|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
@>.....^.^......หลอกสมอง..ให้หายจากอาการซีมเศร้าเพราะฮอร์โมน
ในหลายวันที่ผ่านมา เป็นไข้หวัดผสมกับมีรอบเดือน และเกิดอาการซึมเศร้าจากอาการวัยทอง ขณะที่เขียน อาการเริ่มเป็นปกติแล้ว แต่รู้สึกห่วงใยเพื่อนๆอยากนำประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้น กับตัวเองมาเล่าสู่กันฟัง เพราะได้ผ่านวิกฤตมาหมาดๆ เผื่อจะเกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นได้บ้าง
เพราะเร่งงานหนักในช่วงปลายเดือน เคร่งเครียดกับการส่งงาน และให้บริการไปพร้อมๆกัน ช่วงต้นเดือนระหว่างที่ทำงานยุ่งชุลมุนอยู่หน้าเคาร์เตอร์ จู่ๆก็เกิดอาการมีน้ำมูกใสๆไหลย้อย ทำงานไป ใช้แมสปิดปากไป เกรงผู้มาใช้บริการจะรังเกียจ
วันนั้นคือวันศุกร์วันที่มีงานถนนสายตะพาบ เกิดอาการปวดเกร็งที่ท้ายทอยตึงที่หัวไหล่ ปวดศีรษะ คล้ายจะเป็นไมเกรน ตาพร่าๆ ทำบัญชีไม่ลงตัว เพราะขาดสมาธิ เที่ยงก็แล้วบ่ายก็แล้วก็ปิดบัญชีไม่ลงตัวค่ะ จนบ่ายสามระหว่างนั้น วันนั้นของเดือนก็มาในเวลาพร้อมๆกัน ใจเริ่มสั่นๆเพราะยังไม่ได้ทานข้าว ดื่มนมถั่วเหลืองไปหนึ่งกล่อง กับขนมอีกเล็กน้อย
ปกติอาการหลักๆ ที่เคยเป็นเวลาก่อนมีประจำเดือน หรือระหว่างที่มีคือคัดตึงเต้านม แขนหรือขาบวม ปวดศีรษะไมเกรน ท้องอืด น้ำหนักขึ้น อยากอาหารมากกว่าปกติ นอนมากกว่าปกติ หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ขาดสมาธิ เครียด วิตกกังวล บางทีก็มีอาการร้อนใน ปากเป็นแผล
มีอาการแล้วยังเข้าสังคมได้ แต่บางครั้งก็มีอาการอยากแยกออกจากสังคมเป็นระยะๆ มีซึมเศร้าน้ำตาไหลร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุบ้าง บางทีก็รู้สึกเศร้าๆเหงาๆแล้วก็หายไป ไปปรึกษาอาจารย์หมอไพรวัลย์ที่โรงพยาบาลจันทรุเบกษา ท่านก็บอกว่า ถือเป็นเพียงกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เราก็นิ่งนอนใจ ว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวก็หาย
แต่ครั้งนี้มีอาการรุนแรงกว่าที่เคย เกิดอาการเครียดนอนไม่หลับ ติดต่อกันมาหลายคืน รู้สึกอึกอัดหายใจไม่ออก ต้องเปิดไฟนอน เปิดประตูหน้าต่าง เดินไปมาอยู่ในบ้านรู้สึกคล้ายไม่มีอากาศหายใจ เดินไปนอกบ้านแล้วรู้สึกดี เข้ามาภายในบ้านได้ไม่นานก็ออกไปใหม่
เที่ยงคืนตีหนึ่ง ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน และอยากแต่จะร้องไห้ เป็นทุกข์อย่างรุนแรง นึกถึงและห่วงกังวลจนเกินพิกัด ดูทีวีไม่ได้ นั่งไม่ติดที่ ทุกครั้งที่ความคิดวิ่งพล่านในสมอง ไม่สามารถสลัดมันทิ้งไปได้เลย ทำสมาธิก็แล้ว เดินไปมานับก้าว วิ่งออกกำลังกาย ก็ไม่เป็นผล
ทุกครั้งที่นึกถึงอะไร และไม่ได้คำตอบ เช่นนึกชื่อดาราไม่ออก อยากกรี๊ดออกมาว่า ใครๆๆๆๆๆ ชื่ออะไรๆๆๆๆ หัวใจเต้นแรง อยากตะโกนร้องกรี๊ดๆ คล้ายคนวิกลจริต ได้แต่พูดบอกตัวเองว่า
