|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
การปรับกระบวนยุทธ์และค้นให้พบจุดอ่อนของการทำงาน
พักเรื่องเหนื่อย ๆ หนัก ๆ มาคุยกันเรื่องการทำงานดีกว่า
หวังว่าประเด็นนี้คงไม่หนักเกินไปที่จะได้แลกเปลี่ยนกันนะครับ
หัวข้อวันนี้คงใช้ได้ทั้งมนุษย์เงินเดือนและเจ้าของกิจการทั้งหลาย
การปรับกระบวนยุทธ์ในที่นี้คือการวางแผนใหม่จากการที่เราพบปัญหาจากการทำงาน
เช่นยอดขายตก กำไรลด ขาดทุน คนทำงานอ่อนล้าเฉื่อยชา กิจการไม่ขยายตัว แข่งขันไม่ได้ ทิศทางที่จะเดินไปสับสน ฯลฯ
ส่วนการค้นให้พบจุดอ่อนของการทำงานคือระบบงานสามารถตรวจสอบความก้าวหน้าของงานได้มากน้อยเพียงใด วิธีคิดวิธีการทำงานของเรามีจุดอ่อนที่ต้องปรับปรุงตรงไหน เช่น ขาดความเด็ดขาด ติดตามหนี้ไม่ได้ ขยายตลาดไม่ออก ไม่มีการทำงานเป็นทีม ขาดการประชุมเพื่อระดมความคิดอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถทำให้กิจการเจริญก้าวหน้าได้ทำให้มีผลต่อเนื่องมายังพนักงานในทุกระดับที่ไม่สามารถปรับขึ้นอัตราเงินเดือนได้ รู้จักสินค้า ลูกค้า และความเปลี่ยนแปลงของตลาดมากน้อยเพียงใด?
โจทย์เหล่านี้เป็นสิ่งที่อาจพบเห็นในโลกธุรกิจที่เป็นจริงในยุคปัจจุบัน หากท่านใดสามารถจัดการได้ดี ความสำเร็จและรายได้ที่ดีก็จะปรากฏผลออกมา แต่ในทางตรงกันข้ามหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน ความล้มเหลวก็จะปรากฏให้เห็น และการที่จะลุกขึ้นยืนใหม่ได้นั้นก็มีแต่การสรุปบทเรียนของตนได้อย่างถูกต้องและอย่างไม่เข้าข้างตัวเองเท่านั้น
แต่ ณ สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ เสียงร้องของผู้ประกอบการทุกกลุ่มคงเห็นตรงกันว่า
รีบ ๆ เลือกตั้ง เสียทีเถอะ หมดเวลาทะเลาะกันแล้ว ปล่อยให้ประชาชนทุกกลุ่มอาชีพได้กำหนดชะตากรรมในชีวิตของเขาบ้างเถอะ ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ !!!!
