พระพุทธศาสนา
Group Blog
 
All Blogs
 
ดี

ลักษณะเสียงของท่าน (ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต)
ขณะเทศน์อบรมพระเณรนั้น จะทุ้มก็ไม่ใช่ จะแหลมก็ไม่เชิง อยู่ในระหว่างกลางทุ้มกับแหลม
เสียงดังฟังชัด เสียงกังวาน เสียงชัดเจน ไม่มีแหบ ไม่มีเครือ ชั่วโมงแรกนะไม่เท่าไรธรรมดา​ ๆ ๑ ชั่วโมงผ่านไปเสียงจะดังขึ้น ๒ ชั่วโมงผ่านไปเสียงจะดังขึ้นอีก ถ้าติดต่อกัน ๓-๔ ชั่วโมงแล้วเหมือนกับติดไมค์ อันนี้เป็นเรื่องจริง จากวัดป่าบ้านหนองผือจรดบ้านหนองผือโน่น เรียกว่า บ้านโยมพุฒนั่นนะ ลุกมานั่งฟังธรรมดา เหมือนท่านมาพูดใกล้​ ๆ ชาวบ้านหนองผือที่นอนแล้ว ก็ลุกขึ้นมานั่งฟังหมด ไม่จำเป็นต้องมาที่วัด อันนี้คำชั่วโมงที่ ๒ ขึ้นไป
ปกติท่านจะเทศน์ ๒ ชั่วโมง ในชั่วโมงที่ ๒ นั่นล่ะ ชาวบ้านได้ยินแล้ว ลุกมานั่งฟังแล้ว เทศน์กรณีพิเศษ เช่น เดือน ๓ เพ็ญ เดือน ๖ เพ็ญ วันเข้าพรรษา ออกพรรษา อย่างน้อยก็ประมาณ ๔ ชั่วโมงถึง ๖ ชั่วโมง จะดังขึ้นเรื่อยๆ ถึง ๖ ชั่วโมงยิ่งดัง
พระอาจารย์เทสก์​ (หลวงปู่เทสก์​ เทสรังสี​ วัดหินหมากเป้ง​ จ.หนองคาย)​ ได้เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยท่านพระอาจารย์มั่นอยู่ที่เชียงใหม่ เทศน์ที่วัดเจดีย์หลวง เทศน์ตั้งแต่ ๑ ทุ่มถึง ๑๑ นาฬิกาวันใหม่ ลงจากธรรมาสน์ท่านจึงจะมาฉันจังหัน นั่นเป็นกี่ชั่วโมง ตื่นเช้าขึ้นมาท่านยังเทศน์อยู่เสียงมันดัง
ทีนี้พวกข้าราชการ แม่บ้านหิ้วตะกร้าไปตลาดตอนเช้า พอได้ยินเสียงท่านเทศน์คิดว่าพระทะเลาะกัน พากันเข้าไปก็เห็นท่านพระอาจารย์มั่นเทศน์ เลยอยู่ฟังเทศน์ลืมว่าจะไปตลาดและต้องกลับไปทำกับข้าวให้ลูกผัวกิน ลูกผัวตามมาเห็นอยู่ที่วัดเจดีย์หลวงฟังเทศน์อยู่ ก็เลยบอกว่าจะไปจ่ายตลาดเอง แล้วก็จะเลยไปทำงาน
ผู้ที่จะไปขายของก็เหมือนกัน ผ่านมาพอได้ยินเสียง คิดว่าพระทะเลาะกัน ก็พากันเข้าไป ไม่ต้องขายของวางตะกร้าแล้วก็ฟังเทศน์ต่อ จนกระทั่งท่านเทศน์จบจึงไป พระอาจารย์เทสก์​ (หลวงปู่เทสก์​ เทสรังสี)​ พูดให้ฟังอย่างนี้
ท่านเทศน์นานที่สุดคือ เทศน์ปีสุดท้าย เป็นวันมาฆบูชา หลังจากเวียนเทียนเสร็จแล้ว ท่านก็เริ่มเทศน์ มีชาวบ้านหนองผือมานั่งฟังอยู่ข้างล่าง มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย ลูกเล็กเด็กแดงอุ้มนอนอยู่ที่ตัก เด็กก็ไม่ร้อง ปรากฏว่ามีคนอุ้มเด็กกลับไปแค่ ๓ คน นอกนั้นอยู่จนรุ่งถึงจะกลับบ้าน ท่านเทศน์อยู่ตั้งแต่ ๑ ทุ่มจนถึงเช้า อันนี้เป็นความจำของผู้เล่า (หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ)
ท่านพูดว่า เราจะเทศน์แล้วแหละ เทศน์ซัมเฒ่า..นะ
ต่อจากนี้ไปจะไม่ได้เทศน์นานอย่างนี้อีกแล้ว รู้สึกว่าจะเป็นวันเพ็ญเดือน ๓ พอตกเดือน ๕ ท่านก็เริ่มป่วย มีอาการไอ และป่วยมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเดือนอ้าย เป็นเวลา ๙ เดือน (ท่านพระอาจารย์มั่นมรณภาพเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒)
ปกตินั้นท่านจะเทศน์ตามเหตุการณ์ในพุทธประวัติ ที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ( สมเด็จพระมหาสมณเจ้า​ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส​ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ​ มนุสสนาโค​ สมเด็จ​พระสังฆราชพระองค์ที่​ ๑๐​ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์​)​ ทรงรจนา ถ้าเพ็ญเดือน ๖ จะปรารภถึงเรื่องประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ถ้าเพ็ญเดือน ๓ จะปรารภเรื่องการแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูป ที่พระเวฬุวัน ตลอดคืนจนสว่าง
ทำไมจะมากมายก่ายกองขนาดนั้น ก็เพราะท่านไม่ได้เล่าเป็นวิชาการ ท่านเล่าให้ละเอียดไปกว่านั้นอีก เรื่องก็เลยยืดยาวไป
เวลาเทศน์ท่านจะลืมตา หมากไม่เคี้ยว บุหรี่ไม่สูบ น้ำไม่ดื่ม ท่านจะเทศน์อย่างเดียว พระเณรก็ลุกหนีไม่ได้ ไม่มีใครลุกหนีเลย ไปปัสสาวะก็ไม่ไป จะไอจะจามก็ไม่มี จะบ้วนน้ำลายก็ไม่มี จะนิ่งเงียบจนเทศน์จบ


Create Date : 25 มกราคม 2564
Last Update : 25 มกราคม 2564 19:15:56 น. 0 comments
Counter : 145 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5378236
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5378236's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.