Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
1 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 

'Winter in Furano, Hokkaido' - 1

ไปแอบตั้งกระทู้รีวิวเอาไว้ในห้อง blue planet มาค่ะ เลยเอามาลงไว้ในบล็อกด้วย ^^


//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10127027/E10127027.html


ขออนุญาตก๊อบมาเลยนะคะ ^^


เพิ่งไปฮอกไกโดกลับมาค่ะ (7-10 ม.ค.) เลยอยากจะรีวิวเผื่อใครอยากไปเที่ยวฟุราโน่หน้าหนาว ที่โดยส่วนตัวเราว่าสวยไม่แพ้หน้าร้อนเลย แถมหน้าหนาวเป็นช่วงโลว์ซีซั่น นักท่องเที่ยวน้อย ทางโรงแรมก็เลยมีโปรโมชั่นต่างๆ มากมาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาญี่ปุ่น ก็เลยคิดว่ามารีวิวไว้ดีกว่า เผื่อเพื่อนๆ คนไหนอยากไปเที่ยวฟุราโน่จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปบ้าง

เริ่มจากเรื่องตั๋วก่อนแล้วกันนะคะ เนื่องจากคนข้างๆ ใช้ไมล์ของ ANA ไปแลกตั๋วเครื่องบิน Kansai <-> New Chitose มาด้วยไมล์ 11,000 ไมล์ต่อตั๋วไปกลับหนึ่งใบ (ปกติจะต้องใช้ 12,000 ไมล์สำหรับช่วง Low Season แต่ช่วงนี้มีโปรโมชั่น เลยได้ลดไปอีกหนึ่งพันไมล์ค่ะ) ออกเดินทางจากคันไซตอน 8.05 น. ไปถึงฮอกไกโดตอน 10.00 น. โดยประมาณ อุณหภูมิตอนนั้นคือ -12 องศาเซลเซียส หนาวกันพอดีเลยจริงๆ

พวกเราก็จับรถไฟเข้าซัปโปโรกันค่ะ ปกติค่ารถไฟจะอยู่ที่เที่ยวละ 1,040 เยน (แบบไม่จองที่นั่ง) แต่เนื่องจากวันนี้เราจะเที่ยวในเมืองซัปโปโร กะจะซื้อ one day pass ของรถไฟใต้ดินอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจลงที่ Shin-Sapporo แทน (subway จะเริ่มจากสถานีนี้) ซึ่งค่ารถไฟจากสนามบินมาลงชินซัปโปโรจะอยู่ที่ 850 เยนค่ะ แล้วก็ซื้อพาสฯ ราคา 800 เยน (พอดีทริปนี้เป็นทริปประหยัด เลยพยายามประหยัดทุกวิถีทาง ยกเว้นเรื่องกิน ^^'')

ขอลงรูปเปิดกระทู้ด้วยข้าวกล่องบนรถไฟนะคะ (ลงไปซื้อก่อนขึ้นรถไฟ) เป็นไซส์มินิมีปู+ไข่ปลาแซลมอล (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นปูสุไว หรือที่เรียกว่า snow crab น่ะค่ะ) ราคา 710 เยน




ฤดูหนาวของฮอกไกโดต้องทำใจนะคะว่าพวกเวลารถต่างๆ จะคลาดเคลื่อนไปจากตารางไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟหรือรถบัส

ภาพระหว่างทางถ่ายจากรถไฟค่ะ






พวกเราเปลี่ยนจากรถไฟไปขึ้นรถใต้ดินที่สถานี Shin-Sapporo ค่ะ ระหว่างนั้นก็แวะไปจองทัวร์ลงออนเซน+อาหารกลางวันที่ Noboribettsu สำหรับวันที่ 10 ก่อน (5,100 เยน ค่ารถไฟ+รถบัส+ออนเซน+อาหารกลางวัน) จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tozai Line (สีส้ม) ไปลงที่สถานี Nishi Juitchome เพราะจะเอากระเป๋าไปไว้ที่โรงแรมก่อน





ครั้งนี้เราจองที่พักไว้ที่ Sapporo Prince Hotel Tower ค่ะ ถ้าเป็นหน้าร้อนคงไม่ได้พัก เพราะว่าราคาค่อนข้างแพง (ขึ้นชื่อว่า prince hotel) แต่หน้าหนาวที่ไม่ใช่ช่วง Snow Festival คือช่วงโลว์ฯ ดังนั้นโรงแรมจึงถูกมากค่ะ ห้องพักสองคนไม่มีอาหารเช้าอยู่ที่ 5, 600 เยน/2 คน โรงแรมเดินจากสถานี Nishi 11 chome (นิชิจูอิชโชเมะ) ไปประมาณสองนาทีคนญี่ปุ่น (ราวๆ ห้านาทีคนไทย)

