บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 

จิตใจอันแจ่มใส




เมื่อธรรมชาติแห่งจิตใจของเราแจ่มใสอย่างแท้จริงเราจะพบคุณทรัพย์ภายในของเรามากมายอันได้แก่ ความรักอันอบอุ่น ความปลื้มปิติและความนิ่งสงบ เราจะซาบซึ้งกับความสวยงามของชีวิต เราจะรับรู้และสัมผัสประสบการณ์ทุก ๆ ขณะที่ไหลเลื่อนเข้ามาสู่การรับรู้ เราจะเปิดใจสัมผัสและมีความสุขกับมัน การประจักษ์ถึงคุณภาพต่าง ๆ เหล่านี้ภายในตัวเองเป็นความรู้สึกแจ่มใสอันยิ่งใหญ่ซึ่งเราสามารถพบได้

อย่างไรก็ตาม คำถามมีอยู่ว่า เรายินดีและยอมรับความรู้สึกแจ่มใสได้มากแค่ไหน? เราสัมผัสกับความคิดและความรู้สึกอันละเอียดอ่อนลึกซึ้งได้มากแค่ไหน? เราสัมผัสกับธรรมชาติอันดีงามของชีวิตได้แค่ไหน? แม้ว่าหลายครั้งเราจะได้สัมผัสกับความอิ่มเอิบภายใน แต่เรามักจะปิดบังตนเองจากมัน ซึ่งก่อให้เกิดความไม่เป็นสุขอย่างเบาบางขึ้น หลายครั้งที่เราไม่อนุญาตให้ตนเองได้สัมผัสกับความสุขอันแท้จริงเลย เพราะเรารู้สึกผิดบางอย่าง และบางครั้งเราก็ไม่สามารถจะเบิกบานกับความสำเร็จของเราได้อย่างเต็มที่ เพราะเรายังสงสัยและกังวลอยู่

ความรู้สึกเชิงลบเหล่านี้ทำให้เราห่างไกลออกจากเนื้อแท้ของชีวิต และหลงทางไปแสวงหาความอิ่มเอิบจากภายนอก เราถูกชักจูงให้สนใจกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวและเราก็ใส่ใจอยู่กับมันอย่างจดจ่อโดยเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้เรามีความสุข แต่การที่เราใช้พลังงานของเรามุ่งไปภายนอก ทำให้เราพลาดจากกระแสแห่งความรู้สึก กระแสแห่งความคิด กระแสแห่งอารมณ์ และกระแสแห่งการรับรู้ต่าง ๆ หากปราศจากความสำนึกถึงกระแสต่าง ๆ เหล่านี้และความรู้สึกแจ่มใสซึ่งมันได้ให้เรา เราจะรู้สึกต่อประสบการณ์ต่าง ๆ อย่างผิวเผินและตื้น และความใส่ใจของเราจะมีคุณภาพหยาบ ไม่ชัดเจนและไม่ละเอียดลึกซึ้ง แม้เราจะประสบความสำเร็จหลายอย่าง แต่การแยกตนเองออกจากธรรมชาติแท้จริง จะทำให้เราเสียรากฐานที่แท้จริงของชีวิตไป ซึ่งทำให้เราเกิดความรู้สึกหวั่นไหวไม่มั่นคง และเราจะเริ่มรู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่าและไร้ค่า

เมื่อเราไม่สามารถดื่มด่ำกับความอิ่มเอิบจากการรู้จักตนเองอย่างแท้จริง เรามักจะมุ่งหาผู้อื่นหรือสิ่งอื่น เพื่อทำให้เราสบายใจหรือเป็นสุข แต่โดยเหตุที่ว่าเราไม่รู้ว่าเราขาดอะไร เราจึงไม่สามารถชัดเจนในความต้องการที่แท้จริงของเรา ดังนั้นเราจะรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดอยู่เสมอ และยิ่งเราหมกมุ่นและตกหลุมความไม่เป็นสุขมากเท่าใด เราจะยิ่งรู้สึกโกรธ ไม่พอใจและหวั่นไหวมากขึ้น ความสัมพันธ์ต่าง ๆจะมีรสชาติอันจืดชืดและเราจะไม่ทำงานอย่างสุขใจ และด้วยความที่ปราศจากจิตใจอันแจ่มใส เราจึงถูกกักขังไว้ในการขาดความสำนึกตน และถูกดึงดูดให้ตกอยู่ในวงจรของความกังวลและความไม่เป็นสุขอยู่ตลอดเวลา เราจะหมุนวนอยู่อย่างนั้นในการแสวงหาความอิ่มเอิบ แต่เราจะไม่มีทางได้พบมันเลย และการแสวงหาเช่นนี้จะเกิดขึ้นซ้ำซากจนเป็นแนวการดำเนินชีวิต

