# 13 :: Half Blood Blues : Esi Edugyan :: [RBC 2014] :: Half Blood Blues : Esi Edugyan :: หนังสือเล่มนี้เล่าผ่านสายตาของ Sid นักดนตรีเพลงแจ๊สผิวดำชาวอเมริกกัน ผู้ไปทำมาหากินที่เยอรมนีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องตัดสลับเล่ากับตอนที่เขาอายุได้ 80 กว่าปี ในปี 1992 นี้เอง Sid ถูกเพื่อนในวงอีกคนหนึ่ง Chip ที่ร่วมชะตากรรมหนีสงครามในสมัยก่อน ชวนไปปรากฏตัวที่เทศกาลเพลงที่จัดขึ้นที่เบอร์ลิน หลังจากสงครามเย็นยุติลง ตอนแรก Sid ไม่อยากไป แต่ต้องเปลี่ยนใจเพราะ Chip บอกว่า เพื่อนอีกคนในวงหรือ Hiero ยังไม่ตาย ขณะนี้อาศัยอยู่ที่โปแลนด์ พวกเขาอาจใช้โอกาสนี้กลับไปพบเจอเพื่อระลึกถึงความหลัง ซึ่งมันคือสิ่งที่ Sid หวาดกลัวที่สุด เพราะเขาต้องเผชิญกับความรู้สึกผิดมาเกือบตลอดชีวิต หลังจาก Hiero ถูกทหารจับตัวไป เนื่องจาก Sid คิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง ในปี 1939 ก่อนสงครามจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ วงดนตรีเพลงแจ๊สที่ประกอบไปด้วยคนผิวดำ เยอรมัน และยิววงนี้ ต้องยุติการแสดงและวันหนึ่งต้องหนีตายจากการตามล่าของทหาร คนผิวดำถือว่าเป็นพวกไม่บริสุทธิ์ ต้องถูกเกณฑ์ไปเข้าคุกเช่นเดียวกับพวกยิว ซึ่งขณะนั้น เพื่อนคนยิวในวงถูกจับตัวไปแล้ว ทำให้ที่เหลือต้องหนีตายไปยังปารีส โดยการช่วยเหลือจาก Delilah นักร้องเพลงแจ๊สหญิงที่มาเชิญพวกเขาไปปารีสเพื่ออัดแผ่นเสียงพอดี  Sid กับ Chip เป็นคนอเมริกัน ออกนอกเยอรมนีไม่ยาก แต่ Hiero เป็นลูกครึ่งเยอรมันผิวดำ ต้องทำพาสปอร์ตปลอมเพื่อหนีกันไป อย่างไรก็ดี เหลือกันเพียงสามคนนี้ที่หนีไปปารีสได้สำเร็จ ส่วน Delilah เดินทางไปก่อนหน้าแล้ว ที่ปารีส พวกเขาได้พบกับ Louis Armstrong นักร้องนักดนตรีแจ๊สในตำนาน และยินดีให้อัดแผ่นเสียงด้วย แต่ Sid คนเดียวไม่ได้โอกาส เหตุนี้ทำให้เขาเกิดความอิจฉา Hiero ขึ้นมาก หลังจากที่ทุกคนเอาแต่ชื่นชมในพรสวรรค์ของเด็กคนนี้ ทว่าเมื่อสงครามปะทุขึ้น ทหารเยอรมันบุกกรุงปารีส การอัดแผ่นเสียงก็เป็นอันล้มเลิกไป Sid จึงแอบสะใจอยู่ไม่น้อย  อย่างไรก็ดี ตอนนั้นสิ่งที่ทุกคนต้องทำคือ หาทางหนีไปอเมริกาให้ได้ โดยต้องหาวีซ่า ซึ่ง Delilah ช่วยไปซื้อวีซ่าจากตลาดมืดจนได้ ยกเว้นของ Hiero ระหว่างรอนี้ Hiero กลับเกิดความอยากที่จะบันทึกแผ่นเสียงเอง โดยไม่มี Louis และดึงตัว Sid มาทดแทนคนที่ขาดไป ทว่ายังไม่ทันได้อัดเพลง วีซ่าของHiero ก็มาส่งเสียก่อน Sid เป็นคนเห็นคนแรกและพบว่าวีซ่าของ Hiero กลับแสตมป์ว่าเขาต้องไปสวิตส์ ด้วยความที่ Sid อยากอัดแผ่นเสียงให้เสร็จก่อน ก็เลยซ่อนวีซ่าของ Hiero ไว้ ยื้อเวลาจนในที่สุดก็เกิดเหตุ Hiero ถูกทหารนาซีจับตัวไป ตัดมาในปี 1992 ทั้ง Sid และ Chip เดินทางไปโปแลนด์ต่อหลังจบเทศกาลเพลง เพื่อตามหา Hiero และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ก่อนบอกความจริงนั้น Sid อัดอั้นตันใจอยู่นาน แต่ในที่สุดก็จบที่ว่า Hiero ให้อภัยเพื่อนนั่นเอง เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก ตอนจบก็กลวงๆ ไปนิด แต่พล็อตทำนองที่ว่า ทำผิดแล้วต้องอยู่กับความสำนึกผิดมาค่อนชีวิตนี้ ก็กินใจไม่น้อย เสียดายว่าน่าจะทำให้เรื่องซับซ้อนกว่านี้หน่อยจะดีมาก เพราะอ่านแบบที่รู้ตอนจบอยู่แล้ว มันทำให้ไม่สนุกเท่าที่ควร อีกอย่างคืออ่านแล้วไม่ค่อยลื่น เพราะผู้เขียนใช้ตัวละครเล่าเรื่องในลักษณะบุรุษที่ 1 แถมยังใช้สำนวนและการผูกประโยคแบบคนผิวดำ กว่าจะชินกับภาษาแบบนี้ก็ปาเข้าไปครึ่งเล่ม ดีที่ไม่ยาวมาก ไม่งั้นก็คงอัดอัดตายกว่าจะอ่านจบ  สำหรับชื่อเรื่องนี้ เอามาจากชื่อเพลงเอกของวงผิวดำวงนี้ และน่าจะแฝงนัยไปถึง Hiero ผู้ซึ่งเป็นลูกครึ่งเลือดผสมด้วย ความชอบ:  ครึ่ง Edugyan, E. (2011). Half Blood Blues. London: Serpent's tail. Reading Bingo Challenge 2014 เล่มนี้จับยัดลงช่อง "A book with a blue cover" อาจมีสีแดงในตัวหนังสือแถมมานิดหน่อย แต่ก็ถือว่าใส่ช่อง "ปกสีฟ้า" ได้ละกัน เพราะแถมคำว่า blue(s) มาในชื่อเรื่องด้วย ถึงคำนี้จะหมายถึงสไตล์เพลง ไม่ได้หมายถึงเฉดสีก็เถอะ ;-p #1 [A best-selling book] : Angels and Damons by Dan Brown #2 [A book based on a true story] : Gweilo - A Memoir of a Hong Kong Childhood by Martin Booth #3 [A second book in a series] : Child of All Nations by Pramoedya Ananta Toer #4 [A book with a blue cover] : Half Blood Blues by Esi Edugyan   Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2557 6 comments Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2557 15:08:47 น. Counter : 842 Pageviews. Share Tweet

