กรุงเทพมหานคร
เหลือเวลาอีกไม่เกิน 24 ชั่วโมง กรุงเทพมหานครก็จะมีผู้ว่าราชการคนใหม่ หลังจากที่ผู้ว่าฯคนเดิมครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี วันนี้คนกรุงเทพฯหรือจะพูดว่าคนในประเทศไทยก็ไม่ผิด กำลังลุ้นกันอยู่ว่าใครจะมาวินเข้าเส้นชัยขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ว่าราชการคนใหม่ของกรุงเทพฯ ถ้าจะนับกันตั้งแต่ผู้ว่าฯคนแรกคือ ท่านชำนาญ ยุวบูรณ์ หรือที่สมัยนั้นนิยมเรียกตำแน่งผู้ว่าฯว่า "หลอดแมร์" คนใหม่นี้ก็จะเป็นคนที่ 15
แต่เนื่องจากตำแหน่งนี้มีการแต่งตั้งสลับฉากกันอยู่บ้างเป็นบางช่วง ฉะนั้นถ้าจะนับกันตั้งแต่ผู้ว่าคนแรกที่มีการเลือกตั้งคือ ท่านธรรมนูญ เทียนเงิน คนใหม่นี้ก็จะเป็นคนที่ 6 จากผู้สมัครจำนวน 16 คน แข่งขันกันมาอย่างดุเดือดเลือดพล่านเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน เหลือผู้สมัครที่สามารถเข้าโค้งสุดท้ายได้เพียง 4 ท่านเท่านั้นคือ
หมายเลข 2 นายประภัสร์ จงสงวน
หมายเลข 5 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน
หมายเลข 8 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์
หมายเลข 10 ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผมมีข้อสังเกตุเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับผู้สมัครผู้ว่าฯ ดังนี้
นโยบาย ผู้สมัครฯที่เข้าโค้งสุดท้ายทั้ง 4 ท่าน มีนโยบายในการหาเสียงค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน โดยเน้นนโยบายหลักๆเกี่ยวกับปัญหาการจราจร การขนส่งมวลชน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ลฯล
ส่วนปัญหาที่ไม่ค่อยมีใครเอ่ยถึงคือ ปัญหาเด็กวัยรุ่น การศึกษา ศิลปะ ศาสนาและวัฒนธรรม ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตคนเมืองกรุง ปัญหาคนเร่ร่อนไร้ที่อยู่ ลฯล
ภาพลักษณ์ของผู้สมัคร มีผู้สมัครหลายท่านในจำนวน 16 ท่าน ไม่มีใครรู้จักว่ามาจากไหน เคยมีประสบการณ์ทำงานที่เด่นๆเรื่องอะไร บางคนก็ขายภาพลักษณ์ลักษณะของแม่ค้าขายเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ อวดความร่ำรวยมั่งมี มีอยู่ท่านหนึ่งอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์บัญชาให้มาสมัคร และไม่ยอมออกหาเสียง อ้างว่าเบื้องบนจะให้คะแนนเอง มีอยู่สองสามท่านแสดงภาพลักษณ์เป็นคนจริง ดุ และไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น
ผมเคยทราบมาว่าในประเทศอเมริกา เขาเน้นเรื่องภาพลักษณ์มาก ถึงขนาดจ้างคนมืออาชีพมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ เรียกว่า Image Manager งบประมาณค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นคือค่าสมัคร ที่ปรับจำนวนจาก 5000 บาท เป็น 50000 บาท และค่าใช้จ่ายในการอัดรูปจำนวนมากประกอบการสมัคร ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการหาเสียง ค่าพิมพ์โปสเตอร์ติดตามที่ต่างๆ ลฯล สรุปแล้ว ผู้สมัครที่มีเงินน้อยนับว่าเสียเปรียบผู้สมัครที่มีเงินมาก
แวะมาเจิมบอกว่าแม้ผู้คนในเมืองหลวงจะพากันเบื่อหน่าย
ไม่รู้จะเลือกใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพราะยังไม่มีตัวเลือกที่ดีพอ
แต่ถ้าในมองในมุมที่ว่าไม่มีจังหวัดไหนในประเทศไทย
ที่พลเมืองมีสิทธิ์ในการเลือกผู้บริหารโดยตรงเช่นนี้
นอกจากเมืองพัทยา
ที่เป็นเขตการปกครองเฉพาะสามารถเลือกนายกเมืองได้
ที่มาจากการเลือกตั้ง
ดังนั้น คนเมืองกรุงต้องรู้สึกภาคภูมิใจและไปใช้สิทธิ์กันให้เต็มที่
ในวันอาทิตย์พรุ่งนี้
วันที่ 5 ตุลาคม เข้าคูหากาคนที่เบื่อน้อยที่สุดก็แล้วกัน ???
รู้สึกอิจฉากันอยู่ไม่น้อย
ที่ได้พ่อเมืองมาจากการเลือกตั้งโดยมหาดไทย
หาใช่มาจากเลือกตั้งโดยประชาชน
เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างยิ่งของระบบประชาธิปไตย
มีแล้วต้องใช้และหวงแหน
เลือกตั้งกันแบบ 100 % อย่างนี้แหละ
แต่นักวิเคราะห์ขอบเวทีการเมืองท้องถิ่นบอกว่า
เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. งวดนี้
คนตื่นตัวสุดขีดในช่วง 2-3 วันสุดท้ายนี่เอง
ที่ทำให้ข่าวการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เป็นข่าวพาดหัวใหญ่ นสพ.
ทำให้คนไม่ลืมว่าต้องไปเลือกตั้ง
พรุ่งนี้วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 8 โมงเช้าถึง 3 โมงเย็น
เข้าคูหากาคนที่คุณเบื่อน้อยที่สุดนะคะ