ภาพถ่ายขึ้นไปจากล็อบบี้โรงแรมค่ะ (ไม่ได้ถ่ายด้านนอกเพราะหิมะตกตลอด ไม่กล้าหยิบกล้องขึ้นมา วันแรกกลัวกล้องพัง วันที่สองช่างมันแล้ว -_-')





จริงๆ แพลนที่เราจองเป็นแพลนถูกสุด (จริงๆ มีถูกกว่านี้อีกราวๆ สองร้อยเยน แต่สำหรับคนที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในฮอกไกโดเท่านั้น) และห้องพักจะได้แค่ชั้น 3-6 เท่านั้น (เป็นชั้นที่ไม่เห็นวิว) แต่วันนั้นได้พักชั้น 7 ค่ะ สงสัยเพราะแขกน้อย

วิวที่ถ่ายจากห้องพัก หิมะตกตลอดเวลา บ้านเมืองเหมือนร้างผู้คน





ห้องที่ได้เป็นเตียงคู่ค่ะ ห้องค่อนข้างกว้างทีเดียว (สำหรับโรงแรมในญี่ปุ่นราคานี้นะคะ) มีพนักงานเดินไปส่งถึงห้องด้วย แอบเขินเล็กน้อย (เพราะปกติอยู่ญี่ปุ่นพักแต่ business hotel เน้นถูกเข้าว่า ^^'')





ห้องน้ำค่อนข้างกว้างกว่าที่คิด มีอ่างอาบน้ำและ washlet ด้วยค่ะ


*ที่นี่มีออนเซนด้วยนะคะ แต่ต้องเสียค่าเข้าค่ะ แม้จะเป็นแขกที่เข้าพักก็ต้องเสีย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 300 เยนค่ะ






หลังจากเอากระเป๋าเข้าที่พัก (ไปถึงรร.ประมาณเที่ยงค่ะ แต่ห้องทำเสร็จแล้วเลยได้เข้าห้องเร็ว ปกติจะเช็กอินได้ตอนราวๆ บ่ายสามโมงค่ะ)ก็เดินไปหาอาหารกลางวันกินค่ะ วันนั้นไปจัดการซัปโปโรมิโซะราเม็งที่ร้านสุมิเระสาขาตรง Susukino แม้จะมีพาสฯ แต่พวกเราอยากเดินค่ะ เลยเดินตากหิมะไปกันราวๆ สิบห้านาทีก็ถึงร้าน จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินไปรำลึกความหลังที่อพาร์ทเม้นท์ที่เคยอยู่ (เคยไปเรียนและอยู่ที่ฮอกไกโดมาสามปีค่ะ - ฮาโกดาเตะสองปี และซัปโปโรหนึ่งปี) จากนั้นก็เดินเข้ามหาวิทยาลัย หิมะตกท่วมท้นมาก ประมาณพายุหิมะ แต่ก็ไม่ย่อท้อ

รูปหิมะในมหาวิทยาลัยฮอกไกโด มีอีกาเกาะอยู่ทุกต้น เหมือนกับเป็นผลไม้เลย (ภาพอาจจะไม่ชัดเพราะถ่ายจากกล้องมือถือค่ะ ไม่ได้เอากล้องใหญ่ขึ้นมา)





แล้วจากนั้นวันแรกเราก็เวิ่นเว้ออยู่ในแหล่งช้อปปิ้งตรงสถานีซัปโปโรกับโอโดริ ก่อนจะไปกินข้าวเย็นที่ร้านแถว susukino เดินจากสถานีประมาณห้านาที เป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ 90 นาที 3,450 เยน รวมเครื่องดื่มแบบไม่มีแอลกอฮอล์ ถ้าเอาคูปองไปจะได้เครื่องดื่มแบบมีแอลกอฮอล์ฟรีคนละแก้วค่ะ

ภาพถ่ายจากมือถือนะคะ (กินแข่งกับเวลา ไม่กล้าเอากล้องใหญ่ขึ้นมาถ่ายเลย)เราว่าอาหารคุ้มดีค่ะสำหรับราคานี้





