Group Blog
 
 
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
16 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 
เส้นทางชมธรรมชาติกับบ่อโคลนเดือดริมทะเลสาบ

เส้นทางชมธรรมชาติกับบ่อโคลนเดือดริมทะเลสาบ

สืบเนื่องจากมาริโมะน้อยกลอยใจเมื่อคราวที่แล้ว หลังจากที่จัดการไอศกรีมมาริโมะหมดแท่ง นั่งตากแดดบนเก้าอี้ริมทะเลสาบกางแผนที่ดู ฉันก็ตกลงใจที่จะเดินไปยังมุมขวาสุดของแผนที่ ที่มีรูปวาดลายเส้นแบบการ์ตูนเป็นรูปสัตว์ที่มีทั้งนก กระรอกและกวาง รวมทั้งสิ่งที่ดึงดูดใจฉันอีกอย่างก็คือสัญลักษณ์ของบ่อโคลนเดือด หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเขียนเป็นตัวคาตากานะ ว่า bokke

ขอสารภาพซะหน่อยว่าตอนแรกที่เห็นนึกว่าเป็นออนเซนตามธรรมชาติที่พวกลิงชอบลงไปแช่ เปล่าน่า จินตนาการพิลึกๆ ของฉันไม่ได้ทำงานซะหน่อย เพียงแต่ว่าใช้ประสบการณ์ที่เคยเจอในเมืองที่ฉันอาศัยอยู่เท่านั้นเอง
ประกอบกับรูปวาดก็เขียนได้ชัดเจนมาก โคลนที่เดือดปุดๆ ฉันเห็นเป็นหัวลิงไปได้ไงก็ไม่รู้ -_-‘

ตกลงใจแล้วก็เริ่มออกเดิน ฉันเดินลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบได้ชั่วครู่ก็เปลี่ยนใจ ไปเดินริมถนนแทนเพราะอยากจะหาออนเซนสำหรับมือ และเท้าที่เขียนเป็นสัญลักษณ์รูปบ่อออนเซนตรงกลางมีรูปเท้าประดับเอาไว้
แวะชมร้านค้าที่ขายของจำพวกไม้แกะสลักที่มีชื่อของที่นี่ไปสองสามร้าน คุยกับเจ้าของร้านอีกไปอีกนิดหน่อย ฉันก็เจอออนเซนเล็กๆ สำหรับมือตั้งอยู่ข้างๆ โรงแรมใหญ่ ออนเซนสำหรับมือจัดตกแต่งอย่างสวยงาม เหมือนพวกสวนสวยๆ ที่มีน้ำพุไหลรินออกมา มีสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งกำลังเอามือแตะน้ำในแอ่งหินเล็กๆ ที่รองรับน้ำเอาไว้ ข้างๆ มีชายหนุ่มคอยถ่ายรูปให้ มองด้วยความอิจฉาอยู่ครู่หนึ่งคนทั้งคู่ก็เดินจากไป ฉันก็เลยลองเอามือไปสัมผัสเพื่อพิสูจน์ตามประสานักวิทยาศาสตร์ที่ดี

อืม...ร้อนจริงๆ ด้วย

ร้อนแบบที่ไม่อยากจะแตะซ้ำในอากาศร้อนๆ แบบนี้ ฉันก็เลยเก็บรูปภาพรวมๆ แล้วเดินผละมา



บรรยายรูป
ออนเซนมือ ภาษาญี่ปุ่นน่าจะเรียกว่า teyuu


ออนเซนสำหรับมือนั้นในแผนที่อีกอันที่ฉันเพิ่งไปหยิบมามีแสดงเอาไว้ห้ามือ (คราวนี้เป็นสัญลักษณ์รูปมือ ไม่ใช่เท้าเหมือนแผนที่อันก่อน) ฉันเจอแค่สอง แถมยังงก space ใน memory stick จึงถ่ายรูปมาแค่หนึ่งเท่านั้นเอง เดินเลี่ยงไปทางขวามือที่เป็นท่าเรืออีกแห่ง สำหรับล่องเรือชมทะเลสาบ นักท่องเที่ยวนั่งถ่ายรูปกันมากมาย ทำเอาอารมณ์ที่อยากจะไปนั่งเขียนโปสการ์ด บนเก้าอี้สีฟ้าริมทะเลสาบหมดไป เพราะไม่อยากไปบดบังวิวสวยๆ สำหรับคนอื่น

