|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
- 'Winter in Furano, Hokkaido' - 1
- Satou Steak House at Kichijoji, Tokyo
- Ikura Cave & Takahashi Town - Okayama
- Saijo Inari - Okayama
- บันทึกการเดินทาง Fukuyama -> Okayama -> Hokkaido -> Okayama
- บันทึกการเดินทาง Kansai Airport -> Kobe -> Kagawa -> Okayama -> Kumamoto -> Okayama
- Tottori Sand Dune (鳥取砂丘)
- Moss Pink & Tulip - Hokkaido, Japan
- Yakushima (2): Jomon sugi ตอนท้าย
- Yakushima (1): Jomon sugi ตอนต้น
- Summer in Hokkaido (2) - จบ
- Summer in Hokkaido (1)
- Kansai Trip (จบ): Houryuuji - Nara
- Kansai trip (1): Kyoto
- Japan: Shirakawago - Gifu (จบ)
- Japan: Shirakawago - Gifu (4)
- Japan: Bokka no Sato - Gifu (3)
- Japan: Takayama - Gifu (2)
- Japan: Takayama - Gifu (1)
- Tokyo (5): Shibuya & Akihabara (จบ)
- Tokyo (4): Ueno Park
- Tokyo (3): Shinjuku & Sumidakawa - Asakusa
- Tokyo (2): Asakusa
- Tokyo (1): Akihabara
- Nara (1): Japan
- Kurushima Straits Bridge, Ehime-Japan
- Hiroshima Part II (จบ): Miyajima
- Hiroshima, Japan (Part I: Hiroshima city)
- Okinawa (5): Sayo-nara...Okinawa
- Okinawa (4): Ikei-island, Glass boat and Memorial of World War II
- Okinawa (3): Manzamo, Pineapple Park and Okinawa Churaumi Aquarium
- Okinawa (2): Nagannu Island
- Okinawa (1): Shurijo Castle Park
- Sea and Sky: Amakusa, Kumamoto
- White winter in Sapporo
- White illumination - Odori Park, Sapporo
- Eki-ben
- Kouyou, Hokkaido University
- "Asahiyama Zoo" Asahigawa, Hokkaido
- พาเที่ยว "Ghibli Museum, Mitaka"
- "มาเจาะน้ำแข็งกันเถอะ"
- เส้นทางชมธรรมชาติกับบ่อโคลนเดือดริมทะเลสาบ
- Akan Natural Park: Part I มาริโมะน้อยกลอยใจ
- เริ่มแรก
|
|
|
|
|
Kurushima Straits Bridge, Ehime-Japan
เมื่อสองอาทิตย์ก่อนได้มีโอกาสไปขี่จักรยานข้ามสะพานที่ทอดเชื่อมระหว่างจังหวัดเอฮิเมะ (เกาะชิโกกุ) กับ จังหวัดฮิโรชิม่า (เกาะฮอนชู) มาค่ะ ชื่อสะพาน Kurushima Straits Bridge ซึ่งเป็นสะพานที่สร้างเชื่อมเกาะเล็กเกาะน้อยที่ตั้งอยู่ใน Seto Inland Sea (ทะเลที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะฮอนชูและชิโกกุ) รูปทรงก็จะเหมือนกับสะพานเซโต้ แต่มีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนกันคือ สะพานคุรุชิม่า จะมีทางที่ให้คนขี่จักรยานหรือเดินข้ามได้ค่ะ ในขณะที่สะพานเซโต้จะไม่มี และสิ่งที่สะพานเซโต้มีแต่คุรุชิม่าไม่มีก็คือทางให้รถไฟวิ่งข้างใต้สะพานค่ะ (คือสะพานเซโต้จะมีลักษณะเป็นสะพานสองชั้น ชั้นบนจะให้รถวิ่ง ชั้นล่างจะให้รถไฟวิ่งค่ะ)