ใจเย็นๆเข้าไว้แอม เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป ไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าใครชื่ออะไร ของวางแล้วลืมก็วู่วามเวลาที่หาไม่เจอ ต้องปรามตัวเอง ว่าจงผ่อนคลาย สงบๆสบายๆ หายใจเข้าลึกๆหายใจออกยาวๆ สลัดสิ่งที่กำลังคิดทิ้ง ไม่นานก็มาผุดขึ้นในสมองอีก ทำอะไรก็ไม่เป็นผล
มันทรมานเหลือเกิน เผลองีบหลับไปนิดเดียว สะดุ้งตกใจตื่น เพราะความคิดบางอย่างมันแทรกเข้ามา คล้ายมีคำถามดังอยู่ในโสตประสาท ตื่นลงมาเดินคนเดียว จนสว่าง มางีบได้ตอนกลางวัน จนต้องลางาน มานอนที่บ้าน เพราะไม่สามารถทำงานได้ ร้องไห้ตลอดเวลา
เป็นคนโชคดี ที่ครอบครัว หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเป็นอะไรขนาดนี้ ได้หยุดงาน คนในครอบครัวห้อมล้อม พาไปเที่ยว หาที่โปร่งๆสบายๆนั่งชมวิว มีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ตกกลางคืน น้องบ้านใกล้ๆมานั่งล้อมวงคุยกัน เรากลับลุกดินไปเดินมาคล้ายสติแตก อยู่นิ่งไม่ได้
สามวันผ่านไป เขาช่วยกันหาวิธีให้เราผ่อนคลาย เปิดเพลงบรรเลงให้ฟัง พาไปไหว้พระ แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว อาการลดน้อยลงก็จริง แต่เป็นๆหายๆทรมานเหลือเกิน ไม่สามารถสลัดสิ่งที่อยู่ในสมองทิ้งไปได้ หดหู่ รู้สึกอยากหยุดหายใจ จะได้หายจากอาการที่เป็นอยู่ ทั้งสวดมนต์ภาวนา แต่ก็ไม่สงบลงได้
จากที่เคยเปิดเน็ตได้ กลับกลัวการนั่งนิ่งๆอยู่หน้าจอ ต้องให้คนในครอบครัวเข้ามาหาข้อมูลและอ่านให้ฟัง เจอข้อมูลหมอชาวบ้าน ที่บอกว่า การทำสมาธิไม่อาจทำให้หายจากอาการนี้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ส่งตรงมาจากส่วนที่เป็นสมอง
เคยอ่านวิธีการทำงานของสมอง ในหนังสือเล่มหนึ่ง ผู้เขียนบอกว่า เราสามารถหลอกสมองได้ เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกหดหู่ หมองเศร้า การบอกให้ปล่อยวาง คงช่วยไม่ได้มาก เพราะความสามารถในการวางไม่มี
ส่วนของอารมณ์และความรู้สึกช่วงนี้ลดน้อยถอยลง คิดช้าและฟุ้งแฟบ แค่เมมโมรี้ชื่อเพื่อนลงไปในโทรศัพท์มือถือ ยังทำไม่ได้ กระวนกระวาย ไม่มีความสุข
วันที่เริ่มเป็นคือวันศุกร์ที่หนึ่ง ลองทำการหลอกสมองวันเสาร์ที่เก้า กว่าจะหาวิธีได้ตรงจุด เก้าวันเต็มๆ หาเทปเพลงสนุกๆมาฟัง ดีขึ้นมานิดตอนที่ร้องตาม แต่มาเครียดตรงจำเนื้อไม่ได้ เอาใหม่คราวนี้หาดูเทปตลก แต่มันเป็นตลกฝืด เสียงเอะอะทำให้เครียดเข้าไปใหญ่
คราวนี้เอาใหม่ ดูจำอวดหน้าม่าน ของรายการคุณพระช่วย ที่น้าโย่ง น้าพวง และน้านง หลอกสมองเพื่อให้สมองหลั่งสารแอนโดฟินออกมาได้สำเร็จ คือดูเทปแต่ละเทป วนไปวนมาอยู่หลาบชั่วโมง นั่งหัวเราะอยู่หน้าจอ ปรากฏว่า
คืนนั้น คืนวันที่เก้า หลับสนิทไปตลอดคืน มาสะดุ้งตื่นตอนตีห้า ออกไปสูดอากาศภายนอกบ้าน เดินเร็วๆไปมา มาต่อด้วยโยคะและเต้นแอโรบิค ซดน้ำเต้าหู้ เสร็จแล้วมาทำกับข้าวเอง กินข้าวกับเต้าหู้ผัดถั่วงอก หมอบอกให้กินอาหารประเภทถั่วเยอะๆสลับกับน้ำมะพร้าวอ่อน รู้สึกเบาสบาย อาการต่างๆดีขึ้นโดยลำดับ
