พระพุทธศาสนา
Group Blog
 
All Blogs
 
" เปรตไถนา "

" เปรตไถนา "
ในสมัยหนึ่ง..หลังจากพุทธปรินิพพานไปแล้ว
ได้มีพระภิกษุกลุ่มหนึ่งต้องการจะไปนมัสการสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล
คือ ที่ประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน
ที่ๆเหล่าพระจะไป คือ..
ต้นศรีมหาโพธิ สถานที่ตรัสรู้
แต่ว่า...เพราะเป็นพระต่างถิ่นจึงหลงทาง
หลงป่า จากวันเป็นหลายๆวัน
จนกระทั่ง ๗ วันต่อมา..
เหล่าพระก็ยังหลงป่าอยู่ ต่อมาเวลาโพล้เพล้
เหล่าพระที่เดินทางไปนมัสการก็เดินไปเจอกับชาวนาที่ไถนาอยู่ ก็โล่งใจที่จะได้ถามทางออกไปจากป่าเสียที แต่เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
ใช่คนจริงรึเปล่า !!
เพราะ.. ดูรูปร่างดำเป็นตอตะโก เทียมวัวสี่ตัว
จับหางไถเหล็ก ลากครืดๆไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง เหมือนไม่รู้จักเหนื่อย
" โยม โยม โปรดจงช่วยหยุดก่อน !!!
อะไร...
แขกแปลกหน้าท่าทางไม่พอใจ
เงยหน้าขึ้นมามอง
พวกอาตมาหลงทางในป่านี้มาเจ็ดวันแล้ว..
ขอท่านจงช่วยบอกทางออกจากป่าแก่อาตมาทีเถิด
หึ.. ท่านหลงป่าแค่เจ็ดวัน
แต่ข้าพเจ้านั้นไถนามาแล้วหนึ่งพุทธันดรเต็ม
ยังไม่ได้หยุดพัก ไม่ได้กิน ไม่ได้นอน ไม่ได้นั่งเลย
อะไรกัน.. คนที่ไหนจะไถนาได้ตั้งพุทธันดร
พระคุณท่านลองพิจารณาดูสิว่า..
ข้าพเจ้าเป็นคนจริงๆรึเปล่า
เหล่าพระพิจารณาดูแล้ว..
รูปร่างดำแบบนี้คงไม่ใช่คนแน่ๆ จึงถามว่า..
" แล้วท่านคืออะไร ??
ข้าพเจ้าคือเปรต..
เปรตซึ่งกำลังได้รับความทุกข์ทรมานอย่างหนัก
ต้องไถนาอยู่อย่างนี้ตลอดทั้งวันกลางคืน
ไม่ทราบว่าจะไถไปทำไมเหมือนกัน
จะวางก็ไม่ได้ ต้องไถอยู่อย่างนี้มาเป็นเวลานาน
ได้ ๑ พุทธันดรแล้ว ได้รับความลำบากมาก
" แล้วทำไมท่านจึงต้องมา
ไถนาอยู่เช่นนี้เล่า....
ข้าพเจ้าได้มารับวิบากเช่นนี้เพราะ...
ข้าพเจ้าพล่อยปากแท้ๆ
ท่านพูดจาพล่อยปากอย่างไรหรือ ???
โปรดจงเล่าให้พวกเราฟังด้วยเถิด...
ข้าพเจ้าเป็นชาวนาในยุคพระกัสสปะพระพุทธเจ้า...
มีชาวบ้านไปฟังเทศน์มากมาย แต่ข้าพเจ้านั้น
ไม่สนใจ..ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานด้วยคิดว่า
การบูชาพระพุทธเจ้าไม่มีประโยชน์ สู้ทำนาไม่ได้มีข้าวกินมากกว่า มีชาวบ้านชวนข้าพเจ้าไปฟังธรรมแต่ข้าพเจ้าบอกว่า..
" ไม่ไป เสียเวลาทำนา "
การไปฟังธรรมนั้น..
จะมีประโยชน์มากกว่าการทำนามากนัก
พระกัสสปะพุทธเจ้านั้นวิเศษอย่างไร..
ท่านสามารถไถนาอย่างเราได้หรือไม่..
คนเหล่านั้นตกใจ..
กล่าวโทษของการติเตียนพระรัตนตรัย
แต่ข้าพเจ้าก็พูดตัดบทด้วยความรำคาญว่า
ข้าพเจ้าตั้งใจไว้แล้วว่า..
ถ้าพระกัสสปะไถนาให้ข้าพเจ้าไม่ได้
ข้าพเจ้าก็จะไม่ไปฟังธรรม
ด้วยการพูดพล่อยปากเพียงเท่านี้...
ข้าพเจ้าตายแล้วจึงต้องมาจับหางไถ
เดินวนเวียนไถนาอยู่อย่างนี้นับพุทธันดร
ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน ไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้กิน
ไม่ได้ถ่ายตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้
โน้นแนะ...หนทางที่พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย
ต้องประสงค์จะไป อ้อ?... ก่อนที่จะจากไป..
ข้าพเจ้าใคร่จะสั่งความสักอย่างหนึ่ง
คือว่า..ขอพระคุณเจ้าทั้งหลาย จงได้กรุณา
บอกเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายด้วยเถิดว่า
ขอให้เพื่อนมนุษย์ทั้งหลายที่ยังไม่ตาย
จงพยายามขวนขวายในการทำบุญให้ทาน
จงอย่ามีใจประมาทในอกุศล...
กรรมความชั่วแม้เพียงเล็กน้อย
อย่าได้เป็นคนมีปากชั่วเช่นข้าพเจ้า
ขอถือข้าพเจ้าเป็นเยี่ยงอย่าง..พยายามสร้างบุญกุศลไว้ เมื่อถึงคราวตายจะได้ไม่ต้องมาเกิดเป็นเปรต
ให้เป็นที่น่าเวทนาสงสารเช่นตัวข้าพเจ้านี้ ”
เปรตสั่งดังนี้แล้ว...
ก็ประนมมือท่วมหัวนมัสการพระภิกษุทั้งหลาย แล้วยืนก้มหน้านิ่งอยู่
เหล่าสาวกแห่งองค์สมเด็จพระบรมคร
ูผู้หลงป่าทั้งหลาย...
เมื่อได้ประสบการณ์เช่นนี้..
ก็มีความรู้สึกสังเวชสลดใจเป็นกำลังในที่สุด
จึงกล่าวคำอำลาออกเดินไปตามทางที่เปรตผู้อารีชี้บอกต่อไป...
จงถึงจุดหมายปลายทาง..
นั้นคือต้นศรีมหาโพธิพฤกษ์
อันเป็นที่ตรัสรู้แห่งองค์สมเด็จพระบรมครูเจ้า
ด้วยประการฉะนี้..


Create Date : 26 ธันวาคม 2563
Last Update : 26 ธันวาคม 2563 19:02:22 น. 0 comments
Counter : 245 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5378236
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5378236's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.