ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 ธันวาคม 2564
 
All Blogs
 

ปราสาทเขาน้อยสีชมพู

ทับหลังศิลปะก่อนเมืองพระนครที่ “ปราสาทเขาน้อยสีชมพู” จังหวัดสระแก้ว 

.
.
.
“ปราสาทเขาน้อยสีชมพู” ปราสาท 3 หลัง เรียงตัวไปตามแนวทิศเหนือ/ ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก บนยอดเขาน้อย ในเขตบ้านหมู่ 1 ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 12 กว่ากิโลเมตร จารึก (กรอบประตู) เขาน้อย (K.506) อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤตและเขมรโบราณ ระบุปีมหาศักราชที่ 559 หรือประมาณปี พ.ศ. 1180 ถือเป็นศักราชที่พบจากจารึกโบราณ ที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในประเทศไทย 
.
ปราสาทก่ออิฐหลังแรกที่สร้างขึ้นบนเขาน้อย เป็นปราสาทแบบหลังเดี่ยวตามคติไวษณพนิกาย (ดังข้อความสรรเสริญพระวิษณุที่พบจากจารึก) แต่ถึงแม้ว่าในจารึกจะกล่าวถึงพระนามของพระเจ้าศรีภัทรวรมัน กษัตริย์แห่งรัฐ “อีศานปุระ” (Īśānapura) หรือ “สมโปร์ไพรกุก” (Sambor Prei Kuk) ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 12 แต่ข้อความในจารึกก็ระบุเวลาในสมัยของพระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ปลายพุทธศตวรรษที่ 12 ไว้อย่างชัดเจนครับ
.
*** ปราสาทเดี่ยวหลังแรกที่เขาน้อยสีชมพู จึงควรมีอายุการสร้างในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 12 ตามที่ระบุเวลาในจารึก ซึ่งก็สอดรับกับรูปศิลปะแบบสมโปร์ไพรกุกบนทับหลังของปราสาทประธานหลังกลาง ที่ปฏิสังขรณ์/สร้างปราสาทประธานขึ้นใหม่ในตำแหน่งเดิมช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 15 ขนาดความยาวของทับหลังจึงไม่สอดรับกับขนาดของกรอบประตู เพราะนำทับหลังจากปราสาทหลังเก่ามาใช้ใหม่ 
.
ต่อมาในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 13 ได้มีการขยายเป็นปราสาท 3 หลัง โดยปราสาททางทิศเหนือมีการแกะสลักทับหลังขึ้นใหม่ 3 แผ่น โดย 2 แผ่นแกะสลักตามขนบการจัดวางรูปประกอบแบบศิลปะสมโปร์ไพรกุกเดิมนำมาประดับที่ประตูหลอกทิศเหนือและใต้ ส่วนซุ้มประตูด้านหน้าและประตูหลอกด้านหลังแกะสลักทับหลังตามศิลปะแบบไพรกเมง (Prei kmeng) มีความยาวเท่ากับกรอบประตู แต่สั้นกว่าทับหลังแบบสมโบร์ไพรกุกเดิมครับ     
.
ทับหลังจากปราสาทเขาน้อยสีชมพู แสดงแบบแผนการจัดวางองค์ประกอบตามศิลปะแบบสมโบร์ไพรกกุ/อีศานปุระกับศิลปะแบบไพรกเมง ที่ซ้อนทับเวลาความนิยมกันในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 12 ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ตรงกับช่วงเวลาที่ปรากฏในจารึก โดยทับหลังแบบสมโบร์ไพรกุกจากปราสาทประธาน (ตัวปราสาทสร้างขึ้นในภายหลัง) ยังคงนิยมแบบรูปตัว ม ก ร มีเทพเจ้า/นักรบ/ทวารบาลนั่งอยู่ด้านบน ตามแบบศิลปะ “ถาลาบริวัตร/ธาราบริวัต ”(Thala Boriwat Style) ในยุคก่อนหน้า ตัว ม ก ร ชูงวง อ้าปากเห็นเขี้ยวและฟัน มีหางเป็นกระหนกใบขดห้อยสองม้วน ยืนบนแท่นฐาน/ยกเก็จ (เชื่อมต่อตรงตำแหน่งกับเสาประดับกอบประตู/เสารองรับน้ำหนักทับหลังที่อยู่ด้านล่าง) เหมือนกันทั้งสองฝั่ง