เปิดห้องคุยสบายๆสไตล์หนุ่มร้อยปี (4/1)
เมื่อวานนี้ (11 ตุลาคม 2559) เขียนเล่าเรื่องการสะสมหนังสือไปตอนหนึ่งแล้ว คิดว่ายังมีเรื่องน่าเล่าให้อ่านกันอีก วันนี้จึงมาเขียนให้อ่านกันอีกตอนหนึ่ง ถ้ายังไม่ครบถ้วนกระบวนความก็จะเขียนตอนต่อไปให้อ่าน จนกว่าจะหมดเรื่องราวที่จะเขียน หรือจนกว่าจะนึกเรื่องอะไรไม่ออก
ผมจำได้ว่าหนังสือเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตผม เมื่อตอนที่ผมเรียนชั้นประถมปีที่ 4 ประมาณ พ.ศ. 2492 โรงเรียนประชาบาลบ้านบางม่วง หมู่ที่ 8 ตำบลบางช้าง อำเภอสามพราน นครปฐม มีครูประจำชั้นที่มาใหม่ชื่อ ครูสมบัติ มาสมบูรณ์ ครูท่านนี้เป็นนักอ่านหนังสือ และยังเอาหนังสือที่ท่านมีมาให้นักเรียนในชั้นอ่านด้วย หนังสือที่ผมอ่านตอนนั้คือคือ หนังสือเทพนิยาย นิทานแสนสำราญ แต่งโดย เสรี เปรมฤทัย ราคาขายหน้าปกเล่มละ 1 บาท นับว่าแพงมากนะสมัยเมื่อ 67 ปีมาแล้ว
เสมือนเป็นยาเสพติดสำหรับผมที่ได้อ่านหนังสือเหล่านี้ ที่นี้จะทำยังไงเพราะคุณครูท่านไม่ได้เอาหนังสือมาให้อ่านบ่อยๆ เหมือนผมจะโชคดีที่ผมรู้จักคนใกล้บ้านคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงอายุมากกว่าผม ที่บ้านของเธอมีหนังสืออยู่สองสามตู้จำนวนประมาณร้อยกว่าเล่ม นัยว่าเป็นของพี่ชายเธอที่รับราชการอยู่กรุงเทพ หนังสือเหล่านี้เป็นหนังสือประเภทสารคดี ที่จำได้เป็นหนังสือแต่งโดย พล.ต.หลวงวิจิตรวาทการ เป็นหนังสือสารคดีประเภทจิตวิทยา ที่เป็นหนังสือประเภทนวนิยายก็มีบ้าง เช่น พานทองรองเลือด เป็นต้น แต่ผมไม่ค่อยชอบอ่านมากนัก ผมอ่านหนังสือเกือบทุกเล่มที่บ้านนี้ ยอมรับว่าอ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็อ่านไปเพราะใจมันชอบอ่านหนังสือเสียแล้ว
จากการเป็นนักอ่านหนังสือ(ฟรี)ก็พัฒนามาเป็นนักซื้อหนังสืออ่าน ช่วงนี้เรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนนาคประสิทธ์ ซึ่งอยู่ใกล้ตลาดสามพราน มีร้านขายหนังสืออยู่เพียงร้านเดียว เจ้าของร้านชื่อ ตาบัว ผมเริ่มซื้อหนังสือชุดแรกๆเป็นหนังสือชุดสามเกลอ พล นิกร กิมหงวน แต่งโดย ป. อินทรปาลิต หนังสือชุดสามเกลอเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมจากนักอ่านในสมัยนั้นมาก ต่อมาก็ชุดเสือทั้งหลาย เช่น เสือดำ เสือใบ เสือฝ้าย เสือมเหศวร ผู้แต่งก็คือ ป.อินทรปาลิต เช่นเดิม
รวบรัดตัดความผมก็กลายเป็นนักซื้อหนังสือไปตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยม เมื่อทำงานมีรายได้ประจำแล้วยิ่งซื้อหนังสือมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นหนังสือประเภทสารคดี ประวัติศาสตร์ นิตยสาร ฯลฯ ซื้อมาถึงยุคหนังสือประเภท How To ซึ่งได้รับความนิยมในยุคประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา
มาหยุดซื้อหนังสือโดยสิ้นเชิงเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เพราะสายตาเริ่มมีปัญหาอ่านหนังสือไม่ค่อยชัด และหนังสือที่ซื้อสะสมมาก็มีหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน หรืออ่านยังไม่จบ
หลายปีที่ผ่านมาแม้ผมจะหยุดซื้อหนังสือแล้ว ผมก็ยังได้รับหนังฟรีปีละหลายเล่ม เป็นหนังสือที่น่าสนใจและน่าอ่านมาก อาทิ โอวาทสี่ ของท่านเหลี่ยวฝาน นิตยสารของหน่วยงานต่างๆ เช่นหอภาพยนตร์ ฯลฯ เป็นต้น
เจอบล็อกนี้โดยบังเอิญ ชอบตรงที่ชอบอ่านหนังสือค่ะ
เพราะตัวเองก็เริ่มอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก แม่สะสมหนังสือ
ไว้มากมายเต็มบ้าน ลูกๆก็เลยติดนิสัยชอบอ่านไปด้วย พอโต
มีงานทำมีเงินเดือนแล้ว ก็เริ่มสะสมหนังสือ จนเดี๋ยวนี้มีหลายตู้
ตู้แล้ว บางเล่มก็อ่านแล้วอ่านอีกไม่รู้กี่ครั้ง ความที่อ่านหนังสือ
มากโดยไม่เลือกประเภท ทำให้นึกอยากเขียนกับเขาบ้าง เอา
เวลาว่างหลังเลิกงานมาเขียนนิยายบ้าง ไดอารี่บ้าง มีความ
สุขกับการเขียนและอ่านค่ะ ดีใจที่ได้พบคนชอบอ่านหนังสือ
เหมือนกัน