แต่พวกคุณแย่กว่าเพราะ เป็นแค่ลูกอีแร้ง คือ รออาหารที่คนอื่นป้อนให้"
โหย...เจ็บ ผมเชื่อมานานแล้วว่าชีวิตของคนเราเป็นข้อสอบ อัตนัยที่ต้องตั้งโจทย์เองและตอบเอง ไม่ใช่ข้อสอบปรนัยที่มี คนตั้งโจทย์ และมีคำตอบเป็นทางเลือก ก-ข-ค-ง ถ้าใครที่คุ้นกับ "ชีวิตปรนัย" ที่มีคนตั้งโจทย์ให้และเสนอทางเลือก1-2-3-4 คนคนนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้า เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา ติดกับ "กรอบ"ที่คนอื่นสร้างให้ ไม่เหมือนกับคนที่รู้จักคิดและ ตั้งคำถามเอง
เรื่องการตั้งคำถามกับชีวิตเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าลืมว่า เพราะมี "คำถาม" จึงมี "คำตอบ"เมื่อมี "คำตอบ" เราจึง เลือกเดิน พูดถึงเรื่องการตั้งคำถามผมนึกถึง
"โสเครติส" เขาเป็นนักปรัชญาเอกของโลก ที่สอนลูกศิษย์ ด้วยการสนทนา ตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ตอบ สร้างองค์ความรู้ จาก "คำถาม"กลยุทธ์ของ "โสเครติส" ในการสอน คือ ไม่ให้ ความเห็นใดๆ แก่นักเรียน และทำลายความมั่นใจของนักเรียน ที่เชื่อว่าตนเองรู้
"โสเครติส" เชื่อว่าเมื่อเด็กตระหนักใน "ความไม่รู้" ของตนเอง เขาจะเริ่มต้นแสวงหา "ความรู้ "แต่ถ้าเด็กยังเชื่อมั่นว่าตนเองมี "ความรู้" เขาก็จะไม่แสวงหา "ความรู้ "การตั้งคำถามของ โสเครติสจึงมีเป้าหมายโจมตีและทำลายความเชื่อมั่นในภูมิ ความรู้ของนักเรียนเป็นกลยุทธ์เท "น้ำ" ให้หมดจากแก้ว เมื่อแก้วไม่มีน้ำแล้วจึงเริ่มให้เขาเท "น้ำ" ใหม่ใส่แก้วด้วยมือ ของเขาเอง "น้ำ" ที่ลูกศิษย์ แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเอง มาจาก "คำตอบ" ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง"คำตอบ" จาก "คำถาม" ของ "โสเครติส"
"โสเครติส" นิยามศัพท์คำว่า "คนฉลาด" และ "คนโง่" ได้อย่าง น่าสนใจ"คนฉลาด" ในมุมมองของ "โสเครติส" นั้นไม่ใช่คนที่รู้ ทุกเรื่องแต่ "คนฉลาด" คือ คนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ ส่วน "คนโง่" นั้น คือ คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ แต่ทำตัวราวกับเป็นผู้รู้
..............................................................................
ที่มา...................................................FWD.MAIL
Create Date : 02 เมษายน 2551 |
Last Update : 2 เมษายน 2551 11:59:22 น. |
|
2 comments
|
Counter : 641 Pageviews. |
|
|
|
โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:19:01:22 น. |
|
|
|
โดย: อัสติสะ วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:21:00:38 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
ต้อง Copy & Develop ถ้า Copy อย่างเดียว ก็จะล้าหลังกะล้มเหลว
เป็นกะลังจัยให้ จ๊ะ ขอบคุณที่นำมาให้อ่าน