เรามีชีวิตอยู่ในโลกซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสิ่งนี้กดดันให้เราต้องตามมันให้ทัน เราส่วนใหญ่อาจไม่ต้องการมีชีวิตเช่นนี้ แต่เราต้องยอมรับความกดดันที่สังคมมีต่อเรา ในเบื้องนอกเราอาจจะดูเหมือนว่าเรามีเสรี แต่ภายในจิตใจของเรา เราถูกทำร้ายด้วยความเครียดซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้น เรารีบเร่งร้อนรนจนไม่มีเวลาจะใส่ใจหรือซาบซึ้งในตนเอง จนเราห่างเหินจากคุณภาพอันดีงามของชีวิตและพลังอันมากมายที่มันได้ให้แก่เรา





อุปสรรคของจิตใจอันแจ่มใสจะเกิดขึ้นในวัยเด็ก ในขณะที่เราเป็นเด็กเราจะรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรต่อสรรพสิ่ง และเรามักยินดีที่จะแสดงความรู้สึกนั้นให้ผู้อื่นประจักษ์เสมอ แต่ความกดดันจากครอบครัวและมิตรสหายทำให้เราจำใจต้องรับโลกทัศน์ที่แคบและรับแนวคิดซึ่งคล้อยตามความมุ่งหวังของผู้อื่น เมื่อความคิดและความรู้สึกอันเป็นธรรมชาติของเราถูกยับยั้ง เราจึงเติบโตขึ้นภายนอกอาณาเขตของความรูสึกของเรา และเมื่อนั้นเองที่ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจของเราถูกขัดขวางและถูกทำลายไป เราจึงไม่ตระหนักถึงความรู้สึกอันแท้จริงของเรา เมื่อการกักขังนั้นแข็งแรงและมั่นคงขึ้น โอกาสการแสดงของความรู้สึกต่าง ๆ ก็ลดน้อยหรือหมดไป เราจะพอใจกับการคล้อยตาม และเมื่ออายุมากขึ้นเราก็จะยิ่งยินยอมให้สภาพนี้กำหนดชีวิตของเราเอง และในที่สุดเราก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อตัวเอง

เราจะกลับมาสัมผัสกับตนเองใหม่ได้อย่างไร? เราจะทำอย่างไรเพื่อให้เรามีความรู้สึกเสรีปลอดโปร่งอย่างแท้จริง? เมื่อเราเริ่มมองธรรมชาติภายในของเราอย่างชัดเจน เราจะพบกับความสว่างที่ทำให้เราสามารถจะงอกงามต่อไปได้ ความชัดเจนนี้เองที่เป็นการเริ่มต้นของความรู้แห่งตน และความรู้แห่งตนจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ โดยการสังเกตดูการทำงานของจิตใจและร่างกายของเราอยู่เสมอ

ท่านสามารถฝึกการสังเกตภายในเมื่อไหร่ก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่ โดยการสังเกตและใส่ใจในการเกิดขึ้นและในการเปลี่ยนแปลงของความคิดแต่ละความคิดและความรู้สึกซึ่งผูกพันอยู่กับมัน ท่านจะเห็นถึงอิทธิพลของมันที่มีต่อความคิด ต่อร่างกายแต่อการรับรู้ต่าง ๆ เมื่อท่านทำเช่นนี้ ท่านจะเชื่อมสะพานระหว่างร่างกายกับจิตใจอีกครั้งหนึ่งและจะตระหนักได้ชัดเจนว่าท่านเป็นใคร ท่านจะคุ้นเคยและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติภายในของท่านมากขึ้น ร่างกายและจิตใจของท่านก็จะอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ซึ่งจะก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีคุณภาพ ท่านจะเข้าสู่กระแสแห่งชีวิต กระแสการเรียนรู้ตนเองและความรู้แห่งตนซึ่งท่านได้พบจะส่งเสริมการกระทำอื่น ๆ ของท่านด้วย