ฉันเหลือบไปเห็นทางเล็กๆ ที่ต้องเดินรอดซุ้มต้นฟุจิ (ต้นไม้ออกดอกสีม่วงและบางแห่งก็มีสีขาว*) ที่ตอนนี้มีแต่ใบไม่มีดอก ฉันตัดสินใจเดินตรงเข้าไปทันที ผ่านจากซุ้มต้นฟุจิ
เส้นทางชมธรรมชาติเล็กๆ ที่ทอดตรงเข้าไปยังพื้นป่าโปร่งก็ปรากฏสู่สายตา

ฉันเดินเรียบริมทะเลสาบไปเรื่อยๆ แดดร้อนมากๆ จนต้องถอดเสื้อยีนส์ที่ใส่คลุมออกมาถือไว้ แถมยังถลกแขนเสื้อขึ้นราวกับเตรียมจะไปต่อยใคร เดินไปได้ไม่ถึงห้านาที
ฉันก็เหลือบไปเห็นออนเซนสำหรับนั่งแช่เท้าหนึ่งในสองของที่นี่ โชคดีเป็นของฉันเมื่อไม่มีใครนั่งอยู่เลย ฉันจัดการถ่ายรูปไปหนึ่งแชะก่อนจะเดินขึ้นบันไดตรงไปยังออนเซนแห่งนั้น จัดการถอดถุงเท้ายัดใส่กระเป๋าถลกขากางเกงแล้วนั่งเอาเท้าแช่น้ำร้อนทันที

ร้อน...จริงๆ ด้วย แต่มันก็สบายดีนะ

นั่งเอาเท้าแช่น้ำร้อนเหม่อมองผืนทะเลสาบ ฉันเปิดกระเป๋าหยิบเอาโปสการ์ดที่ซื้อไว้ขึ้นมา จัดการเขียนโปสการ์ดถึงใครหลายๆ คน เขียนได้แผ่นที่สองฉันก็ทนไม่ไหวต้องเอาเท้าขึ้นจากน้ำ แล้วนั่งเขียนต่อตรงที่เดิม เขียนแผ่นที่สองเสร็จ มาร เอ๊ย คู่รักหนุ่มสาวก็เดิมมาผจญ ฉันเลยต้องหอบข้าวของไปนั่งอยู่บนเก้าอี้สีฟ้าข้างๆ ออนเซน แล้วจัดการเขียนโปสการ์ดจนเสร็จจึงใส่รองเท้าเตรียมจรลีต่อ



บรรยายรูป
ashiyuu ออนเซนสำหรับแช่เท้า
นั่งแล้วก็เอาเท้าแช่ลงไปร้อนดี



เดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ ตามหลังนักเรียนมัธยมต้นสี่ห้าคนที่คงจะมาทัศนศึกษากับครู เพราะเห็นเดินเก็บลูกไม้ไปตามทางอย่างสนุกสนาน เส้นทางชมธรรมชาติตัดผ่านไปกลางป่าโปร่งที่เต็มไปด้วยต้นเฟิร์น มองแล้วคิดถึงเขาใหญ่มากไทยจริงๆ

เดินไปได้สักห้าร้อยเมตร ก็เจอป้ายปักบอกทางชี้ไปยังบ่อโคลนเดือด อืม...อีกครึ่งทาง

ฉันแวะนั่งชมธรรมชาติอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่จัดวางเอาไว้ เก็บรูปได้สักพักก็ออกเดินต่อ



