|
นางอัปสรแห่งเนินทางพระเมืองสุพรรณ
นางอัปสรแห่งเนินทางพระเมืองสุพรรณ “อัปสรา-นางฟ้า” แห่งเนินทางพระ เมืองสุพรรณบุรี ในบรรดารูปปูนปั้น (Stucco) ประดับประดาที่จากซากปราสาทหินศิลาแลงเก่าที่ “ดอนถ้ำพระ” หรือ “เนินทางพระ” ตำบลบ้านสระ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี มีรูปบุคคลชิ้นหนึ่งที่เหลือเพียงส่วนของเศียร สวมอุณหิสประดับกลีบใบไม้แหลมเป็นเทริดสูง มีใบหน้าที่ดูเกลี้ยงเกลาสวยงาม เปลือกตาเหลือบลง ปลายหางตาเรียวขึ้น เป็นปูนปั้นที่ดูโดดเด่นที่สุดของเนินทางพระ ที่อาจเป็นได้ทั้งรูปของพระพุทธเจ้าไมเตรยะอนาคตพุทธะและรูปของนางอัปสรา-นางฟ้า . เนินทางพระ อยู่ที่บ้านสระ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี บนเนินดินเก่าเคยมีซากปราสาทหินหลังหนึ่ง ซึ่งจากภาพถ่ายทางอากาศเก่าและจากเศษซากกองหินที่เหลืออยู่ได้แสดงว่า เคยมีแนวกำแพงศิลาแลงผังจัตุรัสล้อมรอบ 2 ชั้น ชั้นนอกกว้างยาวประมาณ 150 เมตร ชั้นในประมาณ 50 เมตร มีปราสาทหินก่อด้วยศิลาแลงเป็นประธานอยู่ตรงกลางค่อนไปทางตะวันตก มีสระน้ำติดกำแพงบริเวณด้านทิศเหนือเยื้องฝั่งตะวันออกครับ . ปราสาทหินแบบวัฒนธรรมเขมรโบราณที่เนินทางพระ มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 ในสมัยความนิยมในศิลปะแบบบายนต่อเนื่องมาจนถึงยุคหลังบายน ได้ผ่านการถูกทำลายมาแล้วหลายครั้งในอดีต ซึ่งดูเหมือนว่าตัวปราสาทประธานจะถูกรื้อถอนจนพังทลายลงมาทับถมเป็นกองหินใหญ่ ต่อมาเมื่อประมาณ 60 -70 ปีที่แล้ว เริ่มมีการขุดหาเศษซากวัตถุโบราณอย่างรูปประติมากรรมและพระเครื่องทั้งโลหะและหินทราย ขนย้ายนำออกไปจากซากเนิน ทั้งที่นำไปเก็บรักษาตามวัดอย่างพระพุทธรูปนาคปรกองค์ใหญ่ที่วัดวังหินและวัดวิมลโภคาราม รวมทั้งเพื่อการค้าเป็นจำนวนมากครับ . จนถึงปี พ.ศ. 2522 จึงเริ่มมีการขุดค้นศึกษาทางโบราณวิทยาเป็นครั้งแรก ได้พบซากของปราสาทหินศิลาแลงแกนดินอัดด้วยอิฐตรงกลาง แต่ด้วยเพราะถูกลักลอบขุดทำลายอย่างยับเยิน ในหลายยุคสมัยช่วงก่อนหน้ามาแล้ว จึงยากที่จะทำการศึกษารูปแบบทางสถาปัตยกรรมได้อย่างชัดเจน คงพบชิ้นส่วนบัวกลุ่มยอดปราสาทและเครื่องปักบรรพแถลง กลีบขนุนประดับเรือนยอดแตกหักกระจายอยู่จำนวนหนึ่งครับ . วัตถุโบราณที่ขุดพบยังมีรูปประติมากรรมเศียรทวารบาลหินทราย นนทิเกศวร-มหากาล (แต่ไม่เจอส่วนร่างกาย) พระพิมพ์เนื้อดินเผาและโลหะ รวมทั้งชิ้นส่วนปูนปั้นประดับปราสาทจำนวนมากที่จมดินอยู่ จึงเหลือรอดจากการลักลอบขุดหาวัตถุโบราณในอดีต อย่างรูปพระพุทธเจ้าถือผลสมอ (หม้อยา) พระวิษณุในอวตารตรีวิกรม พระคเณศ พระโพธิสัตว์ เทพยดา รูปบุคคลสตรี อัปสรา ครุฑยุดงวงช้าง อสูรา มกร หน้ากาลและรูปสัตว์ เต่า ลิง ช้าง รวมทั้งลวดลายพรรณพฤกษาอย่างลายดอกซีกดอกซ้อน ลายกลีบบัวเชิง ชุดบัวหัวเสาในขนบการจัดวางลวดลายแบบปราสาทเขมร ---------------------------------- *** เมื่อพิจารณาปูนปั้นรูปเศียรบุคคลชิ้นนี้ ในเบื้องต้นก็อาจดูเหมือนกับรูปของพระพุทธเจ้าทั้งในคติไมเตรยะอนาคตพุทธะ พระวัชรสัตว์ราชา และ พระมหาไวโรจนะ ที่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 – 19 นั้น นิยมทำรูปศิลปะเป็นแบบสวมเทริดกลีบบัวหรือเทริดขนนกแบบทรงเครื่องกษัตริย์ สวมทับลงบนจีวร ที่ได้รับอิทธิพลทางศิลปะมาจากปาละ พุกามและหริภุญชัย ผสมผสานกับคติและศิลปะของฝ่ายละโว้คณะกัมโพชสงฆ์ปักขะครับ . ส่วนปูนปั้นชิ้นอื่น ๆ จากเนินทางพระ ยังปรากฏรูปปั้นของของพระพุทธเจ้าไม่สวมเทริดถือผลสมอ ซึ่งเป็นคติเถรวาท แต่ก็พบรูปประดับจากคติความเชื่อของฝ่ายฮินดู อย่างรูปพระคเณศและรูปนารายณ์ตรีวิกรม รวมทั้งรูปพลังศักติ (พลังของเพศหญิงผ่านรูปบุคลาธิษฐานสตรี) ในคติวัชรยาน-ตันตระ อย่างรูปนางฑากิณี (Dakinis) บุคลาธิษฐานแห่งผู้เป็นพลังอำนาจ ความรู้แจ้งและพลังแห่งเครื่องเพศ สัญลักษณ์ของการกำเนิดพลังแห่งพุทธะ ที่แสดงออกมาในรูปสตรีแยกขายกสูงขึ้นมาเหนือศีรษะ . การปรากฏปูนปั้นประดับรูปสตรีตามคติศักติจำนวนมาก รวมทั้งรูปของฝ่ายฮินดู และพระพุทธเจ้าของเถรวาทในปราสาทองค์เดียวกัน รูปเศียรบุคคลที่พบนี้ จึงอาจเป็นรูปของนางอัปสรา-นางฟ้า ด้วยเพราะรูปพระพุทธเจ้าที่พบหลายชิ้นนั้นได้แสดงรูปศิลปะเป็นพระพุทธรูปแบบปกติไม่สวมเทริดอย่างชัดเจนครับ . เมื่อพิจารณารายละเอียดของเศียรปูนปั้นจะพบว่า ส่วนใบหน้านั้นสามารถเป็นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ส่วนของเทริดนั้นมีดอกไม้สี่กลีบประดับที่ด้านหน้า ส่วนของปูนปั้นข้างพระกรรณเป็นกรรเจียกยอดแหลม แยกออกมาจากเทริด มีลอนมาลัยเป็นสายใหญ่ขนานด้วยก้านดอกไม้ประกบออกมาจากกรรเจียก โค้งลงมาด้านล่าง สายก้านด้านบนสั้นโค้งมาหยุดทำเป็นปลายงอน ดูเป็นการประดับดอกไม้ของสตรีมากกว่าจะเป็นสายมาลัยของพระพุทธรูปสวมเทริดขนนกแบบหลังบายน ที่หลายรูปก็มีการประดับกรรเจียกจรแต่จะแนบไว้ที่ด้านหลังของพระกรรณ . รูปปูนปั้นชิ้นเด่นจากเนินทางพระนี้ จึงอาจเป็นรูปของนางอัปสราหรือนางฟ้าตามศิลปะงานประดับแบบบายน ที่นิยมนำรูปนางอัปสรามาใช้ในการประดับตกแต่งมากกว่าที่จะเป็นรูปของพระพุทธเจ้าไมเตรยะอนาคตพุทธะ ที่ไม่ปรากฏความนิยมในการนำมาใช้ประดับภายนอกปราสาท นอกจากการทำเป็นพระพุทธรุปหล่อลอยตัวและพระพิมพ์จากวัสดุต่าง ๆ . และเป็นรูปปูนปั้นตามคตินางอัปสรา-นางฟ้า ประดับปราสาท จากอิทธิพลของงานศิลปะบายน-หลังบายน ที่ดูงดงามที่สุด ที่เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวด้วยครับ เครดิต : วรณัย พงศาชลากร EJeab Academy เพราะทุกที่มีเรื่องราวและเรื่องเล่า
Create Date : 05 กันยายน 2563 |
Last Update : 5 กันยายน 2563 12:16:40 น. |
|
0 comments
|
Counter : 601 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|