Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
232425262728 
 
13 กุมภาพันธ์ 2557
 
All Blogs
 

# 12 :: Child of All Nations : Pramoedya Ananta Toer :: [RBC 2014]









:: Child of All Nations : Pramoedya Ananta Toer ::




นี่คือเรื่องราวต่อเนื่องมาจาก This Earth of Mankind ซึ่งอ่านไปก่อนหน้านี้ เล่มนี้ติดตามชีวิตของ Minke ลูกชายของชนชั้นปกครองพื้นเมือง หรือ Bupati มีฐานะเป็น raden mas (ระเด่นที่เรารู้จักกันดีในวรรณคดีไทย) Minke ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนชาวดัชท์ ในสมัยที่อินโดนีเซียตกเป็นดินแดนในการปกครองของเนเธอแลนด์ เรื่องราวของเขานี้เกิดขึ้นราวปี 1890 เป็นต้นไป 

จากเล่มที่แล้ว Annelies ภรรยาวัยสาวของ Minke ถูกพี่ชายต่างพ่อซึ่งเป็นคนดัชท์ใช้สิทธิ์ในการปกครองยึดตัวให้เดินทางไปเนเธอร์แลนด์ หลังจาก Mellema พ่อของเธอตายไป แม่ซึ่งเป็นเพียงหญิงพื้นเมือง หรือ Native (แม้ว่าจะ self-educated) ก็ไม่มีสิทธิ์ในฐานะแม่ตามกฏหมายดัชท์ Minke เองก็ทำอะไรไม่ได้ กฎหมายอิสลามก็ไม่สำคัญเท่ากฎหมายคนขาว เขาทำได้เพียงใช้ปากกาต่างอาวุธ เขียนบทความภาษาดัชท์ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความอยุติธรรมของกฎหมายผู้ปกครอง

ส่วนเรื่องราวในเล่มนี้ เปิดมาก็พบกับความเศร้า Annelies ที่เดินทางไปเนเธอร์แลนด์นั้น สุดท้ายก็ตรอมใจตายโดยไม่มีคนสนใจ กระทั่งพี่ชายต่างแม่ซึ่งเป็นผู้ปกครอง นอกจากนั้น ในเล่มนี้ยังเพิ่มประเด็นที่ทำให้ Minke ต้องขบคิดเพิ่มมากขึ้น เมื่อเพื่อนนักหนังสือพิมพ์ Kommer ลูกครึ่งอินโดฯ ท้าทายให้ Minke เขียนถึงความอยุติธรรมเป็นภาษามาเลย์ (ซึ่งถือเป็นภาษาใช้สื่อสารระหว่างชนชั้น ภาษาชวาใช้แต่กับคนพื้นเมือง ภาษาดัชท์ใช้แต่เฉพาะชนชั้นปกครอง ถ้าจะพูดข้ามชั้นกันจะใช้มาเลย์เป็นภาษากลาง) Minke ปฏิเสธความคิดนั้น Kommer จึงท้าทายไปอีกว่า Minke ไม่รู้จักคนชวาของตัวเองอย่างถ่องแท้ เสียดายที่ร่ำเรียนมาสูง

อย่างไรก็ดี Minke ได้มีโอกาสเรียนรู้ชีวิตของชาวบ้านมากขึ้น เมื่อเดินทางไปบ้านเกิดของ Nyai หรือแม่ของ Annelies ซึ่งเริ่มสนิทกันมากขึ้นหลังการตายของลูกสาว ที่นั่น Minke ได้พบการกดขี่ของผู้ปกครองโรงงานน้ำตาล ชาวบ้านต้องเป็นลูกจ้างปลูกอ้อยเพื่อป้อนสู่โรงงาน ผลิตเป็นน้ำตาล ส่งออกนำกำไรมาสู่ Netherlands Indies (ชื่ออินโดฯ ในสมัยนั้น) และยังได้รับรู้เรื่องราวของหลานสาวของ Nyai ที่ถูกพ่อตัวเองขายให้กับผู้ปกครองโรงงานน้ำตาลชาวดัชท์อีกด้วย 