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
คุณค่าแห่งงาน
ชีวิตทุก ๆ วินาทีเป็นโอกาสของการเรียนรู้ ประสบการณ์ทุกประสบการณ์ที่เราได้พบและได้สัมผัสจะนำความอิ่มเอิบและเพิ่มรสชาติให้แก่ชีวิต เราจะเป็นผู้กำกับการแสดงของละครที่น่าเพลินใจและดีเลิศ และมันขึ้นอยู่กับตัวของเราเองที่จะตระหนักว่า ชีวิตเราทุกขณะจิตได้แสดงออกโดยคุณภาพอันสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจอันบริสุทธิ์ งานซึ่งเป็นเวลาประจำวันของเรา จึงเป็นโอกาสให้เราพัฒนาความสมบูรณ์ให้เกิดขึ้นกับคุณภาพต่าง ๆ อันเป็นธรรมชาติภายใน เพื่อให้ชีวิตอิ่มเอิบและมีความหมาย
หากเราให้พลังงานทั้งหมดของเรา ให้หัวใจและแรงกายทั้งหมดของเราแก่งาน งานจะเป็นรากฐานอันมั่นคงที่เราสามารถจะสร้างชีวิตของเรา และมันเป็นช่องทางที่จะนำความคิดของเราออกมาเป็นการกระทำ งานมักต้องการให้เราทำอะไรบางอย่างเสมอ ดังนั้นมันจึงทำให้เราเกิดความรู้สึกสำเร็จ ซึ่งหาไม่ได้จากแหล่งอื่นเลย ชีวิตจะเต็มไปด้วยความหมายและความสุข เมื่อเรารู้จักทะนุถนอมและเอาใจใส่งาน และเมื่อเราเลือกงานที่ยากแต่ท้าทายและได้กระทำมันอย่างดี
หากงานไม่มีสาระแห่งความเบิกบานเช่นกล่าวนี้ มันอาจเป็นเพราะเราไม่ได้ทุ่มเทพลังงานของเราทั้งหมดและความใส่ใจทั้งหมดแก่มัน การให้คุณค่าแก่งานหมายถึง การที่เราให้พลังอันเต็มที่ของความคิดและหัวใจแก่มัน และโดยการให้คุณค่าแก่งานเราสามารถจะเปลี่ยนแปลงความหงุดหงิดและความเบื่อหน่าย ซึ่งมักจะพบเสมอในการทำงานมาสู่ความปิติสุขได้ การให้คุณค่าแก่งานนี้จะเป็นแรงจูงใจอันใหญ่หลวงที่ทำให้เรากล้าเผชิญกับงานหนักและซับซ้อนด้วยจิตใจซึ่งเปิดกว้างปลอดโปร่ง และความเต็มใจที่จะกระทำสิ่งที่พึงกระทำทุกประการ
การให้คุณค่าแก่งาน การมีความชอบหรือความรักในงาน จะปราศจากความหมาย หากเรามองว่างานเป็นเพียงเครื่องมือหากินเท่านั้น แต่หากเมื่อเรามองว่างานเป็นวิถีที่จะดื่มด่ำและเพิ่มความหมายให้แก่ประสบการณ์ชีวิต พวกเราทุกคนจะเห็นคุณค่าของงานภายในหัวใจตนเอง และจะจุดประกายมันในผู้อื่นรอบ ๆ ตัวเราด้วย และใช้ทุก ๆ แง่ของงานในการเรียนรู้และงอกงาม
ท่านสามารถค้นพบถึงความรู้สึกแห่งความสำเร็จด้วยตนเอง ซึ่งการทำงานได้ให้แก่เรา เมื่อท่านเริ่มต้นทำงานในตอนเช้าอันสดใส ขอให้ท่านใช้เวลาสำรวจงานที่ท่านจะทำในวันนั้น การทำเช่นนี้จะช่วยให้ท่านกำหนดพลังงานของท่านในช่องทางที่ถูกต้องและอย่างตระหนักถึงทิศทางและเป้าหมายอันชัดเจน
ขณะที่ท่านกำหนดงานสำหรับแต่ละวันนั้น พิจารณาด้วยว่างานของท่านต้องการอะไรบ้าง ปล่อยให้ความคิดของท่านคิดกว้าง ๆ แล้วค่อย ๆ เลื่อนมาพิจารณาตัวงานเอง การเลื่อนจากความคิดหลาย ๆ ด้านมาให้ความสนใจอย่างเต็มที่เฉพาะงาน จะช่วยให้ท่านสามารถมีสมาธิหรือสนใจอย่างเต็มที่กับงานแต่ละงาน และจะหนุนให้ทำมันเสร็จก่อนจะเริ่มงานอื่น การทำงานด้วยวิธีเช่นนี้จะขจัดความคิดที่ว่าเราช่างมีงานมากเกินไปหรือไม่มีเวลาทำมันเลย โดยการวางแผนอย่างเหมาะสม และมุ่งมั่นตั้งใจในงานนั้น ท่านจะสามารถทำอะไรได้สำเร็จมากกว่าที่ท่านคาดคิดไว้มาก