เมื่อท่านสังเกตธรรมชาติภายในของท่านอย่างไตร่ตรอง ท่านจะพบว่าท่านได้กักขังตนเองอย่างไร และความรู้สึกแห่งธรรมชาติภายในได้ถูกจำกัดไว้อย่างไร และตอนนี้เองที่ท่านจะสามารถให้ความรู้สึกเหล่านั้นไหลหลั่งออกมา และพลังงานภายในก็จะถูกนำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น เมื่อท่านสงบนิ่ง ซื่อตรง และยอมรับตนเอง ความเชื่อมั่นของท่านจะเกิดขึ้น และท่านจะเรียนรู้วิธีใหม่และแนวทางอันดีงามที่จะรู้จักตนเอง

(มีต่อ)

=============================

คัดจาก "แห่งการงานอันเบิกบาน"

ผู้เขียน : ตาร์ถัง ตุลกู

ผู้แปล : โสรีช์ โพธิแก้ว

ขอขอบคุณองค์ความรู้ทั้งหมดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้







 

Create Date : 12 ธันวาคม 2548
11 comments
Last Update : 12 ธันวาคม 2548 14:56:46 น.
Counter : 497 Pageviews.

 

ก็จริงอะนะที่ความสงสัยกะความกังวลทำให้จิตใจไม่เบิกบาน
ก็ต้องเดินทางสายกลางอะนิ

 

โดย: อินทรีทองคำ 12 ธันวาคม 2548 9:18:13 น.  

 

เค้าบอกว่า ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาให้บอกตัวเองว่า วันนี้แนมีความสุขค่ะ

สดชื่นรับวันจันทร์นะคะ

 

โดย: Batgirl 2001 12 ธันวาคม 2548 9:24:10 น.  

 

แวะมาอ่านบทความดี ดี

 

โดย: บันทึกสีขาว 12 ธันวาคม 2548 9:40:17 น.  

 

วันนี้ตั้งใจอ่านจนจบ
ขอบคุณมากค่า ^^



...

 

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 12 ธันวาคม 2548 10:27:20 น.  

 

บล็อกน่าสนใจมากค่า ขออนุญาตแอดไว้นะคะ ว่างๆจะได้เข้ามาอ่าน

 

โดย: แหนมนินจา (Love_kg4ever ) 12 ธันวาคม 2548 10:56:15 น.  

 

ทำยากจ้า คุณพี่

 

โดย: erol 12 ธันวาคม 2548 14:05:07 น.  

 

เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนเลยอ่ะค่ะ เย็นๆก็ไม่ได้แวะเข้าบล็อค เลยไม่ได้มาเยี่ยม
วันนี้ ใต้ตาดำซะเป็นหมีแพนด้าเลย

 

โดย: Black Tulip 12 ธันวาคม 2548 15:07:47 น.  

 

เมื่อก่อนเป็นคนที่จิตใจฟุ้งซ่าน คิดมากมาย โกรธง่าย (หายเร็วบ้างบางครั้ง) แต่หลังๆๆได้อ่านอะไรมาเยอะ และผ่านอะไรมาบ้าง

ทำให้ตัวเองรู้จักปรับตัว ปรับใจค่ะ

ขอบคุณบทความดีๆๆนะคะ

 

โดย: yadegari 12 ธันวาคม 2548 18:16:52 น.  

 

สวัสดีครับ
บทความของคุณวันนี้ สอดคล้องกับหนังสือที่ผมกำลังอ่านอยู่ เรื่องการตามรู้สภาพจิตน่ะครับ ขอให้มีความสุขเช่นกันครับ

 

โดย: me2you 12 ธันวาคม 2548 21:20:00 น.  

 

สาธุ ..ขอบคุณค่ะ..

"เราจึงเติบโตขึ้นภายนอกอาณาเขตของความรูสึกของเรา และเมื่อนั้นเองที่ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจของเราถูกขัดขวางและถูกทำลายไป "

"เมื่อท่านสงบนิ่ง ซื่อตรง และยอมรับตนเอง ความเชื่อมั่นของท่านจะเกิดขึ้น และท่านจะเรียนรู้วิธีใหม่และแนวทางอันดีงามที่จะรู้จักตนเอง"

หาจิตใจของเราให้พบค่ะ

 

โดย: ป่ามืด 12 ธันวาคม 2548 21:59:57 น.  

 

Image Hosted by ImageShack.us

 

โดย: erol 13 ธันวาคม 2548 1:16:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.