Group Blog
 
 
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
7 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 
Akan Natural Park: Part I มาริโมะน้อยกลอยใจ

มาริโมะน้อยกลอยใจ
“มารุเมะ มารุเมะ”

เสียงใสๆ ของเด็กน้อยวัยสองขวบ...คิดว่าประมาณนั้นนะคะ (เพราะฉันไม่เคยเดาอายุเด็กถูกสักที -_-‘) ดังขึ้น
พร้อมกับชี้มือตรงไปยังตู้กระจกใสแบบที่ใช้เลี้ยงปลาสวยงาม แต่ครั้งนี้สิ่งที่อวดโฉมอยู่ในตู้นั้นกลับเป็นก้อนกลมๆ สีเขียวสดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบๆ สามสิบเซนติเมตรของสาหร่ายน้ำจืดชนิดหนึ่ง

จบเสียงใสๆ ไม่ถึงวินาทีเสียงหัวเราะของุคุณแม่ยังสาวที่จับจูงมือน้อยไว้ก็ดังขึ้น

“ไม่ใช่มารุเมะจ้า แต่เป็นมาริโมะ (marimo) จ้ะ ไหนลองพูดสิ มาริโมะ”

“มาริเมะ”

เด็กน้อยยังพูดผิด คุณแม่ส่ายหน้าอย่างเอ็นดู ขณะที่คุณพ่อยังหนุ่มยิ้มกว้างพร้อมกับโยกหัวน้อยนั่นเบาๆ แล้วพากันเดินจากไปคงจะจนใจที่ไม่สามารถแก้คำพูดผิดๆ ให้กลายเป็นถูกได้

อืม...ก็คงต้อรออีกหลายเดือนหรือเป็นปีเสียล่ะมั้ง ฉันอมยิ้มยามเมื่อมองตามครอบครัวเล็กๆ นั้นไป ก่อนจะละสายตากลับมาจับจ้องยังมาริโมะลูกกลมยักษ์ในตู้กระจกขนาดเล็กอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นมาโพสต์ท่าถ่ายรูปคู่เจ้าลูกกลมๆ นั่นแล้ว ฉันเลยยกกล้องในมือขึ้นแล้วกดขัตเตอร์ถ่ายภาพนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะปลายหางตาเห็นคุณป้าสองสามคนกำลังเดินเข้ามา และเพราะความรีบร้อนเลยทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาขาดคำอธิบายที่ติดอยู่เหนือตุ้กระจกนั่นไปเสียฉิบ ฉันตัดใจไม่ถ่ายรูปซ่อม เพราะนักท่องเที่ยวที่ทยอยกันเข้ามา และเวลาที่จำกัดทำให้ไม่อาจจะโอ้เอรอเวลาไปได้มากกว่านี้




ฉันสาวเท้าเดินจากมาเพื่อชมวงจรชีวิตของสาหร่ายทรงกลมนามว่า

“marimo”

ที่ตั้งอยู่ถัดจากมาริโมะลูกยักษ์

ใช่ค่ะ เจ้าลูกกลมเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบสามสิบเซนฯ นั่นล่ะค่ะ...ลูกยักษ์ เพราะปกติตามที่เห็นๆ กันก็จะประมาณไม่เกินห้าเซนฯ (ซึ่งห้าเซนฯ ก็ถือว่าใหญ่มากแล้ว ปกติที่วางขายกันราคาถูกสุดก็ไม่เกินหนึ่งเซนฯ ซื้อมาสองลูก ^^'')

มาริโมะถูกพบในทะเลสาบ Akan เป็นครั้งแรกในปี 1897
โดยชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Tetsuya Kawakami และหลังจากที่ค้นพบเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี เจ้ามาริโมะก็ถูกยกให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์...ถึงขั้นวิกฤตโดยรัฐบาลญี่ปุ่น

ใช่ค่ะ...ไม่สามารถพบมาริโมะที่มีรูปทรงแบบนี้ได้ที่ไหนอีกแล้วในประเทศญี่ปุ่น ส่วนในโลก...นอกจากที่ญี่ปุ่นแล้ว
คิดว่าน่าจะเคยพบอยู่อีกแห่งหนึ่งในประเทศหนึ่งทางยุโรปค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่มีข้อมูลตรงนี้อยู่ -_-'

มารู้จักเจ้ามาริโมะกันหน่อยดีกว่าค่ะ

มาริโมะลูกกลมเป็นสาหร่ายสีเขียวชนิดที่พบได้ทั่วไปในแหล่งน้ำจืดอื่นๆ ทั่วโลก แต่ความพิเศษของเจ้ามาริโมะที่พบในทะเลสาบแห่งนี้นั้นอยู่ที่ลักษณะรูปร่างของมัน
ซึ่งจะมีลักษณะทรงกลมคล้ายลูกบอล ซึ่งชื่อ “มาริโมะ” ก็เป็นชื่อที่มีความหมายบ่งบอกถึงรูปร่างของมันนั่นเอง