บรรยารูป
ป่าโปร่งข้างๆ ทาง มีเฟิร์นขึ้นมากมาย


เส้นทางมันร้อนจนต้องเอาเสื้อยีนส์ขึ้นมาคลุมหัว
ไม่ต้องอายใครว่าจะแปลก เพราะไม่มีมนุษย์อื่นนอกจากฉันให้ได้อาย เดินไปอีกจนรู้สึกเริ่มเหนื่อยและร้อนมากขึ้น
จมูกฉันก็ได้กลิ่นกำมะถัน พร้อมกับสายตาเหลือบไปเห็นแผ่นป้ายหินที่เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ฉันอ่านไม่ออกแปลไม่ได้ ก็เล่นเขียนคันจิทั้งหมดอย่างนั้น ฉันเดินเข้าไปเก็บภาพเหมือนเดิม แล้วเริ่มกวาดสายตามองหาบ่อโคลนเดือด
คิดว่ามันคงจะอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ เพราะมีป้ายปักบอกเอาไว้ทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ ว่าห้ามปีนรั้วลงไปข้างล่าง
หรือออกนอกเขตที่รั้วกั้น เพราะหาไม่อาจจะตกลงไปยังบริเวณที่เป็นน้ำร้อนได้ แล้วฉันก็ได้เห็น...โคลนเดือด...

ไม่เชิงว่าเป็นบ่อ เป็นแอ่งมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้ๆ ริมทะเลสาบที่มีสะพานยื่นยาวออกไปบนผิวน้ำ มีน้ำสีโคลนไหลออกมาจากรู มีรอยการเดือดปุดๆ อยู่นิดหน่อย

ยอมรับว่าผิดหวังเล็กน้อย ก็นึกว่ามันจะใหญ่กว่านี้



บรรยายรูป
แอ่งโคลนเดือน เดี๋ยวจะมีภาพซูมให้ดู




เอาไปอีกรูป
ตรงรูนั้นน้ำโคลนเดือดไหลออกมาเรื่อยๆ


ฉันเดินตรงไปยังสะพานไม้แห่งนั้น จัดการถ่ายรูปเสียหน่อยจะได้คุ้ม แล้วก็เดินย้อนไต่บันไดกลับขึ้นมา
กลิ่นกำมะถันยังคงลอยวนไม่จางหาย เดินมาได้นิดเดียวฉันก็เห็นป้ายที่ปักบอกว่าบริเวณนี้คือ บ่อโคลนเดือด
คราวนี้ฉันเกาะรั้วไม้ชะโงกมองลงไปดูข้างล่าง ฉันเห็นมันเดือนปุดๆ อยู่ตรงนั้น...

บ่อโคลนเดือดขนาดใหญ่ของที่นี่ แม้ไม่ใหญ่เหมือนจินตนาการของฉัน แต่ภาพที่มันกำลังเดือดอยู่นั้นก็ทำเอาฉันคิดไปถึงเพชรพระอุมาได้ในทันใด

อ้อ...มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...โคลนเดือด



บรรยายภาพ
บ่อโคลนเดือด ถ่ายลงไปจากข้างบน เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เลย


โคลนเดือดเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากภูเขาไฟ เนื่องจากใกล้ๆ กับ Akan Natural Park มีภูเขาไฟที่ยังตื่นอยู่
ทำให้มีบ่อโคลนเดือดตามธรรมชาติตั้งกระจายอยู่ จากในแผนที่ฉันเห็นมันมีอยู่สามแห่ง และจากภูเขาไฟที่ยังตื่นอยู่นั้น ทำให้บริเวณนี้มีออนเซนอย่างที่เห็นผ่านๆ มาแล้วนั่นเอง

ฉันจ้องมองบ่อโคลนเดือดอย่างเสียดาย เพราะอยากจะปีนลงไปดูใกล้ๆ ให้เห็นชัดๆ นึกอยากจะพกไข่ไก่มาด้วยสักฟอง แล้วจะลองเอาหย่อนลงไปในบ่อโคลน อยากดูว่าเวลามันสุกแล้วจะอร่อยแค่ไหน



บรรยาภาพ
บ่อโคลนเดือด บริเวณที่เดือด ภาพจากข้างบนซูมเข้าไป



ผละจากบ่อโคลนเดือดฉันก็เดินมาถึงทางแยก ป้ายชี้บอกไปทางขวามือว่าเป็นศูนย์นิเวศวิทยา ประมาณสามร้อยห้าสิบเมตร และลูกศรที่ชี้ตรงขึ้นไปยังบันไดขั้นเล็กๆ หลายสิบขั้นที่จะนำไปสู่เส้นทางชมป่า (Mori no komichi) ระหว่างทางหนึ่งกิโลเมตรที่ปลายทางจะเป็นศูนย์นิเวศวิทยาเช่นกัน