(เรื่องของ Surati ที่ถูกขายนี้ เกิดจากผู้ปกครองโรงงานถูกใจในความสวยของเธอ  แล้วทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวมาเป็นเมียเก็บ ทั้งข่มขู่คุกคาม Sastro Kassier พ่อของเธอ ซึ่งเป็นสมุบัญชีของโรงงาน วันหนึ่งผู้ปกครองฯ ใช้วิธีขโมยเงินที่จะต้องจ่ายให้ลูกจ้าง แล้วยัดเยียดข้อกล่าวหาให้ Sastro Kassier จนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำยอมเซ็นสัญญาว่าจะยกลูกสาวให้ แล้วผู้ปกครองฯ จะรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมดเอง 

Surati รับรู้ด้วยความนิ่ง หากข้างในคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้น เธอตัดสินใจที่จะยุติปัญหาความยุ่งยากด้วยการยอมเป็นเมียเก็บ พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน และพ่อจะได้ไม่ต้องติดคุก แต่ก่อนที่จะยอมมอบกายให้แก่ผู้ปกครองฯ เธอได้เดินทางลงใต้ไปยังหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งกำลังเกิดโรคไข้ทรพิษ เธอแอบเข้าไปทั้งๆ ที่หมู่บ้านถูกปิดล้อมจากทางการ เพื่อรอให้ชาวบ้านตายหมด แล้วจึงจัดการเผาทิ้งทั้งหมู่บ้าน Surati อาศัยอยู่กับซากศพและความตายได้สองวัน เมื่อมั่นใจแล้วว่าตัวเองติดเชื้อโรคร้าย ก็แอบหนีออกมาอีกครั้ง คราวนี้ทั้งๆ พิษไข้รุมเร้า เธอรีบเดินทางไปหาผู้ปกครองโรงงาน แสร้งว่ายินดีที่ได้เป็นเมียเก็บ ร่วมหลับนอนกับเขาเป็นการแพร่เชื้อและฆ่าเขาทางอ้อม ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาผู้ปกครองฯ ก็ตายลง แต่เด็กสาวรอดมาได้ แต่ก็ต้องแลกด้วยหน้าตาที่อัปลักษณ์เพราะฝีดาษเป็นรอยเต็มตัว)

Minke กลับจากบ้านเกิดของ Nyai พร้อมกับบทความเกี่ยวกับชีวิตของ Surati และ Trunodongso (ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ถูกกดขี่ไล่ที่เพื่อปลูกอ้อย) เขาเอาเรื่องไปส่งให้หนังสือพิมพ์ดัชท์เพื่อลงพิมพ์ แต่ก็ถูกปฏิเสธ และได้พบว่าที่แท้ หนังสือพิมพ์นั้นอยู่ได้ด้วยเงินทุนของเครือข่ายโรงงานน้ำตาล บทความอันใดที่เล็งเห็นว่าจะบ่อนทำลายเสถียรภาพของโรงงานฯ จึงไม่อาจมีโอกาสลงตีพิมพ์เผยแพร่เด็ดขาด 

ในช่วงนี้เอง เกิดการลุกฮือขึ้นของชาวบ้านลูกจ้างโรงงานน้ำตาล แต่ก็ถูกปราบปราม Trunodongso หนีตายออกจากถิ่นมาขออาศัยอยู่กับ Nyai ส่วน Minke ก็อาจถูกกล่าวหาด้วยก็เป็นได้ว่าอยู่เบื้องหลังการลุกฮือ Nyai จึงรีบส่งให้เขาเดินทางไปยัง Betawi (กรุงจาการ์ตาในปัจจุบัน) เพื่อเรียนต่อด้านหมอซึ่งเขาตั้งใจไว้พอดี 