พอรู้สึกใจหวิวๆก็กลับไปดูอีก นั่งดูหลายตอน ทุกครั้งที่ได้หัวเราะ อาการหดหู่ค่อยๆหายไปทีละนิดๆ และวันนี้ดีขึ้นเกือบเต็มร้อย โดยไม่ได้ทานยาปรับฮอร์โมนแม้แต่เม็ดเดียว
แรกที่มีอาการไปขอร้องหัวหน้า ขอย้ายไปทำหน้าที่อื่น ทำความสะอาดกวาดๆถูๆขัดห้องน้ำก็ได้ หากไม่ยอมให้ย้าย ในตอนนั้น คิดว่าจะลาออกจากงาน เพราะรู้สึกกลัวเครื่องคิดเลข กลัวการคิดคำนวณ และเรื่องเคร่งเครียดทั้งปวง
กลัวแม้กระทั่งบล็อก เพียงคิดว่าเพื่อนๆที่เข้ามาทักทายบ้านอยู่ที่ไหนกัน คิดแค่นี้ก็ปวดหัวใจ น้ำตาไหลพราก บ้าไปแล้ว
ระยะนี้จึงห่างหายไปจากหน้าจอ เพราะเกรงว่าอาการจะกำเริบ บ้าสติแตกไปต้องเข้าโรงพยาบาลศรีธัญญา หรืออาจคลุ้มคลั่งฆ่าตัวตาย
โอย..ไม่อยากจะนึก ว่าเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
ช่วงนี้หัวหน้าอนุญาตให้พักงานจนกว่าจะเปิดทำการหลังสงกรานต์ไปแล้ว ปรึกษาหารือกันใหม่ ว่าจะกลับไปทำงานในหน้าที่เดิม หรือจะมอบหมายงานที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเงินและตัวเลข อีกต่อไป หรือจะมอบผู้ช่วยมาให้อยู่ทำหน้าที่นี้ ให้เราเป็นเพียงผู้ดูแลให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ
ผ่านพ้นมาได้ เพราะเทปจำอวดหน้าม่านแท้ๆ จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อมีผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์บ้าคลั่งแบบนี้ นำไปใช้อาจได้ผล รวมถึงผู้ที่ประสบภัยต่างๆก็อาจเข้าข่าย สามารถเกิดอาการ ซึมเศร้าได้ค่ะ
คอนนี้ผู้เขียนเองอาการดีขึ้นมากแล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แต่ยังไม่พร้อมจะไปทักทายเพื่อนๆ ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาทักทาย และห่วงใยกัน ตอนที่เขียนนี่ก็ยังงงงันต่ออาการที่เกิดขึ้นมาก
ทั้งๆที่เป็นคนมีสติควบคุมตัวเองอยู่ตลอดเวลา ยังเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ วันนี้ได้ลิงค์ข้อมูล เกี่ยวกับอาการซึมเศร้า ลองเข้าไปอ่านดูนะคะ ทางการแพทย์บอกว่า ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า เพราะผู้หญิงก้าวร้าวน้อยกว่า กักเก็บอารมณ์เก็บกดเอาไว้ จึงส่งผลให้มีอาการดังกล่าวนั่นเอง
ในรอบเก้าวันที่ผ่านมาคล้ายอยู่ในนรกก็ไม่ปาน นึกสงสารผู้ที่มีอาการแบบนี้ ที่ไม่สามารถหาวิธีมาจัดการกับมันได้ ถึงกับฆ่าตัวตายไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรงดังกล่าว นอนไม่หลับติดต่อกันมา ทานข้าวไม่ลง น้ำหนักลดไปมาก
นี่เป็นวิธีส่วนตัวจริงๆค่ะที่ค้นพบ และนำมาใช้แล้วได้ผล ขอความกรุณาผู้ที่อยู่รอบข้างผู้ที่มีอาการซึมเศร้า อยากให้เข้าใจและเห็นใจต่อผู้ที่มีอาการดังกล่าว เพราะประสบมาหมาดๆมันทรมานเหลือเกินค่ะ
ฝากบอกต่อด้วยนะคะ หลอกสมองให้มีความสุขด้วยการหัวเราะ อาการดังกล่าวจะทุเลา และหายไปในที่สุดค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
หมอชาวบ้าน
หมอชาวบ้าน ฉบับที่สิบเอ็ด