เริ่มแรกเลยก็ไปที่ศูนย์เช่าจักรยานบริเวณใกล้ๆ กับทางขึ้นทางด่วน (อ้อ สะพานเชื่อมระหว่างเกาะ เขาเรียกเป็นทางด่วนนะคะ เป็นทางพิเศษ จะขึ้นก็ต้องเสียเงินค่ะ เก็บตามระยะทาง)
ภาพสะพานที่เราจะขี่จักรยานข้ามค่ะ
หน้าอาคารมีหินแกะสลักเป็นรูปปลา น่ารักดี
เดินเข้าไปข้างในก็ไปจัดการเช่าจักรยาน คิดค่าเช่าคันละ 500 เยน ต่อวัน (ได้ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ยัน 5 โมงเย็นค่ะ แต่ถ้าเป็นหน้าร้อนได้ถึงสองทุ่ม) และคิดค่ามัดจำ 1000 เยน ต่อคัน มีให้เลือกหลายแบบค่ะ ทั้งล้อขนาด 24 นิ้ว, 26 นิ้ว, จักรยานเสือภูเขา, จักรยานเด็ก และจักรยานไฟฟ้า (ราคาแพงกว่าจักรยานปกตินิดหนึ่ง) ค่ะ เราก็เลือกล้อ 24 นิ้ว เพราะว่าวันนั้นดันใส่กระโปรงไป แต่ปกติเวลามามหาวิทยาลัยก็ขี่จักรยานขนาดนี้อยู่แล้วค่ะ
ได้ใบเช่าจักรยานมา ก็เอาใบไปยื่นให้คุณลุงที่เป็นอาสาสมัคร (คือที่นี่เป็นของจังหวัดน่ะค่ะ พนักงานก็พวกลุงๆ ป้าๆ วัยหลังเกษียณมาช่วยทำงาน ดีกว่าอยู่บ้านเปล่าๆ) แล้วลุงก็เอาจักรยานมาให้ คอยดูด้วยว่าขี่ได้หรือเปล่า เราก็เริ่มขี่เลย
อ้อ ได้รับใบแนะนำเส้นทางด้วยนะคะที่ศูนย์เช่าจักรยานนั่น เขามีแบ่งเป็นทั้งหมด 4 เส้นทางค่ะ เส้นทางระยะสั้นสุดคือใช้เวลาขาไป 15 นาที ไปเกาะเล็กๆ ที่ไปถึงแค่ด่านเก็บเงินอันแรก (ขี่จักรยานก็ต้องเสียค่ะ 200 เยนต่อเที่ยว ไปถึงเกาะโอชิม่าค่ะ ถ้าไกลก็ต้องเสียเพิ่มอีกค่ะ มีจุดเก็บเงินสองที่) คอร์สที่สอง ระยะทางประมาณ 1 ชั่วโมง ไปถึงเกาะ โอชิม่า คอร์สที่สาม ระยะทางประมาณ 2 ชั่วโมง ไปถึงเกาะโอชิม่า และขี่จักรยานเที่ยวที่เกาะนั่น ไปดูสวนกุหลาบตรงกลางเกาะ และคอร์สที่ 4 ไกลที่สุด ระยะทาง 4 ชั่วโมง (เวลาที่บอกคือเวลาขาไปอย่างเดียวนะคะ) ไปถึงเกาะโอมิชิม่า จะมีวัดเก่าแก่ตั้งอยู่บนเกาะนั้นค่ะ คนที่พามาตอนแรกกะจะพาไปวัดนั้น แต่พอเห็นระยะทางแล้วก็เลยตัดสินใจแค่คอร์สที่สามก็พอ ไม่งั้นก็คงจะตาย ฮา
เขามีทางให้จักรยานและคนเดินโดยเฉพาะเลยค่ะ พาขึ้นไปบนสะพาน ขอบอกว่าปั่นแบบเหนื่อยมาก จะหมดลม กว่าจะขึ้นไปถึงบนสะพานได้ ยังดีที่จักรยานมีเกียร์ เกิดเอาจักรยานแบบป้าๆ ของเราไปนี่คงต้องเดินเข็นขึ้นแน่เลย
ขี่ขึ้นบนทางนี้ เป็นทางของจักรยานโดยเฉพาะ สูงมาก
ทางจักรยานและคนเดินบนสะพานคุรุชิม่า
เกาะเล็กเกาะน้อยใน Seto Inland Sea