ฉันเหลือบดูนาฬิกา ยังมีเวลาอีกนานกว่ารถบัสจะออก
ฉันเลยตัดสินใจปีนบันไดสูงหลายขั้นตรงหน้าขึ้นไป


ป่าสองข้างทางก็ยังเป็นป่าโปร่งเหมือนเดิม ทุกร้อยเมตรจะมีป้ายปักบอกเป็นตัวเลข 1 ไปจนถึง 16 (ถ้าฉันจำไม่ผิด ดันลืมจดมา -_-‘) และตรงป้ายหมายเลขนั้นบางแห่งก็จะมีเขียนอธิบายลักษณะของป่าเอาไว้ ต้นไม้ต่างๆ ลักษณะแปลกๆ ของพวกพืชกาฝากที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ซึ่งมีเขียนทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ เดินมาจนครบทุกหมายเลขป้ายก็เริ่มเปลี่ยนเป็นต้นอักษรภาษาอังกฤษ ที่เริ่มด้วย A
พร้อมกับป้ายบอกทางแยกไปยังที่อื่นอีก แต่ฉันตัดสินใจที่จะเดินตรงไปยังศูนย์นิเวศน์ฯ แล้วล่ะ ก็ท้องมันร้องออกขนาดนี้ เที่ยงกว่าแล้วตั้งแต่เช้ามีไอศกรีมตกลงท้องไปแค่โคนเดียว

เดินไปได้อีกห้านาทีก็เจอกับศาลเจ้าเล็กๆ สีขาว ฉันเดินตรงเข้าไปไหว้ขอพรให้เรียนจบ ^^’’ แล้วก็เดินจากมา
เพื่อที่จะพบกับศาลเจ้าที่ใหญ่กว่าเมื่อครู่ หากคราวนี้เป็นสีแดงมีซุ่มประตูสีแดงเรียงราย ทอดตรงไปยังบันไดสำหรับเดินลงไปข้างล่าง ฉันเข้าไปไหว้สักการะพร้อมด้วยขอพรข้อเดิม ก่อนจะเดินลอดซุ้มประตูจากไป



บรรยาภาพ
ป้ายบอกรายละเอียดระหว่างทาง

บอกถึงต้น Katsura ต้นไม้ที่ชาวไอนุจะตัดมาทำเป็นเรือแคนู ตัดมาทั้งต้นแล้วก็ขุดเจาะทำเป็นแคนู



ศาลเจ้าขาว



ศาลเจ้าแดง

ศูนย์นิเวศวิทยาตั้งอยู่เดี่ยวๆ ท่ามกลางเปลวแดดที่แผดเผา
ฉันยืนตัดสินใจว่าจะเข้าไปชมดีมั้ย หากแล้วป้ายที่เขียนติดอยู่หน้าศูนย์ฯ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ฉันตัดสินใจได้ คันจิตัวนั้นฉันจำได้ มันเขียนว่า...ฟรี

ฉันไม่รั้งรอที่จะเดินตรงเข้าไปทันที ภายในศูนย์เย็นฉ่ำด้วยแอร์คอนดิชั่น มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับนิเวศวิทยาอยู่มุมหนึ่ง เดินสำรวจดูรอบๆ ด้วยความเพลินเพลิด ก่อนจะเดินจากมาโดยไม่ได้ถ่ายรูปมาสักใบ เพราะอะไรก็ไม่รู้ไม่เข้าใจตัวเอง


จัดการปากท้องตัวเองด้วยอาหารบุฟเฟ่ต์ในโรงแรม เดินไปเอากระเป๋าที่ฝากทางเรียวกังไว้ เดินตรงไปยังสถานีขึ้นรถบัส ซื้อตั๋วด้วยความรู้สึกผิดนิดๆ เพราะตอนขามามันเป็นอีกราคาหนึ่งที่ถูกกว่ากันเป็นเท่าตัว (ไม่ได้โกงนะ แต่ไม่รู้...แค่นั้นเอง) วางกระเป๋ากองไว้บนเก้าอี้แล้วก็เดินกลับไปดูร้านค้าอีกรอบ เพราะอยากจะไปซื้อมาริโมะเพิ่มอีกสักลูกสองลูก แต่ในที่สุดก็ตัดใจเมื่อกระเป๋าตังค์มันเบากว่าตอนขามามากๆ แล้ว