สาเหตุที่เราเลือกพักที่ Sapporo Prince Hotel Tower ไม่ใช่เพราะราคาอย่างเดียวค่ะ แต่เนื่องจากวันรุ่งขึ้นเราจะไป Furano ด้วยบัสฟรี และเขามีจุดขึ้นรถที่นี่เราก็เลยเลือกพักที่นี่

สำหรับเรื่องบัสฟรีนะคะ จะให้สิทธิ์เฉพาะคนที่จะพักที่ Furano Prince Hotel หรือ Shin Furano Prince Hotel เท่านั้นค่ะ

ขาไป: Sapporo Prince Hotel Tower (8.15 am) -> Furano Prine Hotel or New Furano Prine Hotel (10.50-11.00 am)

ตอนเราไปหิมะตกมากค่ะ ทางด่วนปิด เลยต้องวิ่งทางธรรมดาไปครึ่งหนึ่ง แล้วค่อยไปขึ้นทางด่วนกลางทาง รถก็ดีเลย์ไปประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ (ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากๆ)


ขากลับ: New Furano Prine Hotel (4.45 pm) or Furano Prince Hotel (4.55 pm) -> Sapporo (7.30-8.00 pm)

ขากลับก็ดีเลย์ไปราวๆ ชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ


จะต้องโทรจองล่วงหน้า 7 วันก่อนเดินทางค่ะ จองกับ New Furano Prince Hotel ค่ะ (แต่ของเราจองล่วงหน้าแค่สองวัน เพราะเพิ่งตัดสินใจไป ถ้ามีที่นั่งก็สามารถไปได้ค่ะ)

บัสคันนี้จะเป็นอันเดียวกับ Ski bus ไปฟุราโน่นะคะ ถ้าใครอยากไปเล่นสกีแบบเช้าไปเย็นกลับ ก็สามารถใช้บริการได้ค่ะ ราคา 3,900 เยน รวมราคาค่าขึ้นลิฟต์ไปเล่นสกีไว้ด้วยค่ะ

ปกติราคาตั๋วรถบัสจากซัปโปโรไปฟุราโน่อยู่ที่เที่ยวละ 2,200 เยนค่ะ (เท่ากับประมาณไปราวๆ 8,800 เยนสำหรับสองคน)

เราเลือกพักที่ Furano Prince Hotel เพราะถูกกว่า New (แต่เป็นเครือเดียวกันนะคะ) ราคา 15,000 เยน ต่อ 2 คน รวมอาหารเช้าและเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ค่ะ ซึ่งเราว่ามันคุ้มมากๆ (ถ้า New Furano Prince Hotel จะตกคนละหมื่นห้าพันเยนโดยประมาณอ่ะค่ะ)

รถบัสที่นั่งไป ไม่มีห้องน้ำนะคะ (ภาพนี้แวะจอดเข้าห้องน้ำบนทางด่วนค่ะ ฟ้าใสแล้วหิมะไม่ตก)





ขอย้อนภาพไปนิด ตอนอยู่บนรถบัสนะคะ ถ่ายลงมาจากบัส ในซัปโปโร

หอนาฬิกา






สัญญาณไฟจราจร ที่ฮอกไกโดจะเป็นแบบตั้งค่ะ เพราะแบบนอนจะมีหิมะทับถมอยู่ได้ง่าย (แต่นี่เราก็ว่าทับถมจนหนักเลยนะคะ)




ตู้กดบุหรี่ๆ ทาง เห็นที่ซัปโปโรก็ว่าจะลุยเข้าไปกดยังไง เจอที่ฟุราโน่ หิมะท่วมไปครึ่งหนึ่งเลยค่ะ





ประมาณเที่ยงกว่าก็มาถึง Furano Prince Hotel ค่ะ

ภาพโรงแรม (ถ่ายวันกลับนะคะ วันไปถึงไม่ได้ถ่ายโรงแรมเต็มๆ มาค่ะ) ที่เห็นชั้นสองทั้งสองฝั่งคือห้องอาหารค่ะ





หิมะท่วมสมกับเป็นฟุราโน่จริงๆ ข้างๆ โรงแรมจะมีลานสกีนะคะ หน้าหนาวถ้ามาฟุราโน่ก็ต้องเล่นสกีค่ะ (แต่เราไม่ได้เล่น เพราะเล่นไม่เป็น ในชีวิตเคยลองสองครั้ง สกีหนึ่งครั้งที่นากาโน่กับสโนว์บอร์ดหนึ่งครั้งที่ฮาโกดาเตะค่ะ และพบว่าเล่นสกี...ยากมาก)