แอบไปถามชาวญี่ปุ่น (ที่เชื่อถือได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ -_-‘) มาแล้วค่ะว่า marimo น่ะมาจากไหน เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน...อ้าว!!! O_o ก็เลยต้องมาช่วยกันวิเคราะห์ และสรุปกันออกมาว่า mari น่าจะมาจากคำว่า “mari” ที่แปลว่า “ball” และเจ้าคำว่า “mo” ก็น่าจะมาจากคำที่แปลว่า “สาหร่าย หรือ algae” นั่นเอง

แล้วทำไมสาหร่ายใน ทะเลสาบ Akan ทะเลสาบทางตอนกลางค่อนมาทางตะวันออกของเกาะฮอกไกโดถึงได้มีรูปทรงกลมได้...

มีผู้เชี่ยวชาญพยายามจะค้นคว้าหลายคนค่ะ หลายสมมติฐาน หลายการคาดเดา แต่พอจะสรุปออกมาและได้ทำการแสดงด้วยตู้กระจกที่ฉันเดินไปชมได้ว่า ยามเมื่อสาหร่ายที่เป็นแผ่นขนาดใหญ่เกิดการแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กๆ เพราะคลื่นในเขตน้ำตื้น กระแสน้ำก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เจ้าสาหร่ายที่แตกออกเป็นชิ้เนเล็กๆ กลิ้งไปกลิ้งมา
แล้วมันก็เกิดรักกันขึ้นและมารวมตัวกันเป็นรูปไข่เล็กๆ เมื่อเวลาผ่านไปเจ้าสาหร่ายรูปไข่ก็จะมีการเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นรูปทรงกลม จนเมื่อมาริโมะมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มหนักขึ้น มันก็จะถูกกระแสน้ำพัดกลิ้งตกลงไปยังบริเวณเขตน้ำลึกของทะเลสาบได้ง่าย และยามเมื่อจมลึกลงไปยังก้นทะเลสาบที่ไร้ซึ่งแสงแดด ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายและพืชทุกชนิด เจ้าก้อนกลมๆ ก็เริ่มจะแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กๆ อีกครั้ง และเมื่อเจอกระแสน้ำพัดพามาอีกทีวัฏจักรชีวิตเดิมๆ ของสาหร่ายทรงกลมก็จะวนเวียนไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

แตก กลิ้ง กลม และก็แตก

อืม...เป็นวัฏจักรจริงนะนี่




ฉันเดินออกจาก ศูนย์แสดงมาริโมะ (Marimo Exhibition Center) ไปยังด้านนอกที่มีบ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่กรุด้วยกระจกโดยรอบและด้านบนเปิดโล่ง เด็กๆ หลายคนกำลังมุ่งดูอยู่ด้วยความสนใจที่เห็นปลาน้ำจืดสองสามชนิด (ไม่สามารถบอกชื่อไทยได้ค่ะ คาดว่าไม่มีชื่อไทย เพราะเป็นปลาในเขตอบอุ่น แถมชื่อภาษาอังกฤษก็ยังลืม...ถ้าอาจารย์ที่สอนวิชา Taxonomy ปลามารู้เข้าต้องตายแน่ๆ
ตอนเรียนอุตส่าห์ได้ A มานอนกอดไว้แล้วเชียว -_-‘) กำลังว่ายวนอยู่เหนือเจ้าก้อนสีเขียวกลมๆ ของมาริโมะยักษ์หลายลูก บ่อน้ำนี้อยู่ในระหว่างการทดลองเกี่ยวกับมาริโมะ เขาไม่ได้เขียนบอกไว้ว่าทดลองอะไร หรือถ้ามีเขียนแต่ฉันมองไม่เห็นแต่ก็แน่ใจได้เลยว่ายังไงก็คงอ่านไม่ออก เพราะว่ามันเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยตัวคันจินั่นเอง



ครบเวลาสิบห้านาทีตามที่ทางเรือกำหนด ฉันก็ต้องเดินตามหลังนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ไปยังท่าทอดเรือของเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้ เดินขึ้นเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ขึ้นไปจับจองเก้าอี้บนชั้นสอง เหม่อมองพื้นน้ำสีเขียวขุ่นของทะเลสาบน้ำจืดที่ฉันไม่ค่อยได้มาเยือนบ่อยนักเพราะหนักไปทางทะเลน้ำเค็มมากกว่า ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ได้น่ะหรือ...