ใกล้เวลารถออกฉันเลยเดินย้อนกลับไปที่เดิม เดินแบกกระเป๋าขึ้นรถบัสเก่าๆ ที่มาจอดรอ นั่งเพียงไม่นานรถก็เริ่มเคลื่อนออก คุณลุงคนขับรถเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดเครื่องเล่นเทป เสียงเพลงสมัยเก่าที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ
Akan Natrual Park และ Marimo ก็ดังขึ้นในขณะที่ฉันค่อยๆ หลับตาลง



บรรยายรูป

สินค้าแกะสลักของร้านค้าแถวๆ นั้น
เป็นสินค้าที่มีชื่อของที่นี่ค่ะ



Create Date : 16 มิถุนายน 2548
Last Update : 23 สิงหาคม 2548 19:34:42 น. 8 comments
Counter : 975 Pageviews.

 
เด็กทะเลจ๋าาา แมวปิลาร์นะ
สบายดีไหม ยังอยู่ญี่ปุ่นสินะ ไม่ได้คุยตั้งนาน

วันนี้เหนื่อยๆ ขี้เกียจๆ เลยมาเที่ยวทักเพื่อนเก่า
แล้ววันหลังจะมาอีก

อ้อ ของลิงคืไปด้วยนะ จะได้มาง่ายหน่อย


โดย: gata วันที่: 16 มิถุนายน 2548 เวลา:16:02:16 น.  

 
sawasdeeka k.aom
จำ pinny ได้เปล่าช่วงนี้เป็นไงบ้าง สบายดีเปล่า pinny ยังคิดถึงคุณอ้อม แล้วยังอยากอ่านนิยายคุณอ้อมอยู่นะ เมือไหร่จะมีผลงานออกมาอีก ยังติดตามเป็น fanclub dektalae อยู่นะคะ bye..bye pinny miss dektalae


โดย: pinny IP: 202.93.60.66 วันที่: 2 กรกฎาคม 2548 เวลา:11:46:07 น.  

 
มาเยี่ยมค่ะพี่อ้อม


โดย: PoR IP: 203.151.140.123 วันที่: 2 กรกฎาคม 2548 เวลา:16:26:29 น.  

 
สบายดีนะคะพี่อ้อม
ตอนนี้ทำไรอยู่เอ่ยไปละบายๆๆๆ


โดย: ณัฎฐกมล IP: 61.90.112.96 วันที่: 3 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:11:06 น.  

 
ตามพี่อ้อมมาถึงเวปนี้เลย หุ หุ สบายดีหรือเปล่าคะ จะมีผลงานเรื่องใหม่เมื่อไหร่อ่า คิดถึ้ง คิดถึงๆๆๆๆ (จริงๆ นะ เวอร์เป่าเนี่ย) ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
ฝากความคิดถึง 'มาร์ค' ด้วยนะ บอกว่า "อยากมีแฟนอย่างนี้จริงๆ เล้ย" (หาได้ที่ไหนอ่ะ จะได้ไปหาบ้าง เลิกกับลูกชุบเมื่อไหร่ ดาวรออยู่นะจ๊ะ 55555)


โดย: nuna'dao IP: 203.151.140.116 วันที่: 7 กรกฎาคม 2548 เวลา:10:13:51 น.  

 
เก็บตัวอย่างเสร็จหรือยังค่ะ ดูเว็บนี้แล้วพี่อ้อมเก่งจัง ทำได้ดีทุกอย่างเลยนะ....

คิดถึงค่ะ รอผลงานอยู่...


โดย: ปลากัด IP: 202.44.130.23 วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:17:51:51 น.  

 


อยากไปด้วยๆๆๆๆๆอ่ะค่ะ...

เหอะๆๆ เห็นคนเที่ยวไม่ได้เลยสิน่า...


@^_____________^@



โดย: p_jung (P_JUNG_PIGLET ) วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:14:45:10 น.  

 


โดย: พดพะพ IP: 203.158.177.3 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:12:36:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลิปิการ์
Location :
ตอนใต้ Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการนำรูปภาพ และบทความงานเขียน รวมทั้งข้อความต่างๆ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดในบล็อกแห่งนี้ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add ลิปิการ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.