กรมสุขภาพจิต เผยผู้หญิงมีโอกาสป่วยโรคซึมเศร้าได้มากกว่าชายถึง 2 เท่า ผลจากการเลี้ยงดู ความรับผิดชอบต่อครอบครัว การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศ แนะพบและพูดคุยกับจิตแพทย์ ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุอีก 11 ปีข้างหน้า จะมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ กรมสุขภาพจิต รายงานว่า ผู้หญิงมีโอกาสป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า และจากข้อมูลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าของสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา พบว่าทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในที่มารับบริการที่สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา มีอัตราการเกิดโรคของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2 ต่อ 1 โดยในปี 2551 มีผู้มารับบริการผู้ป่วยนอกด้วยโรคซึมเศร้า (หญิง) 6,339 ราย และมีผู้มารับบริการผู้ป่วยนอกด้วยโรคซึมเศร้า (ชาย) 2,558 ราย และจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ
ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้หญิงเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าผู้ชาย ได้แก่ การเลี้ยงดูเด็กผู้หญิง ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเก็บตัว สมยอม ไม่โต้ตอบ ส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้มากกว่าเด็กผู้ชาย ซึ่งจะมีลักษณะก้าวร้าวมากกว่า แสดงออกทางอารมณ์ได้มากกว่า ส่วนในด้านความรับผิดชอบเมื่อโตขึ้นผู้หญิงที่แต่งงานและมีบุตรผู้หญิง จะต้องรับภาระดูแลครอบครัว ในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วย ภาวะเครียดในผู้หญิงจึงอาจมีมากกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศ ยังส่งผลทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่เครียดและมีภาวะซึมเศร้าได้ง่าย นอกจากปัจจัยด้านต่างๆ แล้วผู้หญิงยังมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด สูงถึงร้อยละ 15 และยังพบว่าถ้าผู้หญิงป่วยเป็นโรคซึมเศร้า คู่สมรสมักจะมีพฤติกรรมสูบบุหรี่ หรือดื่มสุรามากขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า 2 ใน 3 ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นอาการของโรคซึมเศร้า ในขณะที่คนรอบข้างอาจจะมองว่าเป็นคนขี้เกียจ หรืออ่อนแอเท่านั้น สำหรับการรักษาโรคซึมเศร้า แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ การรักษาด้วยยา และการรักษาด้วยจิตบำบัด
ที่มา thaihealth.co.th
ลองอ่านอาการและสาเหตุดูนะคะ เพื่อนำมาเปรียบเทียบ กับอาการที่คุณเป็นอยู่ หรือคนข้างเคียงเป็นอยู่ เพื่อจะได้รักษาอาการ เสียแต่เนิ่นๆก่อนที่จะลุกลามไปใหญ่โต ถึงกับเกิดเรื่องเศร้าขึ้นในครอบครัว เพื่อนๆท่านใด มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ลองมาเล่าแลกเปลี่ยนกันนะคะ
. . . . .