วันนั้นอากาศดีมากๆ ฟ้าใสสวยเชียว ตอนขี่จักรยานแรกๆ จะมีแขนยาว และใส่แจ็กเก็ตทับอีกตัว
ขี่ไปสักพักเริ่มร้อน ก็เลยถอดแขนยาวข้างในออก เหลือเสื้อตัวในแขนสั้นและแจ็กเก็ตทับ และเนื่องจากใส่กระโปรง ขี่จักรยานแล้วจะโป๊ (ฮา) ก็เลยเอาเสื้อแจ็กเก็ตสำรองของคนที่ไปด้วยมาพันตัวซะเลย ยังกะกำลังจะทำอาหารอย่างไรอย่างนั้น ฮา
ขี่จักรยานไปเรื่อยๆ มีคนมาขี่จักรยานเหมือนกันค่อนข้างเยอะมาก ระหว่างทางก็จอดดูวิวเป็นระยะๆ
ลำนี้เป็นเรือสำรวจค่ะ วิ่งเร็วมากเลย กำลังผ่านใต้สะพานพอดีเลยเก็บภาพไว้ เขามีป้ายเตือนเป็นระยะๆ นะคะ ว่าห้ามทิ้งขยะหรือกระป๋องลงไป เพราะคนบนเรืออาจจะได้รับบาดเจ็บได้ ที่ญี่ปุ่นพวกการเดินเรือจะดีมากๆ ค่ะ ก็อย่างว่า เป็นประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลนี่เนอะ ^^ ปกติก่อนที่สะพานนี้จะสร้างเสร็จ (เสร็จได้ไม่ถึงสิบปีดีค่ะ ยังเป็นสะพานที่ใหม่มากๆ) ชาวบ้านที่อยู่บนเกาะต่างๆ จะเดินทางด้วยเรือโดยสารค่ะ
จักรยานของเรา
ที่มีชื่อเสียงและคนนิยมมาอยู่ที่นี่ก็คือ น้ำวน เพราะว่าทะเลแถบนี้จะมีช่องแคบเยอะ เพราะมีเกาะแก่งต่างๆ มากมาย ทำให้ความเร็วในการไหลของน้ำแตกต่างกัน ทำให้เกิดน้ำวนได้ค่ะ คนจึงนิยมมาดู ที่มีชื่อเสียงเลยก็คือ นารุโตะ ที่จังหวัดโทกุชิม่าบนเกาะชิโกกุนี่ล่ะค่ะ เวลาดูทีต้องนั่งเรือไปชมค่ะ แต่ว่าที่นี่ก็เห็นนะคะ แต่ว่าจะเห็นได้ไม่ชัดเท่าไหร่ค่ะ เห็นเขาบอกว่าถ้าตอนเช้าๆ จะเห็นชัดมากๆ
วันนั้นที่ไปก็กลางวันแล้ว เลยเห็นแบบวนเล็กๆ แบบนี้
ไปยืนดูจริงๆ จะรู้ค่ะ ว่ากระแสน้ำนี่มันต่างกันจริงๆ ไม่แปลกที่จะเกิดน้ำวนได้ อ้อ น้ำแถวๆ นี้ลึกประมาณ 80-100 เมตร นะคะ ว่าแล้วก็ขอเทียบกับของไทย อ่าวไทยของเราลึกโดยเฉลี่ย 80 เมตร และลึกที่สุด 120 เมตรค่ะ
ถ่ายจากบนสะพานอีกรูป
ขี่จักรยานไปได้สักไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร เราก็เจอด่านเก็บเงินค่าผ่านทางค่ะ แลกเงินแล้วก็หยอดลงในกล่องคนละสองร้อยเยน คนไปด้วยเบลอ ไปสองคนหยอดไปหมดเลย 500 เยน ก็ยังงง...แล้วจะไปแลกเหรียญร้อยเยนทำไมฟ่ะ ฮา ป้าคนเฝ้าเลยบอกว่าเดี๋ยวขากลับหยอดอีกแค่สามร้อยเยนก็พอนะ พอดีไม่มีกุญแจไขตู้ ก็เลยเอาเงินออกมาคืนไม่ได้
เสร็จแล้วเราก็ขี่จักรยานกันต่อไป จริงๆ แล้วตรงจุดจ่ายเงินมีที่ตั้งของเกาะเล็กๆ นะคะ แต่คาดว่าจะเป็นเกาะส่วนตัว เพราะเขาไม่ให้ลงไปค่ะ เห็นปลูกส้มกันเยอะแยะเลย
เอาแผนที่เกาะมาให้ดู เริ่มเดินทางตั้งกทางด้านมุมล่างขวา ไปเรื่อยๆ
ข้ามสะพานมาถึงจุดสีแดง หรือบนเกาะโอชิม่าแล้ว ถ้าจำไม่ผิดระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรจากจุดเริ่มต้นค่ะ (หรือ 6 นี่ล่ะ)