ระหว่างทางเดินเรือเขาได้พบกับ Ter Haar นักหนังสือพิมพ์ชาวดัชท์หัวก้าวหน้า เขาผู้นี้ได้เล่าเรื่องราวปัจจุบันนอกประเทศให้ Minke ฟัง เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ ขณะนั้นญี่ปุ่นกำลังขยายอำนาจมากขึ้น ตีโต้พวกผิวขาว ประกาศศักดาความเป็นคนผิวเหลือง รวมถึงฟิลิปปินส์ก็ปลดแอกตัวเองจากสเปน กลายเป็นสาธารณรัฐแห่งแรกของเอเชียแม้ว่ายังตกอยู่ภายใต้การดูแลของอเมริกาก็ตาม Ter Haar คิดว่าคงไม่นาน Netherlands Indies คงจะดำเนินรอยตาม แต่สิ่งที่ทำให้การลุกฮือขึ้นของคนพื้นเมืองต้องล่าช้าออกไป ก็คือระบบการศึกษาที่ล้าหลัง เพราะคนดัชท์กีดกันมิให้คนพื้นเมืองได้เรียนหนังสือ ไม่เหมือนเจ้าอาณานิคมอื่นๆ ที่ให้การศึกษาแก่คนพื้นเมือง จนเหมือนเป็นอาวุธกลับมาย้อนทำลายเจ้าอาณานิคมเอง

ยังไม่ทันเดินทางถึง Betawi ดีนัก Minke ก็ถูกตามตัวกลับ เมื่อ Nyai ได้รับจดหมายจาก Robert ลูกชายคนโตที่หนีหายไปหลังจากพยายามลอบฆ่า Minke ไม่สำเร็จ (เรื่องเกิดในเล่มแรก) ในจดหมายที่ส่งมาจาก ลอส แองเจลสิส Robert กำลังจะตายด้วยโรคติดต่อจากโสเภณี เขาสารภาพทุกอย่างในจดหมายนั้น รวมไปถึงได้ทิ้งลูกชายติดท้องเด็กสาวรับใช้ที่บ้านไว้ด้วย Nyai รู้เข้าจึงเกิดความหวังว่า ชีวิตของเธอก็ไม่หมดสิ้นไปเสียทีเดียว ลูกของ Robert นี้ย่อมมีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของ Mellema และจากน้ำพักน้ำแรงของเธอเองอีกครึ่งหนึ่งเหมือนกัน

จากนั้น Nyai จึงนำจดหมายไปส่งตำรวจเพื่อคลีคลายคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น คือคดีที่ Mellema ตายในซ่อง จนเป็นเหตุให้ Maurits ลูกที่ Mellema ทิ้งไว้ที่ยุโรปมาทวงสิทธิ์เอาทรัพย์สมบัติตามกฏหมายดัชท์ สุดท้ายคดียุติลงด้วยดี พบว่าเจ้าของซ่องเป็นคนวางยา Mellema เพื่อหวังชักใยเบื้องหลัง Robert อีกทอด ซึ่งเขาหนีไปหลังจากเกิดคดีความ จนไปเสียชีวิตต่างแดนในที่สุด 

ทว่าเรื่องสมบัติยังไม่ยุติ Maurits นัดพบเพื่อพูดคุยกับ Nyai ฝ่ายเจ้าบ้านอย่าง Nyai ไม่มีอะไรจะสู้ นอกจาก "คำพูด" เธอจึงเชิญ Kommer และ Marais (ชาวฝรั่งเศสเพื่อนของ Minke) มาเป็นพยานในการเจรจาครั้งนี้ ตลอดการเจรจา "คำพูด" ที่ Nyai ใช้เป็นอาวุธคือ คำพูดเชือดเฉือน และการกล่าวร้ายว่า Maurits เป็นฆาตกรฆ่า Annelies ทางอ้อม พยานที่เชิญมาก็ช่วยทับถม Maurits ด้วยหลักการทางมนุษยธรรม ทำให้ Maurits ละอายและอดสู จนต้องหนีกลับไปก่อน 

เรื่องจบลงเท่านั้น เพราะมีต่ออีกสองเล่ม (รวมสี่เล่มจบ) ถึงแม้จะเป็นเล่มที่สอง Child of All Nations ก็เล่าเรื่องการกดขี่ของเจ้าอานานิคม และชะตาชีวิตของชาวพื้นเมืองได้อย่างไม่มีที่ติเหมือนเล่มหนึ่ง ประเด็นที่เพิ่มเติมเข้ามาก็เห็นจะเป็นเรื่องทุนนิยมที่ผู้เขียนสื่อว่าเป็นรากเหง้าของการกดขี่ชาวบ้าน และกระแสต่อต้านผู้ปกครองที่เกิดขึ้นตามที่ต่างๆ รอบอินโดฯ (ช่วงนี้น่าจะก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1) คิดว่าประเด็นเหล่านี้คงไปขยายต่อในเล่มถัดไป 

นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว มีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง 

(1) ถึงผู้เขียนจะแสดงให้เห็นชะตากรรมของตัวละครที่ถูกกดขี่ แต่เหมือนผู้เขียนพยายามชี้ให้เห็นบ่อยๆ ว่า ปรัชญามนุษยธรรมที่ชาวตะวันตกพร่ำสอนกันมานั้น ควรเป็นทางออกของการแก้ปัญหา ก็เลยพยายามให้ตัวละครสนทนากันในประเด็นเหล่านี้ค่อนข้างมาก

(2) สังเกตว่าตัวละครที่สร้างขึ้นสะท้อนสังคมของอินโดฯ ในช่วงนั้นในเรื่องการใช้ภาษาด้วย ตัวละครแต่ละตัวเป็นแบบ multilingual กันแทบทุกตัว เช่น Minke พูดดัชท์ ชวา มาเลย์ อังกฤษ Nyai พูดดัชท์ ชวา มาเลย์ มาดูเรส (เกาะมาดูราซึ่งเป็นเกาะหนึ่งใกล้ๆ ชวา) แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของเผ่าพันธุ์ในเกาะชวาและชนนั้นที่ถูกแบ่งแยกชัดเจนจากการใช้ภาษา

ความชอบ: 



Toer, P. A. (c1996, 1984). Child of All Nations, trans. by Max Lane. New York: Penguin. 







Reading Bingo Challenge 2014






เล่มนี้ตกช่อง "The second book in a series" เพราะเป็น "หนังสือเล่มสอง" ในชุด The Buru Quatet ซึ่งประกอบด้วยหนังสือ 4 เล่มด้วยกัน ถ้าคิดว่าไม่ติดอะไร จะอ่านอีกสองเล่มของคุณตาปราโมทยาต่อแน่นอน เพราะเล็งๆ แล้วว่า อีกสองเล่มที่เหลือน่าจะจับยัดลงช่องบิงโกได้อยู่เหมือนกัน


#1 [A best-selling book] : Angels and Damons by Dan Brown
#2 [A book based on a true story] : Gweilo - A Memoir of a Hong Kong Childhood by Martin Booth
#3 [A second book in a series] : Child of All Nations by Pramoedya Ananta Toer








 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2557
6 comments
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2557 15:39:39 น.
Counter : 937 Pageviews.

 

หนังสือชุดนี้ท่าทางเนื้อหาจะหนักน่าดูเลยนะครับ แต่ให้คะแนนเต็มแบบนี้แสดงว่าต้องดีมากแน่ๆ

 

โดย: ปีศาจความฝัน 13 กุมภาพันธ์ 2557 15:30:51 น.  

 

เนื้อหาบีบหัวใจมากครับเวลาอ่านแต่ละที ผมชอบมาก ชอบรสซาดิสม์ของชีวิต

 

โดย: Boyne Byron 13 กุมภาพันธ์ 2557 17:26:47 น.  

 

อ่านไปได้หลายเล่มแล้วนะคะ

แวะมาแปะหัวใจให้ด้วยค่ะ

 

โดย: pichayaratana 14 กุมภาพันธ์ 2557 21:24:15 น.  

 

ขอบคุณครับ แอบไปแปะใจคืนให้เหมือนกัน

 

โดย: Boyne Byron 14 กุมภาพันธ์ 2557 21:28:58 น.  

 

มาไล่ตามอ่านรีวิวค่ะ ดูแล้วเป็นซีรีย์ที่หนักหน่วงเอาการเลยทีเดียวค่ะ

 

โดย: Sab Zab' 19 กุมภาพันธ์ 2557 18:32:16 น.  

 

กำลังอ่านเล่ม 3 อยู่พอดีเลยฮะพี่ฝน

 

โดย: Boyne Byron 20 กุมภาพันธ์ 2557 9:39:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Boyne Byron
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add Boyne Byron's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.