ท่านสามารถจะทบทวนความก้าวหน้าของตนเองได้เมื่อแต่ละวันสิ้นสุดลง โดยกลับมาพิจารณาว่า ท่านได้ให้ความสนใจและใส่ใจกับงานของท่านเพียงใด และท่านมีความสำเร็จไปแล้วมากน้อยเพียงใด หากท่านทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมด้วยพลังงานของท่านทั้งหมด จิตใจของท่านจะรู้สึกแจ่มใสสดชื่นและร่างกายจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แม้ว่าท่านอาจจะไม่บรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่ได้ตั้งเอาไว้ แต่ท่านจะรู้สึกมีพลังมากขึ้น และมันทำให้ท่านสามารถจะทำอะไรได้มากขึ้นอีกในอนาคต
การทำงานอย่างดีจะเป็นแบบฝึกหัดที่ดีแก่ร่างกายและจิตใจ ความสำนึกถึงการทำงานอย่างอ่อนโยน ทำให้เราสามารถกำหนดทิศทางพลังงานของตนเองไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ได้ ดังนั้น ชีวิตแต่ละวันของเราจะดำเนินไปอย่างราบรื่นและเป็นสุข แทนที่จะรู้สึกเครียดและเหนื่อยล้า เราจะรู้สึกเป็นสุข และในขณะที่เราเรียนรู้การตั้งเป้าหมายอย่างเหมาะสมเพื่อเดินไปถึงมันด้วยความโปร่งใจ ความเป็นสุขอย่างแท้จริงและยั่งยืนอันเกิดขึ้นจากการทำงาน จะเพิ่มพลังให้เราเกิดความงอกงามในชีวิตทุก ๆ ส่วน
ความงอกงามที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการผสมผสานและประยุกต์ความชำนาญและทัศนคติอันเบิกบานมาใช้ในการทำงานและชีวิต เมื่อเราได้สร้างแนวคิดและทัศนะนี้ขึ้นและอาศัยช่วงแห่งการทำงานเป็นการฝึกฝน งานของเราจะเปลี่ยนสภาพเป็นกระแสแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเราตระหนักถึงลักษณะการทำงานของตนเองมากขึ้น ความขุ่นใจและความสับสนจะลดน้อยถอยไป เราจะรู้จักตัวเองมากขึ้น และสามารถที่จะเปลี่ยนแปรสภาพการณ์ที่เป็นโทษและขุ่นมัวให้เป็นโอกาสอันดีงามสำหรับความงอกงาม เราจะสร้างโลกใหม่ในตัวเราและแม้ว่าปัญหาประจำวันเกิดขึ้นเช่นเดิม แต่เราจะเห็นว่ามันเป็นแนวทางที่จะขยายและเพิ่มความอิ่มเอิบให้แกชีวิตของเรา
บ่อยครั้งเมื่อเราเผชิญกับงานที่ยากเข็ญและหนัก จิตใจของเราจะกั้นกำแพงทันทีว่า เราทำไม่ได้ และหันเหไปนึกถึงสิ่งที่เราทำได้เท่านั้น ความกังวลและความกลัวจึงเกิดขึ้น และเป็นอุปสรรคต่อการใช้พลังงานของเรา แต่หากเมื่อเราให้หัวใจของเราแก่งานนั้น ความผูกพันกับงานที่เกิดขึ้นจะทำให้เราไม่คิดว่าเราทำไม่ได้ เราจะไม่ยับยั้งตนเองไว้ และโดยการให้ความใส่ใจกับงานเฉพาะหน้านั้นอย่างเต็มที่ เราจะเปลี่ยนสถานการณ์นั้นได้และเริ่มเข้าไปสู่มิติใหม่ซึ่งเป็นหนทางใหม่ ซึ่งเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพ
โดยการปลี่ยนแปลงทัศนะของเรา โดยการใส่ใจกับงานอย่างแท้จริง เราจะพบความสุขกับการได้ทำงานด้วยความสุขและปราศจากอุปสรรคภายในใจ แม้ว่าเราจะเหน็ดเหนื่อย เราจะสามารถพบแหล่งพลังงานอื่น ๆ ได้อีก โดยแท้จริงแล้วเราสามารถจะเติมพลังของเราได้โดยการใช้พลังงานของเราให้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ เราทุกคนมีพลังงานอันมากมายนี้ เราเพียงแต่ต้องรู้วิธีใช้มันอย่างเหมาะสมเท่านั้นเอง
เมื่อเราบรรลุเป้าหมาย เราจะรู้สึกว่ามีเวลาเหลืออยู่อีกมาก เราจะรู้สึกว่าสามารถควบคุมเวลาและการใช้พลังงานของตนเองอย่างเหมาะสม งานจะมีคุณค่าของความเบิกบานและมีพลัง เราเริ่มต้นที่จะให้ความหมายแก่งานเพิ่มขึ้น และการให้ความหมายแก่งานนี้ในคุณค่าและรางวัลในตัวของมันเอง การให้คุณค่าแก่งานและทุ่มเทหัวใจให้แก่มัน เป็นเคล็ดลับซึ่งนำให้เกิดความดีเลิศและความสุขในสิ่งที่เราทำ เมื่อเราให้คุณค่าแก่สิ่งใดก็ตาม ความรู้สึกตื่นตัวอย่างละเมียดละไมจะประคับประคองและส่งเสริมเราเองด้วย งานของเราจะกลายเป็นแหล่งของความรู้อย่างลึกซึ้งและความรู้สึกขอบคุณอย่างอ่อนโยน
เมื่อเราสร้างความงอกงามอันมีชีวิตชีวาและการเปลี่ยนแปลงอันสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นในงาน เราจะมีความรู้สึกยิ่งใหญ่ในอาณาจักรแห่งประสบการณ์อันหลากหลายและอิ่มเอม ความรู้สึกละเอียดอ่อนฉับไวของเราจะเป็นเช่นกองทัพ ความคมชัดในการรับรู้จะเป็นแม่ทัพ และความรักของเราจะเป็นเช่นราชินี ความลึกซึ้งชัดเจนและแนวทางความคิดอันวางอยู่บนความจริง ความมีสติและสัจจะต่อตนเองจะเป็นเหมือนเช่นกษัตริย์ หากปราศจากคุณลักษณะอันดีงามเหล่านี้ เราจะเป็นกษัตริย์หรือยิ่งใหญ่แค่ชื่อ และปกครองอาณาจักรที่ว่างเปล่าอับเฉาซึ่งเราไม่สามารถปกครอง เราไม่สามารถจะมุ่งสู่เป้าหมายซึ่งจะนำความสงบและความงามมาสู่ชีวิตทุกชีวิตได้ งานเป็นความสุขของชีวิต เป็นแรงบันดาลใจซึ่งมีพลัง และเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างล้นเหลือที่เราต้องทะลุถนอมและสูญเสียมันไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว@@
=================================
คัดจาก "แห่งการงานอันเบิกบาน"
ผู้เขียน : ตาร์ถัง ตุลกู
ผู้แปล : โสรีช์ โพธิแก้ว
ขอขอบคุณองค์ความรู้ทั้งหมดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้
=================================
| | |
| บล็อกที่แล้ว คลิกที่นี่
Create Date : 22 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 7:35:11 น. |
|
16 comments
|
Counter : 636 Pageviews. |
|
|
เข้ามาอ่านตอนดึก เงียบ ๆ
ได้ข้อคิดในการทำงาน
ง่วงแล้ว ไปนอนก่อน วันหลังจะมาอ่านตอนต่อไปค่ะ
ฮ้าาา..ตีสี่เกือบครึ่งแล้ว
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
เพลงเพราะดีค่ะ(บ่งบอกวัย )