จริงๆ ยังไม่ได้เวลาเช็กอิน (เช็กอินบ่ายสาม เช็กเอ้าท์เที่ยงค่ะ) แต่ห้องทำเสร็จแล้วก็เลยได้เข้าพักเลย

ห้องค่อนข้างแคบกว่าที่ prince tower นะคะ โรงแรมค่อนข้างเก่าอยู่ แต่สภาพโอเคค่ะ ^^ มีทุกอย่างเหมือนที่ซัปโปโรเลย




บนโต๊ะมีตุ๊กตาหิมะวางไว้ด้วย (เป็นตุ๊กตานะคะ) เห็นมีขายในร้านค้าของโรงแรมเหมือนกัน





บริเวณรอบๆ furano prince hotel จะไม่มีอะไรให้เที่ยวชมค่ะ แต่ตรงบริเวณ new furano prince hotel จะมีหลายอย่างให้ดู ดังนั้นพวกเราจึงนั่ง shuttle bus ซึ่งเป็นบัสฟรีจากรร. ที่พัก ไปที่ shin furano (อันเดียวกับ new furano ค่ะ)

ตารางเวลา shuttle bus จะติดไว้ที่ตรงล็อบบี้ค่ะ ที่ตีตารางเป็นกรอบสีแดงคือเวลาที่บัสมารร.นี้ค่ะ





รถบัสที่นั่งไป (เรานั่งรอบ 13.05) ขนาดรถบัสจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาค่ะ แขกส่วนใหญ่จะแบกสกีไปเลยที่ลานสกีตรง shin furano กันอ่ะค่ะ






ภาพโรงแรม new furano prince ถ่ายจากรถบัส เที่ยวที่เรานั่งรถบัสจะไปลงที่ลานสกีค่ะ เราก็ว่าจะไปหาอะไรกินกันที่ลานสกี






ร้านอาหารตรงลานสกีค่ะ เป็นแบบบริการตัวเอง (ชั้นนี้ขายแต่ราเม็งค่ะ) เข้าไปแรกเลยก็เลือกว่าจะกินอะไร แล้วก็หยอดเงินใส่ตู้กดเลือกเอา แล้วเอาตั๋วที่ได้มาไปให้พนักงานค่ะ (ไม่ได้ถ่ายรูปตู้มา) จากนั้นก็ไปนั่งรอเรียกเบอร์ค่ะ




มื้อนั้นเราเลือกเป็น ramen set มีโชยุราเม็งกับข้าวหน้าผักดอง+ชาชูสับละเอียด




เมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วก็ไปเดินเที่ยวค่ะ เป้าหมายของวันนี้ก็คือ Ningle Terrace (ニングルテラス)ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ new furano prince hotel เลย




ไปที่นี่ครั้งแรกตอนหน้าร้อนประมาณปี 2004 ค่ะ แล้วจากนั้นก็ไปอีกทีตอนหน้าหนาวปี 2007 แล้วก็มาคราวนี้

ที่นี่เป็นเหมือนหมู่บ้านค่ะ ข้างในจะมีบ้านไม้หลังเล็กๆ มีของทำมือน่ารักๆ วางขายมากมาย (รายละเอียดดูในลิ้งค์ข้างบนนะคะ) เราชอบบรรยายกาศที่นี่อ่ะค่ะ สวยดี





ข้างในร้านไม่ให้ถ่ายภาพนะคะ เลยเก็บบรรยากาศข้างนอกมาแทน
ตุ๊กตาหิมะน่ารักมากๆ





อุณหภูมิวันนั้นอยู่ที่ -8 องศาเซลเซียสค่ะ หนาวแต่ก็ทนไหว ^^




แต่ถึงหนาวขนาดนั้นก็ยังมีนกมากมายค่ะ (เขาวางอาหารนกล่อไว้ บางทีเจ้าของร้านก็ออกมาโปรยอาหารให้นก)




ถ้าใครชอบของน่ารักๆ มาถึงที่นี่ต้องเสียเงินซื้อแน่นค่ะ (เรามาสามรอบก็เสียสามรอบเลย)





ภาพตัวอย่างของที่วางขายใน ningle terrace นะคะ (ภาพนี้ถ่ายมาจากล็อบบี้ของ shin furano เขาวางโชว์ไว้) ของในบ้านแต่ละหลังจะแตกต่างกันไปค่ะ