คายแถบเส้นคาดออกมาเป็นวงโค้งเข้าหากัน 4 ขยัก ในความหมายของการสำรอกน้ำศักดิ์สิทธิ์ สะพานสายรุ้ง/ความอุดมสมบูรณ์ ประดับลายลูกปัดอัญมณีและดอกไม้ โดยมีพุ่มช่อดอกไม้ประดับลายลูกปัดอัญมณีในเส้นลวดกลมรี 3 ช่อ ตรงตำแหน่งจุดขยัก พุ่มช่อตรงกลางเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ รูปม้าในกรอบด้านข้างทั้งสองฝั่งหมายความถึงพระอาทิตย์และพระจันทร์ ด้านบนเป็นรูปดอกไม้แตกพุ่มกระหนกกับดอกไม้ 8 กลีบ วางสลับห่างกัน ใต้แถบเส้นแถบโค้งแกะสลักเป็นอุบะมาลัยสลับกระหนกใบห้อยทิ้งยอดแหลมลงมา ตรงกลางเป็นพวงมาลัยใหญ่มีพุ่มแผ่ออกที่ปลาย คอสอง/ท้องไม้ด้านล่างยุบเข้าไปสลักเป็นลายกระหนกใบขดสลับลายดอกไม้
.
ทับหลังอีก 2 แผ่นของปราสาทหลังทิศเหนือซ้อนเวลากับศิลปะแบบไพรกเมง ยังคงวางองค์ประกอบเป็นแผ่นยาวแบบทับหลังสมโบร์ไพรกุก มีลวดลายเลียนแบบทั้งหมด แต่ปรากฏรูปศิลปะใบไม้แบบไพรกเมงเข้ามาผสมผสาน คอสองด้านล่างแคบลง สลักลายดอกไม้กลีบวางสลับห่างกัน โดยแผ่นหนึ่ง (ประตูหลอกทิศเหนือ) ยังสลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พระอาทิตย์และพระจันทร์ทรงม้าในช่อพวงดอกไม้ทรงกลมรีบนแถบโค้งตามแบบเดิม แต่อีกแผ่นหนึ่ง (ประตูหลอกทางทิศใต้) เปลี่ยนเป็นรูปหงส์ (ลายนิยมในยุคไพรกเมง) หันหน้าตรงและหันข้างเข้าหากันครับ  
.
ทับหลังซุ้มประตูหน้าทิศตะวันอออกและทับหลังด้านตะวันตก (ประตูหลอก) ของปราสาททางทิศเหนือ แสดงรูปศิลปะและการจัดวางแบบไพรกเมงอย่างชัดเจน แผ่นหินจะสั้นตามขนาดกรอบประตูของปราสาทที่แคบลง แต่ขยายแผ่นกว้างกว่าเดิม ไม่นิยมใช้รูปศิลปะตัว ม ก ร ทับหลังด้านหน้าเปลี่ยนมาเป็นรูปบุคคล (เทวดา) เหาะหันเข้าหากึ่งกลาง แสดงอัญชลีบนฐานที่มีการประดับซุ้มบัญชรขนาดเล็ก (รูปเทวดาเหาะน่าจะได้รับอิทธิพลจากพระพุทธรูปแบบทวารวดี/อานธระเพียงแผ่นเดียวในประเทศไทย ไม่พบในเขตกัมพูชา) ยังคงใช้แถบโค้ง ทิ้งอุบะสังวาลมาลัยและประดับพวงดอกไม้กลมรี แต่เป็นแถบตรงไม่มีขยักโค้ง เปลี่ยนปลายแถบโค้งเป็นการตวัดเข้าเป็นพุ่มใบขด (เหมือนคาดผม) ประดับด้วยลายดอกไม้มีกลีบและกระหนกใบไม้ทั่วแผ่น ส่วนแผ่นด้านหลังปราสาท วางปลายแถบม้วนโค้งไว้บนฐาน มีรูปสิงห์ทะยานขนาบอยู่ด้านข้าง (แกะสลักไม่เสร็จ) เพิ่มพวงดอกไม้กลมบนแถบเป็น 5 วง ใส่รูปนกและหงส์ (วงตรงกลางสลักเป็นรูปหงส์หันหน้าตรง) ประกอบลวดลายดอกไม้กลีบและกระหนกใบไม้
.
*** ทับหลังในยุคก่อนเมืองพระนครที่จากปราสาทเขาน้อยสีชมพู หาพบได้ไม่มากนักในประเทศไทย ปัจจุบันตั้งจัดแสดงอย่างสวยงามที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี โดยทำรูปจำลองไปจัดแสดงไว้ที่ตัวปราสาทเขาน้อยสีชมพูครับ 
.
.
*** มีจังหวะดี ๆ ในต้นปีหน้า EJeab จะพาไปเที่ยวชมแบบมโนวิทยากันครับ
เครดิต :FB
วรณัย พงศาชลากร
EJeab Academy




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2564
0 comments
Last Update : 3 ธันวาคม 2564 20:12:39 น.
Counter : 462 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.