แล้วพวกเราก็ลงจากสะพานกัน...ขอบอกว่าเวลาลงหนุกหนานมากๆ เด็กๆ นี่ลงแบบไม่แตะเบรกเลย แต่เราเป็นพวกกลัวความเสียว เลยคอยเบรกตลอด แต่สบายไม่ต้องออกแรง (แล้วขากลับล่ะ...หนาว)
ลงมาถึงเกาะแล้วก็เจอรูปปั้นนี้
อาจจะดูเหมือนรูปปั้นทั่วไป แต่ที่อยากให้ดูคือนี่
เป็นแก้วน้ำที่สลักจากหินเป็นรูปคิตตี้ เห็นแล้วขำก๊าก รีบถ่ายมาเลยเชียว
เก็บภาพเสร็จ เราก็พากันไปที่ร้านอาหารที่มีอยู่ในแผนที่ เป็นคล้ายๆ ของชาวบ้านบนเกาะน่ะค่ะ มีขายพวกของฝาก ของกิน และพวกอาหารทะเลปิ้งย่างสดๆ
เก็บภาพกับสะพานซะหน่อย
อากาศดี คนมาเที่ยวเยอะมาก ทั้งมาแบบขี่จักรยาน และขับรถกันมา เห็นเขาตั้งเตาย่างอาหารทะเลกันสดๆ เราก็เลยเอาบ้าง รอสักพัก เพราะพอดีเที่ยงคนเลยเยอะ ก่อนจะได้โต๊ะ และเดินไปเลือกอาหารทะเลมากิน
ราคาที่เห็นเขาขายเป็นตัวนะคะ หอยนางรมตัวละ 300 เยน หอยเชลตัวละ 200 เยน (เราว่าเขารวมค่าถ่านเอาไว้แล้วด้วยอ่ะนะ)
เขามีตะกร้าให้ใส่ค่ะ แล้วเอาที่หนีบเลือกหยิบได้เลย ก่อนจะไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ สิ่งแรกที่หยิบคือหมึกทะเลค่ะ เป็นหมึกสาย เพราะที่ Seto Inland Sea เป็นของที่มีชื่อเสียงมาก เขาหั่นกันสดๆ หนวดมันยังดิ้นอยู่เลย
เลือกหอย
หอยซื้อตัวเดียว เพราะคนที่ไปด้วย ไม่กินหอย
และนี่คือทั้งหมดของเรา
ปลาหนึ่งตัว หมึกสายสองหนวด กุ้งสองตัว หมึกทะเลหนึ่งตัว และหอยเชลหนึ่งตัวค่ะ กระจาดนี้สองพันห้าร้อยเยนโดยประมาณน้า
จ่ายเงินเรียบร้อยก็พากันเดินกลับไปที่โต๊ะ จัดการปิ้งในทันที
แต่ละโต๊ะเขามีเตาให้แบบนั้น แล้วก็ปิ้งๆ
หอยเชลได้ที่แล้ว
พร้อมกินมากเลย ฮา น้ำจิ้มก็เป็นโชยุค่ะ ไม่เหมือนน้ำจิ้มรสจัดอย่างบ้านเราอ่ะน้า จัดการหอยกับหมึกสายก่อน แล้วก็เอาที่เหลือลง
ปลาอร่อยดีค่ะ หมึกก็อร่อยดี เวลากินก็เอากรรไกรตัดเป็นชิ้นเล็กๆ กินสะดวกมากๆ พอกินหมดทุกอย่าง คนที่ไปด้วยก็วิ่งไปซื้อไส้กรอกมาย่างต่อ อ้อ ตอนที่ซื้อมีข้าวผัดปลากะพงมากินด้วยนะคะ อร่อยดีค่ะ ^^ อ้อ ใช่ เครื่องดื่มของเราเป็นน้ำส้มคั้นค่ะ ที่เอฮิเม่ส้มเป็นผลไม้มีชื่อเสียงของที่นี่ค่ะ
กินเสร็จก็เดินไปถ่ายรูปรอบๆ
ปลาหินตัวนี้มีลูกด้วย
เป็นแผนที่ และภาพวาดอธิบายสะพานคุรุชิม่าค่ะ มีระดับความลึก ความยาวอธิบายอย่างละเอียดเลย
กินอิ่ม พักจนหายเหนื่อย เราก็ปั่นจักรยานกันต่อ ไปดู สวนกุหลาบ (ฺBara-koen) ค่ะ ห่างจากจุดที่กินข้าวประมาณ 6 กิโลเมตร ไปได้สองทาง แต่เราเลือกทางที่ไกลกว่าอีกทาง เพราะว่าเป็นถนนเลียบทะเลค่ะ ขี่จักรยานกันไป เงียบมากๆ ไม่ค่อยมีรถ และไม่ค่อยมีคนด้วย ทะเลก็สวยดี