** เพิ่มราคา ตัวในภาพเห็นขายอยู่ที่ราคา 1,365 เยนนะคะ ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดค่ะ






ระหว่างนั้นเราก็แวะเข้า coffee house ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางของ ningle terrace เลยค่ะ เข้าไปหาไออุ่นและขนมกิน

ภาพบรรยากาศในร้าน มีเตาผิงแบบใช้ฟืนด้วย อุ่นดี ลูกค้าน้อยมาก (มีอยู่ครอบครัวเดียว)





สั่ง Almond au lait และคุกกี้ไส้เบอร์รี่ชนิดหนึ่งที่มีเฉพาะที่ฮอกไกโด อร่อยมาก




คุกกี้แบบชัดๆ ชอบขนมเค้กและคุกกี้ของญี่ปุ่นสุดๆ





เดินเที่ยวอยู่ในนั้นราวๆ สองชั่วโมงกว่าได้ค่ะ จนฟ้าเริ่มมืด ไฟเริ่มติดที่ละดวง (ที่ฮอกไกโดสี่โมงก็เริ่มสลัวแล้วค่ะ เมืองที่เราอยู่ตอนนี้ประมาณห้าโมงค่อยสลัว)





พวกเราออกจาก Ningle terrace ประมาณสี่โมงกว่าค่ะ เพราะจะนั่ง shuttle bus เที่ยวสี่โมงครึ่ง (ขึ้นที่หน้า new furano prince hotel เลยค่ะ) เนื่องจากจะกลับไปกินข้าวเย็นที่โรงแรมตอนห้าโมงครึ่ง กินเสร็จก็จะกลับมาที่นี่อีก เพราะมีนัดที่ Soh's Bar ซึ่งเป็นบาร์ที่ชอบมาก มาทีไรก็ต้องแวะไปทุกที

รูปทางเข้า ningle terrace ตอนเดินกลับมาค่ะ





จริงๆ ใน Ningle terrace ยังมีคาเฟ่ชื่อ Mori no Tokei อีกนะคะ แต่คราวนี้เราเดินผ่านไปตอนกลางคืน (ตอนไปบาร์) ไม่ได้แวะไปอุดหนุนด้วย แต่ตอนธ.ค. 2007 ได้แวะไปดื่มกาแฟมาค่ะ เลยเอารูปมาให้ดูกันนิดหนึ่ง

คราวนั้นเราไปก่อนสิ้นปีค่ะ หิมะท่วมกว่าคราวนี้มาก

* ภาพไม่ชัดขออภัยนะคะ ใช้กล้องคนละตัวค่ะ





บรรยากาศในร้านค่ะ ถ้าสั่งกาแฟจะได้เมล็ดกาแฟมาบดเองนะคะ แนะนำค่ะ ถ้าใครไปให้แวะเข้าไปดื่มกาแฟด้วยนะคะ มีอาหารขายด้วยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดร้านปิดสามทุ่มค่ะ แต่ last order จะเป็นสองทุ่มหรือสองทุ่มครึ่งจำไม่ได้ค่ะ

อ้อ Ningle Terrace หน้าหนาวจะเปิดตั้งแต่เที่ยงจนถึง 20.45 น.นะคะ




วันนั้นข้างบนเราใส่เสื้อข้างใน (ที่เรียก baba shirt หรือเสื้อคุณป้า) 1 ตัว, เสื้อคอเต่าแขนยาว 1 ตัว, สเว็ตเตอร์ไหมพรมสีเทาแบบหนาเป็นซิปหน้า 1 ตัว และโค้ตสีดำตัวที่เห็นอ่ะค่ะ 1 ตัว (โค้ตัวนี้หนามากค่ะ หนักมากด้วย ซื้อตอนอยู่ฮอกไกโดนี่ล่ะ พอย้ายไปอยู่เกาะอื่นไม่เคยเอาออกมาใส่เลย)

ส่วนด้านล่างเราใส่ลองจอห์น 1 ตัว และกางเกงยีน 1 ตัวค่ะ (ตอนเดินในซัปโปโรใส่กางเกงยีนตัวเดียวนะคะ ขาแข็งมากๆ) แล้วก็ถุงเท้าแบบหนา 1 คู่ กับรองเท้าของทิมเบอร์แลนด์อ่ะค่ะ (ไม่กันหนาว แต่บีบเท้ามากๆ)

