ระหว่างที่ยืนรอรับรูปและรอถ่ายเอกสารอยู่นั้น
ก็มีคุณป้าเดินมาเลือกกรอบรูปอยู่ใกล้ๆ
คุณป้าเริ่มบทสนทนากับเจ้าของร้าน
ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังจะถ่ายเอกสารต้องหยุดชะงัก
ฉันนึกในใจ คิวค่ะคิวคุณป้ารู้จักไหมคะ
แต่ไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ
จากนั้นคุณป้าก็ซักถามไม่ได้หยุด
กรอบสีทองนี่จะลอกไหม ราคาเท่าไหร่
เจ้าของร้านแสนจะใจดีก็อธิบายอย่างถ้วนถี่
ว่าทองที่เคลือบไว้อาจลอกได้
แต่ถ้าแขวนติดผนังไว้เฉยๆ
โอกาสลอกก็มีน้อยครับ
จากนั้นคุณป้าก็ไล่ถาม
ไปจนเกือบจะหมดตู้..
เจ้าของร้านเหมือนยืนอยู่บนทางสองแพร่ง
เพราะคนยืนรอเริ่มหัวร้อน..
ยืนไม่ติดที่..ส่งสายตาเว้าวอน
แบบจิกเล็กๆว่า..
....ฉันรอนานเกินไปแล้วนะ
จะรีบไปทำงาน
แกจะเลือกยายหรือว่าจะเลือกป้า หาาาาา
ก็ไม่อยากรีบจนลนลาน
อากาศภายนอกร้อนก็พอแล้ว
ไม่อยากหัวร้อน เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ
จึงเลือกที่จะเป็นจิตอาสา
รับหน้าที่เป็นคนขาย
เหลือบมองภาพที่อยู่ในมือคุณป้า...
"คือภาพของคุณป้าสวยมาก
หนูขอแนะนำว่า
ควรจะเป็นกรอบแบบเรียบๆจะดีกว่า
เพราะจะได้ไม่ไปบดบังความสวยงามของภาพเสียหมด"
คุณป้าตอบตกลงอย่างว่าง่าย
ได้กรอบรูปสมใจ
ฉันได้รูปและเอกสาร เจ้าของร้านได้เงิน ...good job...
ที่ต้องมารับรูปและถ่าย
เอกสารในวันนี้
ก็เพราะต้องนำไปประกอบหลักฐาน
เพื่อขอรับใบอนุญาตและใบประกอบวิขาชีพ
ที่สภาแพทย์แผนไทยของกระทรวงสาธารณสุข
คือสอบไปตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
กลางเดือนพฤษภาคม 61
เพิ่งประกาศผลสอบไปหมาดๆ
ได้เป็นคุณหมอแบบถูกต้องตามกฎหมายเสียที
ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพมาหลายปี
คราวนี้ไม่ต้องกลัวจะถูกจับ
ว่าเป็นหมอเถื่อน
ไม่ต้องดราม่าแบบหมอแสง
และไม่ต้องไปร้องขอเพื่อเป็นหมอพื้นบ้าน
เพราะใบประกอบวิชาชีพที่ได้มาทั้งสองใบนั้น
ถ้ามีเงินลงทุนมากพอ
ก็สามารถเปิดโรงงานผลิตยาได้
เปิดคลินิกหรือโรงพยาบาลในราชอาณาจักรไทยได้
แต่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจยิ่งกว่า
คือข้อยืนยันที่ว่า
ไม่มีอะไรสาย
เราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
และยังเป็นข้อยืนยันอีกหนึ่งอย่างว่า
ต่อให้เราเดินช้าแบบเต่า
ถ้าเราไม่หยุดก้าว
เราก็สามารถเข้าถึงเส้นชัยได้ในสักวัน....
.เย้
แอมป์อร/ไดอารี่