ระหว่างทางเจออู่ต่อเรือ เรือลำมโหฬารมากๆ
ขี่จักรยานไปชั่วโมงหนึ่งได้มั้งนะ ก็ถึงสวนกุหลาบค่ะ
ค่อนข้างกว้าง ข้างบนคือแผนที่ของสวนที่นี่นะคะ กุหลาบกำลังบานสวยเลย
กุหลาบดอกโตมากๆ มีหลากสี ปลูกเป็นแถว และมีหลายพันธุ์
กุหลาบสีม่วง พันธุ์ Blue Moon เห็นแล้วรีบถ่ายเลย กรี๊ดมาก
ถ่ายใกล้ๆ สวยมาก กุหลาบก็สวย ฟ้าก็สวย
โปรยกุหลาบ
พันธุ์ Short Cake
กลีบหนาสวยมาก
ชื่อพันธุ์เป็นสนามบินที่ฝรั่งเศสเลยล่ะ
ส่วนพันธุ์นี้ คนที่ไปด้วยบอกว่าชื่อเดียวกับ tintin เลยนะ (ภาษาญี่ปุ่นออกเสียง tintin แบบนั้นอ่ะค่ะ
กุหลาบๆ
ตรงกลางสวนกุหลาบเป็นน้ำพุค่ะ
และแน่นอนที่ญี่ปุ่นชอบเอาอะไรๆ มาทำ soft cream (ขนาดโชยุ, สาหร่าย หรือแม้กระทั่งเกลือก็เอามาทำ) และแน่นอนค่ะ ไอศกรีมกลิ่นกุหลาบ
กินไอศรีมเสร็จ ดูของฝากนิดหน่อย แต่ไม่ซื้อ ดูเขาขายต้นกุหลาบ (แพงมากๆ) แล้วก็ขี่จักรยานกลับกัน เพราะว่าบ่ายสามกว่าแล้ว
ต้นส้มระหว่างทาง
เขาปลูกกันในสวนข้างบ้านเลย
และแล้วก็เริ่มมาถึงทางนรก ต้องปีนขึ้นสะพานค่ะ ขอบอกว่าเหนื่อยมากๆๆๆ
เริ่มแรกก็ทางแบบนี้ หยุดพักเป็นระยะ คนมาด้วยใช้แรงเฮือกสุดท้ายล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า และแรงเรากำลังจะหมด (ขี่จักรยานมายี่สิบกิโลเมตรได้แล้วอ่ะ วันนี้)
ไต่ขึ้นสะพานนี้
เพื่อไปให้ถึงข้างบนนี้
(คนไปด้วยรออยู่ข้างบนแล้ว)
แต่ระหว่างทางที่พักเหนื่อยก็ยังถ่ายรูปเป็นระยะ แสงตะวันสุดท้ายของวันก็ยังสวยดี
หลังจากใช้แรงใจเฮือกสุดท้ายขึ้นไปข้างบนได้แล้ว ก็พักเหนื่อยหอบพักใหญ่เลย แล้วก็ถ่ายสะพานที่ปีนขึ้นมาเมื่อกี้ให้ดู
มันสูงมากจริงๆ นะ
ปั่นจักรยานกลับมาทางเดิน แวะหยอดเงินสองคนสามร้อย (คุณป้าไม่อยู่แล้ว เย็นแล้ว) ก็ปั่นกลับเอาจักรยานไปคืน ยังไม่ถึงห้าโมงเย็นดี แล้วก็ไปนั่งงีบในศูนย์ กะรอดูเขาเปิดไฟตอนกลางคืน งีบหลับบนโซฟาไปสักครึ่งชั่วโมง (พักเหนื่อยด้วย) ฟ้ามืด ไฟก็เริ่มติด
สวยดีค่ะ เขาจะเปิดถึงสี่ทุ่ม ก็จะปิดค่ะ ดูเสร็จ ก็ขับรถกลับค่ะ หมดแรงมากเลย วันนั้นอย่างเหนื่อย ขี่จักรยานทั้งหมด 25 กิโลเมตรได้ แบบว่าอึดมากๆ ขอบอก
ตบท้ายด้วยอาหารมื้อกลางวันของวันรุ่งขึ้น ไปกินกันที่นี่
Ichi-nishi café (แปลว่า คาเฟ่หนึ่งวัน)
ร้านนี้ไปหลายรอบมาก กว่าจะได้กิน ไปรอบแรกหลง (ฮา) รอบสองเขาจัดงานแต่งงาน รอบสาม (ก็คราวนี้) ได้กินซะที
อาหารของเรา เป็นอาหารเสปน หน้าเนื้อสัตว์ อร่อยมากเชียว
ตบท้ายด้วยของหวานและน้ำส้มคั้น จริงๆ เกือบลืมถ่าย เอาช้อนตักกินแล้ว แต่คนที่ไปด้วยทักขึ้นมาก่อนว่าไม่ถ่ายรูปเลย ตกใจเลย ฮา รีบเอากล้องมาถ่ายใหญ่