*เพิ่มเติม ลืมหมวก, ผ้าพันคอ และถุงมือไปด้วยค่ะ สามอันนี้ถ้าไม่มีคงแย่แน่ๆ เลย






ลงภาพเพิ่มนะคะ เป็นภาพที่ถ่ายตั้งแต่ตอนปี 2007 เป็นผลงานที่วางโชว์ไว้หน้าร้านใน Ningle Terrace เลยถ่ายภาพมาได้ค่ะ

เทียนรูปตุ๊กตาหิมะ (รู้สึกว่าเขาจะมี class สอนทำเทียนด้วยนะคะ ต้องเช็กเวลาค่ะ หน้าหนาวไม่แน่ใจว่าจะมีมั้ย)





ส่วนนี้ทำจากกระดาษค่ะ เป็นภาพวิวของฟุราโน่กับบิเอะ






หลังจากรับประทานอาหารเย็นที่เป็นบุฟเฟ่ต์เสร็จ (อาหารอร่อยค่ะ เยอะด้วย ปกติอาหารบุฟเฟ่ต์จะเปลี่ยนจานหลักไปทุกวันค่ะ จะมีคอร์ส A, B และ C) มัวแต่กินอีกแล้ว ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ

จากนั้นเราก็นั่งรถ shuttle bus รอบ 19.25 ไปที่ shin furano ซึ่งตอนหน้าหนาวจะมี Furano kan kan mura (kankan muru ก็คือ Winter village นั่นล่ะค่ะ) ให้ชมค่ะ (มีถึงวันที่ 22 เดือนมีนาคมนี้นะคะ)


ป้ายบอกทาง บนสุดคือ Mori no Tokei เดินห้านาที, Soh's Bar เดินเจ็ดนาที (แต่เราว่านานกว่านั้นอ่ะค่ะ)เปิดตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงเที่ยงคืน และ Kankan Mura เปิดห้าโมงเย็นถึงสามทุ่มค่ะ





ทางเข้า Furano Kan Kan Mura จะต้องเสียค่าเข้า 300 เยนค่ะ แต่ถ้าพัก Prince Hotel ก็จะได้บัตรลดเหลือแค่คนละ 100 เยนเท่านั้น





เข้ามาถึงก็จะเจอ ice bar ค่ะ ข้างในขายเครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้และเบียร์ จะเข้าไปซื้อเครื่องดื่มหรือเข้าชมเฉยๆ โดยไม่ซื้ออะไรก็ได้ค่ะ





ด้านในจะอุ่นกว่าด้านนอกค่ะ (ข้างนอกประมาณลบเก้าถึงลบสิบ ด้านในประมาณ -1 ถึง -2 องศาค่ะ) มีพนักงานประจำอยู่หนึ่งคน





ตกแต่งข้างในน่ารักดีค่ะ มีตุ๊กตาหิมะรูปกระต่ายด้วย (สมกับเป็นปีกระต่าย)




เครื่องแก้วเป็นตัวสัตว์ต่างๆ




ถ่ายเจาะมาได้แค่สามตัว ต้องรีบออกมา เพราะพอดีมีรายการทีวีมาถ่ายทำค่ะ (กลัวติดกล้องแล้วความแตกว่าหนีมาเที่ยว ฮา)

เป็นเครื่องแก้วของฟุราโน่โดยเฉพาะค่ะ





ข้างๆ Ice Bar จะมี Super Snow Tubing (*แก้ไขนิดหนึ่งค่ะ ในเว็บเขาเขียนว่า スーパースノーチュービング) ให้เล่นค่ะ (แบบที่นั่งห่วงยางลื่นลงไปน่ะค่ะ) เคยเล่นครั้งแรกที่อะบาชิริ ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยปลื้ม เพราะเป็นโรคกลัวความหวาดเสียว แต่ที่นี่ไม่น่ากลัวมากนะคะ เพราะไม่ชัน ความยาวประมาณ 201 เมตรค่ะ

เล่นกี่ครั้งก็ได้ค่ะไม่จำกัด ไม่เสียเงินด้วย ตัวเองเล่นไปครั้งเดียว เพราะตอนลื่นลงไปก็สนุกดี แต่ตอนเดินลากห่วงยางขึ้นมามัน...เมื่อยอ่ะค่ะ


*พนักงานประจำตรงนี้หน้าตาดีมาก เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา (ฮา)





