@...^.^...ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ยื้อเอาไว้..หรือปล่อยไปดี
ฉันเดินไปทานอาหารกลางวันที่ด้านหลังโรงพยาบาล ขากลับเดินผ่านแผนกหัตถเวชแพทย์แผนไทย ย้อนมาคิดถึงตัวเอง ก็เป็นศิษย์มีอาจารย์ เคยผ่านการฝึกปรือด้านนี้มาบ้าง เดินเรื่อยๆผ่านตึกผู้ป่วยนึกได้ แวะไปทักทายน้องสาวสักหน่อย น้องคนนี้เป็นน้องเพื่อนอีกที เป็นมะเร็งปอด เข้าๆออกๆโรงพยาบาลมานานนับปี แต่เธอมีสภาพจิตใจที่เข้มแข็งมาก ทุกครั้งที่ เธอเข้ามาพักรักษาตัวทีไร ผ่านมาผ่านไปก็แวะทักทายให้กำลังใจกัน วันนั้นมือและเท้าของเธอซูบซีดและ เย็นเฉียบ ฉันลูบๆไปตามแขนและมือ ลูบเบาๆที่ฝ่าเท้า น่องและขา เพื่อให้เลือดลมเดินสะดวก ใช้หวีซี่โตๆหวีผมให้ อยากให้เธอผ่อนคลาย เธอบอกว่าหายใจไม่ค่อยออก ต้องครอบออกซิเจนเป็นระยะๆ แต่ยังเห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ฉันบอกเธอว่าอยู่จนกว่าลูกจบมัธยมนะ ลูกเธอขณะนี้อยู่อนุบาล เธอตอบมาว่า แค่มัธยมเองเหรอพี่แล้วก็หัวเราะ แสดงว่าจิตใจเธอเข้มแข็งดีทีเดียว ฉันหัวเราะบ้างพอจบมัธยมก็ขออยู่ต่อไปกระทั่งลูกบวช ลูกเธอเป็นผู้ชายพอบวชก็ขออยู่จนลูกแต่ง ลูกแต่งก็ขอต่อเวลากระทั่งได้อุ้มหลาน ฉันและเธอหัวเราะประสานเสียงกัน ฉันกอดเธอเบาๆแล้วบอกว่า สู้นะ เราจะสู้ไปด้วยกัน ก่อนไปทำงาน กำชับให้เธอรับประทานอาหารบ้าง ฝืนครั้งละนิดละหน่อย ทีละคำสองคำ สะสมไว้ได้เป็นจาน เพื่อจะได้มีแรงไว้ต่อสู้กับโรค เธอรับปากแข็งขัน อีกวันฉันก็แวะไปอีก แม่และน้องๆบอกว่าเมื่อคืนเธอขอให้ลูบตัว อย่างที่พี่แอมทำให้ ทำแล้วรู้สึกสบาย ฉันก็ปลื้มสิ ระหว่างที่รอน้องๆเช็ดตัวให้เธอ ฉันสังเกตเห็นแม่ของเธอในวัยเจ็ดสิบห้าปีหน้าซีดเพราะอดนอน เพราะเฝ้าเธอทั้งคืน จึงอาสานวดให้ และละลายยาหอมให้ดื่ม แม่เล่าว่าเมื่อคืนเธอหายใจไม่ออก นอนหงายไม่ได้ ต้องฟุบหน้ากับโต๊ะวางอาหาร เป็นแบบนี้ติดต่อกันมาหลายคืน ฉันแนะนำให้เธอสวดมนต์ทำสมาธิ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้ใจสงบ จะได้นอนหลับสบาย เธอรับปากว่าจะทำ น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง แต่ก็ยังยิ้มได้ วันพุธฉันไปเปิดร้าน ปิดร้านประมาณเกือบสามทุ่ม น้องสาวมาส่งข่าวว่าเธอเข้าไอซียูไปแล้ว ไม่ได้ตกใจ เธอเข้าออกไอซียู เป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เข้าไปข้างในได้ ฉันเห็นดอกไม้ธูปเทียนในมือเธอก็ใจเสีย กระซิบถามญาติๆว่า อาการหนักมากเหรอคะ เขาก็บอกว่าขั้นสุดท้ายแล้ว กำลังจะไป ฉันภาวนาให้เธอไปสบายๆแบบไม่ทรมาน แต่กาลกลับไม่ใช่อย่างที่คิด เขานำท่ออะไรสักอย่าง สวมใส่ให้เธอ หวังจะรั้งลมหายใจไว้ ฉีดยากระตุ้นหัวใจเข้าไปอีก เพราะคุณสามีทนดูเธอขาดอากาศหายใจ หมดลมไปต่อหน้าไม่ไหว ฉันรู้มาว่าสำหรับผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย เครื่องช่วยหายใจ ก็จะเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยไปเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถเลิกใช้เครื่องได้ ฉันสงสัยเดินไปถามคุณหมอ ท่านก็บอกว่า โดยจรรยาบรรณของแพทย์ ต้องช่วยจนสุดความสามารถ ฉันถามว่าหากเป็นความต้องการของญาติ ไม่ทำได้ไหม เพราะยื้อยังไงก็ต้องตายเพราะร่างกายตอนนี้หมดสภาพ คุณภาพปอดบอบช้ำมาก ไม่สามารถกลับมาหายใจด้วยตัวเองได้แล้ว คุณหมอตอบอ้อมๆว่า น่าจะได้ ฉันสงสัยถามอีกว่าโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมามีมากไหม คุณหมอบอกว่าคืนนี้ก็ไปแล้ว อ้าว
แล้วทำทำไม กดหน้าอกซี่โครงแทบหักและใส่ท่อเข้าไป เพื่อช่วยต่อลมหายใจ เป็นการเล่นชักเย่อที่น่าทรมานเป็นที่สุด ตอนที่เห็นเธอพะงาบๆมีเสียงหวีดๆในลำคอ ฉันเพิ่งจะรู้ว่า การที่เรายังหายใจเบาๆสบายๆได้เป็นปกติ เป็นความพิเศษที่ไม่ธรรมดา และการยื้อกับลมหายใจแบบสูญเปล่ามันทรมานเพียงใด ทรมานใจทั้งผู้ป่วยและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้แต่นึกสงสารว่าทำไมจึงไม่ปล่อยให้เธอไปอย่างสงบ เกือบเที่ยงคืน เธอยังคงต่อสู้ดิ้นรนเพราะฤทธิ์ยา ฉันเดินออกมาสูดอากาศภายนอก เพราะรู้สึกอึดอัดๆคล้ายจะขาดอากาศไปด้วย กลับมาถึงบ้าน บ้านเงียบกริบ นอนคิดอยู่คนเดียว เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันพร้อมหน้า ฉันจะประกาศกร้าว ตอนที่เห็นฉันพะงาบๆไม่ต้องใส่ท่อต่อชีวิตให้ฉันนะเฟ้ย แอมอร ท้ายเรื่อง ฉันเขียนไว้ตั้งแต่คืนนั้น ประมาณตีสามเธอก็จากไปอย่างสงบ ไม่ได้เศร้าเสียใจมากนัก และได้เรียนรู้ว่าการให้ไปน่าจะสบายกว่า
Create Date : 03 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 3 สิงหาคม 2555 6:31:17 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1823 Pageviews. |
|
|