เรื่องของเรื่องมันก็เกิดจากการเบื่อหน่ายชีวิต เอ๊ย ไม่ใช่
รู้สึกว่าชีวิตขาดการท่องเที่ยวละรสชาติสนุกสนานมากไปหน่อยในช่วงนี้ ดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะวางแผนท่องเที่ยวไว้ก่อนจะออกเดินทางมาเก็บตัวอย่าง งงกันล่ะสิค่ะว่าเก็บตัวอย่างมาเกี่ยวกับการเที่ยวครั้งนี้ได้ยังไง ;)

ก็พอดีว่า Akan Natural Park แห่งนี้ ตั้งอยู่ในเมืองที่ฉันต้องเดินทางมาเก็บตัวอย่างเป็นประจำทุกเดือนในปีที่แล้ว
และเกือบทุกเดือนในปีนี้ ร่ำๆ จะมาหลายรอบ แต่ก็มีเหตุผลหลายอย่างทำให้ไม่ได้มา แต่ในที่สุดคราวนี้ก็มาได้
หลังจากฝืนร่างกายกรองน้ำทะเลตัวอย่างที่เก็บมาได้จนเสร็จในตอนตีสี่ครึ่งของเช้าวานนี้ แล้วก็จรลีหนีทุกคนมารอรถบัสที่มีวันละสามคัน...เช้า กลางวัน เย็น จากแหล่งเก็บตัวอย่างมาลงยังสถานีรถไฟเล็กๆ ที่ใกล้ที่เก็บตัวอย่างมากที่สุด แล้วก็จัดการต่อรถไฟมายังสถานีรถไฟใหญ่กลางเมือง Kushiro ด้วยเวลาสี่สิบนาทีกว่าๆ นั่งรอเวลารถบัสที่วันหนึ่งมีอยู่ห้าเที่ยว...เช้า สาย เที่ยง บ่าย และเย็น เพื่อจะนั่งไปยัง Akan Natural Park ด้วยเวลาสองชั่วโมง แล้วในที่สุดตอนห้าโมงเย็นของเมื่อวานนี้ฉันก็แบกกระเป๋าลงจากรถบัส

(ที่ฉันโกงค่าโดยสารไปพันกับอีกสองร้อยสี่สิบเยนด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์...จริงๆ นะไม่ได้ตั้งใจเลย...;))

แล้วเดินจนเหงื่อตกเพื่อเช็คอินเข้าเรียวกัง...โรงแรมแบบญี่ปุ่นเล็กๆ ด้วยความร่าเริง



อธิบายรูป - เรือที่นั่งชมความงามของทะเลสาบ Akan จอดเทียบท่าก่อนออกเดินทาง

หลังจากที่เรือเริ่มแล่นออกจากท่า ก็พาผู้โดยสารทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่มีทั้งไทย (แน่นอน) และจีน หรืออาจจะเป็นไต้หวัน (ดูไม่ออก) ตรงไปชมความงามของรอบทะเลสาบ Akan อย่างช้าๆ ด้วยบรรยากาศสบายๆ ก่อนจะพาวกกลับมาจอดยังท่าเรือริมฝั่งตามเดิม ฉันก้าวลงจากเรือเดินตรงไปยังร้านค้าที่อยู่ใกล้ท่าเรือ พร้อมกับสั่งกับคุณป้าคนขายอย่างไม่ลังเล

“marimo soft cream”

ใช่ค่ะ ที่นี่เขามีไอศกรีมที่ทำจากมาริโมะด้วย อย่าตกใจ...กินแล้วรสชาตินมธรรมดามาก ถ้าไม่เขียนบอกไว้มาเป็น marimo soft cream ฉันก็คงนึกว่ามันเป็น soft cream ธรรมดาที่มีสีเขียว

แต่ญี่ปุ่นก็เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ อะไรที่เป็นจุดเด่นของสถานที่นั้นก็ต้องเอามาทำผลิตภัณฑ์เรียกลูกค้นทั้งหมด เหมือนอย่างไอศกรีมรสโชยุที่เคยกินตอนสมัยไปเที่ยว Kotohira
วัดชื่อดังของจังหวัด Kagawa ที่ฉันเคยอยู่เมื่อก่อนจะย้ายมาฮอกไกโด

อืม แต่ยังไงไอศรีมโชยุก็ยังมีรสชาติโชยุมากกว่าไอศกรีมมาริโมะนี่ล่ะนะ แต่...ใช่ มันก็ต้องมีแต่ให้สมกับเป็นความพิเศษของไอศรีมมาริโมะหน่อยสิเนอะ กินลงไปจนเกือบจะขึ้นปากโคน ฉันก็พบมัน...เจ้าลูกกลมๆ สีเขียวขนาดใหญ่พอดีรูโคนไอศกรีมเลย

มาริโมะ...ฉันเจอมาริโมะในไอศกรีม!!!!!!!