ข้างๆ super snow tubing ก็จะมีถนนสายหิมะให้เดินค่ะ (ความยาว 250 เมตร) สองข้างทางเป็นกำแพงหิมะสูงประมาณแปดสิบเซ็นฯ และมีกระจกสีแปะเป็นลวดลายสองข้างทาง มีเยอะมากค่ะ แต่ถ่ายรูปมาได้นิดหน่อย





นอกจากนั้นก็จะมีตุ๊กตาหิมะปั้นเป็นสัตว์รูปต่างๆ ได้อารมณ์เดิน snow festival ที่ซัปโปโรนิดหน่อย




นอกจากที่บอกไปข้างบน ก็จะมีทั้ง snow rafting และ banana boat แต่เปลี่ยนจากน้ำเป็นบนหิมะนะคะ สองอย่างนี้ต้องเสียเงิน แต่ไม่เห็นมีคนเล่นเลย (ก็หนาวขนาด)

จากนั้นเราก็เดินไป Soh's Bar กันค่ะ ระหว่างทางเจอตัวนี้แอบอยู่ในมุมมืด ถ่ายรูปออกมาแล้วน่ากลัวมาก (ฮา) ของจริงรอบกายมืดหมดเลยค่ะ แต่กล้องถ่ายออกมาแล้วเหมือนสว่าง




ลืมไปอีกอันหนึ่ง นี่คือป้ายข้อความของงานนี้ค่ะ ข้อความถูกหิมะปิดไปหมดแล้ว แต่ภาพตุ๊กตาหิมะน่ารักดี




เดินมาสักพัก (มากกว่าเจ็ดนาที) ก็ถึง Soh's Bar ค่ะ

แนะนำมากๆ นะคะ ถ้าใครได้มีโอกาสไป อย่าลืมแวะค่ะ เราชอบบรรยากาศมากๆ เงียบดี ราคาค็อกเทลไม่แพงมากด้วย (เมื่อเทียบกับบาร์ทั่วไปในญี่ปุ่นนะคะ)




มาที่นี่เป็นครั้งที่สามแล้วค่ะ ครั้งแรกตอนหน้าร้อนปี 2004 ครบรอบหนึ่งปีของร้านพอดี แล้วตั้งแต่นั้นก็ต้องหาโอกาสมาให้ได้ทุกที เพราะคนข้างๆ ปลื้มกับคอนเซปต์ร้านมาก

Soh's Bar for miserable smokers

เพราะงั้นถ้าใครไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ไม่แนะนำนะคะ (เราไม่สูบ แต่คนข้างตัวนี่สูบ เลยต้องทน)




เราได้นั่งตรงเคาน์เตอร์ค่ะ เลือกตรงนั้นเพราะจะได้มองออกไปเห็นข้างนอกได้ มาคราวก่อนจะจุดเทียนเอาไว้ในหิมะด้วย บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ





ตอนนั่งอยู่มีคล้ายๆ ตัวแรคคูณวิ่งออกมาอวดโฉมด้วยค่ะ (ไม่ใช่ทานุกินะคะ แต่จำชื่อไม่ได้) คว้ากล้องขึ้นมาถ่ายรูปไม่ทัน ได้แต่เบลอๆ เสียดายสุดๆ

คนสร้าง Soh's Bar ก็คือ Kuramoto Sou นักเขียนนิยายที่นำมาทำเป็นละครเรื่อง Kita no Kuni Kara ค่ะ (ละครเรื่องนี้ดังมาก เล่นมาเกือบ 20 ปี จนนักแสดงโต) ฉากส่วนใหญ่ก็ในฟุราโน่นั่นเอง คุณ Sou

เสิร์ฟเครื่องดื่มหนึ่งแก้วค่ะ ^^





เราอยู่ที่ Soh's Bar จนถึง 21.45 น. ก็ออกจากร้านเดินกลับไปที่ shin furano prince hotel เพื่อขึ้นบัสกลับรร.ค่ะ (เที่ยวสุดท้าย 22.00 น.)