ส่วนนี่เป็นสปาเกตตี้ของคนที่ไปด้วย
มีสลัดกับขนมปัง
อร่อยมากๆ แอบชิมมาแล้ว ฮา
และแล้วก็จบพาทัวร์ด้วยรถจักรยานนะคะ ตอนเช้าตื่นมาเจ็บกระดูกตรงแถวหน้าอกเลยเชียว คาดว่าขี่จักรยานมากไป (เกือบๆ เจ็ดชั่วโมงได้ล่ะ) สุดยอดจริงๆ
เด็กทะเล 06.11.16
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2549 12:07:49 น. |
|
19 comments
|
Counter : 2029 Pageviews. |
|
|
|
โดย: small Qpid IP: 24.16.223.117 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:41:35 น. |
|
|
|
โดย: Yasmin วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:45:18 น. |
|
|
|
โดย: Clear Ice วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:02:43 น. |
|
|
|
โดย: nunja555 IP: 58.9.170.202 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:06:30 น. |
|
|
|
โดย: arshura (Masaomi ) วันที่: 17 พฤศจิกายน 2549 เวลา:7:22:34 น. |
|
|
|
โดย: เด็กทะเล (ลิปิการ์ ) วันที่: 17 พฤศจิกายน 2549 เวลา:7:52:18 น. |
|
|
|
โดย: nunja555 IP: 58.9.175.181 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:02:55 น. |
|
|
|
โดย: เด็กทะเล (ลิปิการ์ ) วันที่: 18 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:38:15 น. |
|
|
|
โดย: เด็กทะเล (ลิปิการ์ ) วันที่: 22 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:10:47 น. |
|
|
|
โดย: oa IP: 202.28.9.80 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:42:13 น. |
|
|
|
โดย: nid-nong IP: 157.254.98.202 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:39:28 น. |
|
|
|
โดย: TRIPLE_TG IP: 203.158.4.155 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:59:27 น. |
|
|
|
โดย: waidhaya IP: 58.8.116.101 วันที่: 7 ธันวาคม 2549 เวลา:23:37:03 น. |
|
|
|
โดย: มารร้าย IP: 203.151.46.130 วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:20:12:56 น. |
|
|
|
โดย: เด็กทะเล (ลิปิการ์ ) วันที่: 27 ธันวาคม 2549 เวลา:8:15:07 น. |
|
|
|
โดย: เอ๋ม IP: 117.47.172.63 วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:15:08:41 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ตอนใต้ Japan
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการนำรูปภาพ และบทความงานเขียน รวมทั้งข้อความต่างๆ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดในบล็อกแห่งนี้ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|