เปล่าหรอก...ไม่ใช่สาหร่ายสีเขียวก้อนกลมจริงๆ สักหน่อย -_-‘ จนกินเข้าไปแล้วหมดลูกฉันก็ยังไม่รู้ว่ามันทำจากอะไร อืม... แต่...รสชาติแปลกดีจัง



อธิบายรูป - lake Akan ถ่ายที่ท่าเรือ
ไม่มีรูป marimo soft cream ให้ดู เพราะกินหมดลืมถ่าย -_-'


ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู...
ยังมีเวลาอีกห้าชั่วโมงกว่าจะถึงเวลารถบัสที่จะโดยสารกลับออก ฉันกางแผนที่ยับเยินในมือออกอีกครั้ง (ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ เพราะกางดูมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น) กวาดสายตามองแผนที่แบบง่ายๆ ที่มีสัญลักษณ์แหล่งต่างๆ
เป็นรูปวาดการ์ตูนเพื่อมองหาที่เดินเที่ยงแหล่งต่อไป

แล้วฉันก็เห็นมัน...ที่ปลายสุดทางด้านขวามือของแผนที่...
บริเวณที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรนอกจากป่าเล็กๆ ที่มีเส้นทางชมธรรมชาติทอดยาวไปตามริมฝั่งทะเลสาบ

ฉันตัดสินใจในทันทีก่อนจะสาวเท้าก้าวเดินต่อไป...



อธิบายภาพ - Lake Akan ถ่ายจากเรือ


------------------------------------------


เอาของเก่ามาเล่าใหม่
ไปมาเมื่อปีที่แล้วตอนเดือนกรกฏาคม ไปคนเดียว สนุกดี
อากาศร้อนดี เขียนไว้อีก part หนึ่งแล้วด้วย แต่เดี๋ยวค่อยเอามาลงนะ

เก็บความทรงจำ

ป.ล. aoiumi น่ะข้าพเจ้าเอง

ป.ล. รอบสอง มาริโมะน้อยที่ซื้อมาเลี้ยง ณ ปัจจุบัน....แตกไปหนึ่งลูก แต่ยังมีชีวิตอยู่ และจากสีเขียวเข้มๆ ก็กลายเป็นสีเหลืองซีด T-T เพราะเจอหน้าร้อนเมื่อปีที่แล้วทำพิษ ก็บอกแล้วว่ามาริโมะจังไม่ชอบหน้าร้อนอ่ะน้า



Create Date : 07 มิถุนายน 2548
Last Update : 23 สิงหาคม 2548 19:36:49 น. 7 comments
Counter : 1486 Pageviews.

 
แวะมาดูความเคลื่อนไหวค่ะ...


โดย: เปียร์รุส วันที่: 7 มิถุนายน 2548 เวลา:23:31:00 น.  

 
มันกินได้จริงๆอ่ะพี่


โดย: oreocream (oreocream ) วันที่: 8 มิถุนายน 2548 เวลา:16:28:47 น.  

 
โอ๊ะโอ๋ มาเยี่ยมฮับ


โดย: axenus (eccoiris ) วันที่: 8 มิถุนายน 2548 เวลา:20:44:42 น.  

 
นั่นสาหร่ายเหรอ พี่
นู๋นึกว่าก้อนหินตะไคร้ขึ้น

นู๋ว่ารวมเล่มขายแข็งกับพี่ไอซ์ดีกว่า
ชื่อเรื่องอะไรนะ ของพี่ไอซ์ที่เป็นเชิงสารคดีนำเที่ยวอ่ะค่ะ

งี้ต้องจับยัดไว้ในตู้เย็น
ห้องพี่มีตู้เย็นเปล่าหว่า หรือว่าจะไว้ในตู้เย็นที่ม.


โดย: ^o^ HaPPy 'n' HaPPy ^o^ (i_tua_yung ) วันที่: 12 มิถุนายน 2548 เวลา:20:43:43 น.  

 
สาหร่ายไข่เขียว

หน้าตากล้ายๆจะกินได้เลย
เหมือนลูกชิ้นสาหร่าย


โดย: ชมทะเล วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:16:00:23 น.  

 
อ่า .. อยากลองชิมไอศกรีมที่ว่านั่นจัง อยากรุ้ว่ามันเปงจะได๋


โดย: ^^ ... หนอนหนังสือ ... <คอเล่า>... ^^ IP: 203.172.116.145 วันที่: 2 กรกฎาคม 2548 เวลา:15:37:30 น.  

 
มาริโมะหาซื้อได้ที่ไหนบ้างคะ อยากได้มากๆๆๆๆเลย พอดีกำลังจะไปญี่ปุ่น


โดย: mint IP: 1.2.204.121 วันที่: 11 มีนาคม 2556 เวลา:19:15:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลิปิการ์
Location :
ตอนใต้ Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการนำรูปภาพ และบทความงานเขียน รวมทั้งข้อความต่างๆ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดในบล็อกแห่งนี้ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add ลิปิการ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.