ขอบคุณครอบครัว ที่อยู่เคียงข้างเสมอ ขอบคุณเพื่อนบ้านที่ดูแลกันในหลายวันที่ผ่านมา ขอบคุณหัวหน้าและเพื่อนๆร่วมงานทุกคน ขอบคุณเพื่อนบล็อกที่แวะเวียนมาทักทาย และส่งกำลังใจให้กัน ชีวิตนี้ช่างโชคดี ที่ได้มีโอกาสเกิดมาได้พบพวกคุณทุกคน ขอบคุณข้อมูล หมอชาวบ้าน ที่ทำให้พบสาเหตุ ขอบคุณอาจารย์หมอไพรวัลย์ ที่ให้คำแนะนำเสมอมา และที่จะลืมเสียไม่ได้ ขอบคุณรายการคุณพระช่วย ช่วงจำอวดหน้าม่าน เป็นอย่างสูงค่ะ
ด้วยรักและผูกพัน
แอมอร
Create Date : 10 เมษายน 2554 |
|
51 comments |
Last Update : 11 เมษายน 2554 4:23:41 น. |
Counter : 1374 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: kapeak 11 เมษายน 2554 9:57:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: kapeak 12 เมษายน 2554 8:59:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: peeamp 12 เมษายน 2554 16:42:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: SongPee 12 เมษายน 2554 21:51:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: พธู 12 เมษายน 2554 22:20:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: Dingtech 12 เมษายน 2554 23:40:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 13 เมษายน 2554 14:21:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: nootikky 13 เมษายน 2554 15:22:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 13 เมษายน 2554 23:31:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: aenew 15 เมษายน 2554 15:48:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: peeamp 15 เมษายน 2554 20:17:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ๋อซ่าส์ 16 เมษายน 2554 11:30:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: พระจันทร์ของขวัญ (Great_opal ) 16 เมษายน 2554 13:23:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 16 เมษายน 2554 14:51:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: cengorn 17 เมษายน 2554 1:06:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 17 เมษายน 2554 14:19:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: nulaw.m 18 เมษายน 2554 20:05:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 19 เมษายน 2554 23:31:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 20 เมษายน 2554 12:34:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 20 เมษายน 2554 15:19:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 21 เมษายน 2554 1:08:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 21 เมษายน 2554 1:10:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]
|
บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า
.....
สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง
..............^^.... และความสุขในปัจจุบัน
ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้
....^^.....^^......
โดยไม่ต้องรอคอย
ความสุขของอนาคต
ปูปรุง
|
|
|
|
|
|
|
|
ดีแล้วล่ะ ที่หาสาเหตุพบ และหาวิธีแก้ไขได้ ค่อยเบาใจ หายห่วงหน่อย สงสัยพี่ก็คงจะต้องเตรียมตัวไว้เนิ่นๆ แล้วเหมือนกัน