ดี
เมื่อปราศจากธรรมะแล้ว “คน”กับ“สัตว์” จะต้องเหมือนกัน . สิ่งใดที่มนุษย์ทำได้เหมือน ๆ กับสัตว์ หรือสัตว์ทำได้เหมือน ๆ กับมนุษย์นั้น ไม่เป็นของแปลกเลย ดังที่ท่านได้ตรัสไว้เป็นหลักแต่โบ-รม โบราณ ก่อนพุทธกาลมาเสียอีกว่า . “อาหารนิทฺทาภยเมถุนญจฺ” การแสวงหาอาหารกิน การแสวงหาความสุขจากการนอน ความรู้จักขี้ขลาด วิ่งหนีอันตราย และ การประกอบเมถุนธรรม(ร่วมประเวณี) . “สามาญญเมตปฺปสภิ นรานํ” ทั้ง ๔ อย่างนี้ มีได้เสมอกันในระหว่าง มนุษย์กับสัตว์ . “ธมฺโม หิ เตสํ อธิโก วิเสโส” ธรรมะเท่านั้น ที่จะทำความผิดแปลกแตกต่างระหว่างคนกับสัตว์ . “ธมฺเมน หีนา ปสุภิ สมานา” เมื่อปราศจากธรรมะแล้ว คนกับสัตว์ก็จะต้องเหมือนกัน . นี้ล่ะ! ขอให้จำไว้เป็นหลักเสียครั้งหนึ่งก่อนว่า คนจะผิดจากสัตว์ หรือสัตว์จะผิดจากคน มันก็หยุดอยู่ตรงที่ จะมีธรรมหรือไม่? เท่านั้น จะเอาเรื่องอาหารการกิน การแต่งเนื้อแต่งตัว การเป็นอยู่เพื่อแสวงหาความสุขความเพลิดเพลิน ทาง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นต้นนั้น ไม่มีความแปลกแตกต่างอะไรกันระหว่างคนกับสัตว์ หมายความว่า แม้คนจะทำได้ดี วิจิตรปราณีตกว่าสัตว์ แต่ความหมายมันก็ยังเท่ากัน ไม่ได้แปลกแตกต่างกัน ท่านจึงลงมติกันไว้อย่างนั้น ว่าเอาธรรมะอย่างเดียวเท่านั้นมาเป็นเครื่องวัดความผิดแปลกแตกแต่งระหว่างคนกับสัตว์. . ถ้าจากปราศจากธรรมะเสียแล้ว แม้จะมั่งมี จะร่ำรวย จะอุดมสมบูรณ์สักเท่าไร ก็ย่อมจะหาความสุขไม่ได้ ตนเองก็มีจิตใจที่เร่าร้อน เผาตนเองให้เร่าร้อนอยู่เสมอ เกี่ยวกับคนอื่นก็เบียดเบียนซึ่งกันและกัน คือการเอาเปรียบ แข่งขันแย่งชิง กับความอิจฉาริษยา ซึ่งกันและกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง นี่ก็เพราะขาดธรรมะอย่างเดียวเท่านั้น ตนเองก็อยู่ไม่เป็นสุข ผู้อื่นก็อยู่ไม่เป็นสุข จนได้ชื่อว่าเป็นโลกของความสับสนวุ่นวาย เป็นความทุกข์ร้อนระอุกันไปทั่วทุกหัวระแหง . โอวาทธรรมคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ
Create Date : 25 มกราคม 2564 |
Last Update : 25 มกราคม 2564 19:23:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 137 Pageviews. |
|
|
|
| |