น่าอ่านจังค่ะ แปะหัวใจให้นะคะ   โดย: หวานเย็นผสมโซดา 15 กุมภาพันธ์ 2557 20:34:31 น.

ขอบคุณครับ ไปแปะคืนให้แล้ว   โดย: Boyne Byron 16 กุมภาพันธ์ 2557 13:23:19 น.

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อ่านแนวเศร้าๆแบบนี้เลยครับ แต่น่าอ่านอยู่นะครับเล่มนี้   โดย: ปีศาจความฝัน 17 กุมภาพันธ์ 2557 15:13:35 น.

เล่มนี้ไม่เชิงเศร้าเท่าไหร่นะฮะ หรือไม่อินกะชะตากรรมตัวละครก็ไม่รู้ แอบสมน้ำหน้าอยู่บางที เพราะพฤติกรรมพาจนเอง   โดย: Boyne Byron 18 กุมภาพันธ์ 2557 10:47:41 น.

อ่านได้ก็เก่งมากนะคะเนี่ย ขนาดภาษาอ่านยากค่ะ อ่านรีวิวแล้วชอบนะคะเรื่องแนวนี้ ไม่หนักเกิน   โดย: Sab Zab' 19 กุมภาพันธ์ 2557 18:35:47 น.

จริงๆ เรื่องนี้อ่านจบแล้วพอมองย้อนไปดูพฤติกรรมตัวละคร รู้สึกแต่ละคนติสต์แตกมาก อารมณ์ติสต์แตกต่างๆ นี่เอง พาตัวเองจน   โดย: Boyne Byron 20 กุมภาพันธ์ 2557 9:40:29 น.