ดี
ฉันเพิ่งเข้าใจ หลายปีมานี้ ฉันเริ่มรู้สึกกลัว เพราะยิ่งฉันอายุมากขึ้น ญาติๆก็จากไปทีละคนสองคน สิ่งนี้บอกกับฉันว่า “ชีวิตเป็นอนิจจัง” ฉันเริ่มคิดได้ ฉันปล่อยให้สิ่งที่ต่างๆเป็นไปตามปัจจัย ได้มาก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หลายปีมานี้ การดำเนินชีวิตบอกกับฉันว่า “จิตให้ร้ายผู้อื่นไม่ควรมี จิตปกป้องตนเองไม่ควรหายไป” การดำเนินชีวิตยังบอกกับฉันอีกว่า “นอกเสียจากคนในครอบครัว อย่าไว้ใจคนอื่นให้มากนัก” หลายปีมานี้ ฉันรู้แล้วว่า ฉันควรดีต่อทุกคน โดยเฉพาะคนที่ดีต่อฉัน ฉันเข้าใจแล้วว่า วันเวลาอาจไม่ช่วยให้เราผูกพันกับใคร แต่มันช่วยให้เราเข้าใจใครๆมากยิ่งขึ้น ฉันรู้ซึ้งแล้วว่า นอกเสียจากพ่อและแม่ ก็ไม่เห็นมีใครที่จะให้อภัยฉันได้เหมือนท่านทั้งสองคน หลายปีมานี้ ฉันเปลี่ยนไป ความทุกข์ที่ฉันพานพบทำให้ฉันแกร่งมากยิ่งขึ้น ยิ่งมากฉันยิ่งเหมือนต้นกระบองเพชร โยนลงไปที่ไหนก็มีชีวิตได้ในทุกที่ ความทุกข์ทำให้ฉันรู้จักเอาชีวิตรอดมาได้ ฉันยกระดับจิตได้มากยิ่งขึ้น ต่อเรื่องราวต่างๆที่ไม่ถูกตาถูกใจ ฉันสามารถเห็นแต่ไม่ใส่ใจได้อย่างสบายๆ หลายปีมานี้ โลกใบนี้บอกกับฉันว่า ต่อให้ฉันผอม หุ่นดี ทุกอย่างดีพร้อม คนที่ไม่ชอบฉันก็ไม่มีทางรักฉันอยู่ดี โลกใบนี้บอกกับฉันว่า ต่อให้ฉันอ้วน น่าเกลียด ไม่มีดีสักอย่าง คนที่ชอบฉันเขาก็ไม่มีทางทิ้งฉันอยู่ดี โลกใบนี้บอกกับฉันว่า ไม่ใช่ว่าใครๆก็ยินดียืนหยัดสู้กับฉันเสมอไป โลกใบนี้บอกกับฉันว่า เมื่อไม่คิดอิจฉาในสิ่งที่คนอื่นมี ชีวิตของฉันก็เป็นสุขมากยิ่งขึ้นในทันที โลกใบนี้บอกกับฉันว่า เมื่อชะตาลิขิตมาย่อมมี หากไม่ได้ลิขิตมา ยื้อไว้อย่างไรก็ไม่มีทางรักษาเอาไว้ได้(ไม่ว่าเรื่องคน เรื่องหน้าที่การงานหรือทรัพย์สินเงินทอง) ดังนั้น ฉันจึงบอกกับตัวเองว่า เรื่องที่ถูก ต้องยืนหยัด เรื่องที่ผิด ต้องเลิกทำ วันวานไม่อาจหวนกลับ จงปล่อยมันไป วันนี้เป็นของเรา ทำให้ดีที่สุด วันพรุ่งนี้มีไว้เพื่อแก้ไข ต้องรู้จักรักษาโอกาสให้จงดี
Create Date : 22 ธันวาคม 2563 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2563 8:00:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 140 Pageviews. |
|
|
|
| |