ทางเดินกลับเต็มไปด้วยหิมะ





คราวก่อนที่มาไม่ได้พักที่ prince hotel พักอีกโรงแรมไม่ห่างจาก furano prince มากนัก แต่ไม่มีบัสฟรี เลยเรียกบริการแท็กซี่และพบว่า...แพงมากค่ะ เพราะงั้นคราวนี้เลยนั่งบัสฟรีสบาย คิดไปคิดมาพัก prince hotel ถูกกว่าจริงๆ ค่ะ

กลับมาถึงรร. ถ่ายรูปเสียหน่อย ไม่มีคนเลย หิมะตกโปรยปราย

ชอบหลังคาของโรงแรมมาก ที่ทำแบบนี้เพื่อเวลาหิมะตกลงมาจะได้ไม่ไปทับถมบนหลังคาค่ะ




ห้องพักของเราอยู่ทางขวามือห้องริมสุดนับจากหลังคาลงมาแถวที่สองนะคะ (ชั้นห้า)

ตรงนี้เป็นด้านหลังโรงแรม ซึ่งเป็นลานสกีค่ะ






วันแรกที่ Furano จบลงแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่เข้าชม เดี๋ยวจะมารีวิวบัสทัวร์ฟุราโน่ (ฟรี) สำหรับฤดูหนาวกระทู้ต่อไปนะคะ

ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มบนหิมะค่ะ (ใครก็ไม่รู้ทำทิ้งไว้)





แล้วเดี๋ยวมาต่อกันอีกนะคะ ^^


เด็กทะเล
11.2.1





 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2554
10 comments
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2554 9:23:40 น.
Counter : 4238 Pageviews.

 

บรรยากาศจากรูปสวยมากๆเลยค่ะ

 

โดย: ryoma19 IP: 202.12.74.129 1 กุมภาพันธ์ 2554 10:36:16 น.  

 

มาเที่ยว ฟุราโนะ ด้วยคนค่ะ
อาหารน่าทานทั้งนั้นเลย ^^

 

โดย: Panino 1 กุมภาพันธ์ 2554 11:19:32 น.  

 

สวยไปอีกแบบนะคะ แต่คงจะหนาวน่าดูเลย บรื้อ

 

โดย: แพท (aLwaYs moodY ) 1 กุมภาพันธ์ 2554 19:28:01 น.  

 

เห็นพี่อ้อมสองรูปพอหายคิดถึงค่ะ... ปีนี้จะกลับมาที่นี่ไหมคะพี่อ้อม

และมีแววเรื่องใหม่หรือเปล่าคะพี่อ้อม

 

โดย: ColdOut 3 กุมภาพันธ์ 2554 19:17:19 น.  

 

หิมะขาวโพลนเลยทีเดียว เป็นพลอยคงไปไม่ไหวแน่เลย ขี้หนาวอะค่ะ
แต่ว่าสวยจริงๆเลย น่าไปมากๆ(ห่อด้วยเสื้อหลายๆชั้นจะไหวมั๊ยน้อ)

 

โดย: Emotion-P 7 กุมภาพันธ์ 2554 9:04:52 น.  

 

ขอบคุณมากๆๆนะคะที่แบ่งปัน
เข้ามาเก็บข้อมูลไปฮอกไกโดจ้า

 

โดย: white shoes IP: 223.207.5.62 20 มิถุนายน 2554 18:19:26 น.  

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ นะคะ

black friday 2011 hp touch pad

 

โดย: aomzon (aomzon ) 1 ตุลาคม 2554 11:53:36 น.  

 

สวัสดีคะ คุณลิปิการ์ เคยอ่านกระทู้ใน blue planet คะ กำลังจะไปเดือนหน้าคะ

 

โดย: black rabit IP: 124.121.1.99 20 มิถุนายน 2555 18:26:55 น.  

 


ติดตามอ่านผลงานพี่มาตั้งแต่เริ่มแรก ๆ เลย ชอบมากค่ะ

เคยอ่านเจอเล่มนึงที่พระเอกกับนางเอกไปพักที่พักกลางทุ่งดอกไม้ที่ฮอกไกโดหน่ะค่ะ
อยากทราบรายละเอียดที่พักนั้นหน่อยได้มั้ยคะ

ขอบคุณมากค่ะ

 

โดย: garawake IP: 180.180.118.186 16 ธันวาคม 2555 19:09:19 น.  

 

ขอสอบถามหน่อยนะครับ
หากไปเที่ยวดูดอกไม้ แถวๆ ฟูราโน บิเอ่ะ
ช่วง 1 มิ.ย. - 4 มิ.ย. จะพอมีดอกไม้เริ่มบานไหมครับ และจะ Check ได้ที่ไหนครับ

ขอบคุณครับ

 

โดย: karn IP: 119.46.131.228 7 พฤษภาคม 2557 9:21:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลิปิการ์
Location :
ตอนใต้ Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการนำรูปภาพ และบทความงานเขียน รวมทั้งข้อความต่างๆ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดในบล็อกแห่งนี้ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add ลิปิการ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.